พบผลลัพธ์ทั้งหมด 761 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 41/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ห้างหุ้นส่วนสามัญที่เลิกแล้ว โอนหุ้นได้โดยไม่ต้องยินยอม ผู้รับโอนมีสิทธิฟ้องคดีอาญาได้
ห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิได้จดทะเบียน เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนมีมติให้เลิก ความเป็นหุ้นส่วนก็สิ้นสุดลง จะนำมาตรา 1249 - 1040 มาใช้บังคับมิได้ และผู้เป็นหุ้นส่วนย่อมโอนหุ้นของตนได้โดยไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากหุ้นส่วนคนอื่น ผู้รับโอนหุ้นมาย่อมเป็นผู้เสียหายในทางอาญาได้
คดีอาญาที่อยู่ในชั้นพิจารณาอำนาจฟ้อง แม้ศาลจะเห็นว่าฟ้องบางข้อไม่ผิดตามบทกฎหมายที่โจทก์อ้าง แต่ยังมีขอ้หาฐานอื่นอยู่ด้วย และคดีจะต้องพิจารณาพิพากษาต่อไป ศาลไม่ควรด่วนวินิจฉัยว่าจำเลยไม่มีความผิด
ทนายความที่ได้รับมอบอำนาจจากตัวความให้ใช้สิทธิอุทธรณ์, ฎีกาได้ ย่อมมีอำนาจลงชื่อในอุทธรณ์แทนตัวความได้
(อ้างฎีกา 1243/2492)
คดีอาญาที่อยู่ในชั้นพิจารณาอำนาจฟ้อง แม้ศาลจะเห็นว่าฟ้องบางข้อไม่ผิดตามบทกฎหมายที่โจทก์อ้าง แต่ยังมีขอ้หาฐานอื่นอยู่ด้วย และคดีจะต้องพิจารณาพิพากษาต่อไป ศาลไม่ควรด่วนวินิจฉัยว่าจำเลยไม่มีความผิด
ทนายความที่ได้รับมอบอำนาจจากตัวความให้ใช้สิทธิอุทธรณ์, ฎีกาได้ ย่อมมีอำนาจลงชื่อในอุทธรณ์แทนตัวความได้
(อ้างฎีกา 1243/2492)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 41/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ห้างหุ้นส่วนสามัญที่เลิกแล้ว ผู้รับโอนหุ้นมีสิทธิฟ้องคดีอาญาได้
ห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิได้จดทะเบียน เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนมีมติให้เลิกความเป็นหุ้นส่วนก็สิ้นสุดลง จะนำมาตรา1249-1040 มาใช้บังคับมิได้ และผู้เป็นหุ้นส่วนย่อมโอนหุ้นของตนได้โดยไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากหุ้นส่วนคนอื่นผู้รับโอนหุ้นมาย่อมเป็นผู้เสียหายในทางอาญาได้
คดีอาญาที่อยู่ในชั้นพิจารณาอำนาจฟ้อง แม้ศาลจะเห็นว่าฟ้องบางข้อไม่ผิดตามบทกฎหมายที่โจทก์อ้าง แต่ยังมีข้อหาฐานอื่นอยู่ด้วย และคดีจะต้องพิจารณาพิพากษาต่อไปศาลไม่ควรด่วนวินิจฉัยว่าจำเลยไม่มีความผิด
ทนายความที่ได้รับมอบอำนาจจากตัวความให้ใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้ย่อมมีอำนาจลงชื่อในอุทธรณ์แทนตัวความได้
(อ้างฎีกา 1243/2492)
คดีอาญาที่อยู่ในชั้นพิจารณาอำนาจฟ้อง แม้ศาลจะเห็นว่าฟ้องบางข้อไม่ผิดตามบทกฎหมายที่โจทก์อ้าง แต่ยังมีข้อหาฐานอื่นอยู่ด้วย และคดีจะต้องพิจารณาพิพากษาต่อไปศาลไม่ควรด่วนวินิจฉัยว่าจำเลยไม่มีความผิด
ทนายความที่ได้รับมอบอำนาจจากตัวความให้ใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้ย่อมมีอำนาจลงชื่อในอุทธรณ์แทนตัวความได้
(อ้างฎีกา 1243/2492)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1382/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องซ้ำในคดีอาญา: ผลของการยกฟ้องเนื่องจากโจทก์ไม่นำพยานมาสืบ
คดีอาญา ผู้เสียหายได้เป็นโจทก์ฟ้องจำเลย ครั้นถึงวันนัด ทนายโจทก์มา แต่ตัวโจทก์ไม่มาและโจทก์ไม่ได้ร้องขอเลื่อนคดี ศาลได้พิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุดแล้ว อัยยการจะนำคดีมาฟ้องใหม่หาได้ไม่ เพราะในคดีก่อนศาลยกฟ้อง เพราะโจทก์ไม่มีพะยานมาสืบ ซึ่งมีผลเช่นเดียวกับการพิพากษายกฟ้อง โดยโจทก์พิสูจน์ความผิดของจำเลยไม่ได้สมฟ้อง เป็นการพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้องแล้ว สิทธิฟ้องร้องได้ระงับสิ้นไปตาม ป.ม.วิ.อาญา มาตรา 39 (4)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1368/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนการพิจารณาคดีอาญาเนื่องจากพยานไม่มาศาลโดยมีเหตุอันควร ศาลต้องดำเนินกระบวนการต่อไป
การขอเลื่อนการพิจารณาเพราะพยานที่โจทก์ได้ขอหมายเรียกไปแล้วไม่มาศาลถือได้ว่า มีเหตุอันควร
คดีอาญา พยานโจทก์ไม่มาศาลในวันนัดถึง 3 ครั้ง เพราะพยานอยู่ต่างจังหวัดและบางคนเจ้าหน้าที่ส่งหมายให้ไม่ได้ ตามพฤติการณ์ไม่ใช่เป็นความผิดของโจทก์ ศาลต้องเลื่อนการพิจารณาเพื่อดำเนินกระบวนพิจารณาโจทก์ต่อไป
คดีอาญา พยานโจทก์ไม่มาศาลในวันนัดถึง 3 ครั้ง เพราะพยานอยู่ต่างจังหวัดและบางคนเจ้าหน้าที่ส่งหมายให้ไม่ได้ ตามพฤติการณ์ไม่ใช่เป็นความผิดของโจทก์ ศาลต้องเลื่อนการพิจารณาเพื่อดำเนินกระบวนพิจารณาโจทก์ต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1176/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ไม่ใช่กฎหมายอันรู้ถึงประชาชนเสมอไป ต้องได้รับการสนับสนุนจากกฎหมายจึงมีผล
ประกาศในราชกิจจานุเบกษานั้นตามนิตินัยมิใช่ว่าประกาศใดที่ออกในราชกิจจานุเบกษาแล้วจะต้องถือว่าเป็นกฎหมายอันรู้ถึงประชาชน ทั้งนี้ต้องแล้วแต่ว่าประกาศที่ออกแล้วนั้น จะได้รับการสนับสนุนให้มีผลใช้ได้ในกฎหมายเพียงใด
ประกาศของคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าว ซึ่งลงในราชกิจจานุเบกษานั้นเป็นประกาศธรรมดาไม่ใช่เป็นกฎหมายอันประชาชนจะพึงปฏิเสธไม่ได้ ฉะนั้น โจทก์ก็จะต้องนำสืบว่าจำเลยได้ทราบประกาศนั้นแล้ว เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ทราบก็จะเอาผิดลงโทษจำเลยไม่ได้
ประกาศของคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าว ซึ่งลงในราชกิจจานุเบกษานั้นเป็นประกาศธรรมดาไม่ใช่เป็นกฎหมายอันประชาชนจะพึงปฏิเสธไม่ได้ ฉะนั้น โจทก์ก็จะต้องนำสืบว่าจำเลยได้ทราบประกาศนั้นแล้ว เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ทราบก็จะเอาผิดลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 871/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
องค์ความผิดการค้ากำไรเกินควร: ความจำเป็นในการระบุเจตนาทราบประกาศ
โจทก์ฟ้องว่า
คณะกรรมการส่วนจังหวัดป้องกันการค้ากำไรเกินควรประจำจังหวัดนครพนมอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 8 แห่ง พระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร 2490 ได้ประกาศระบุให้น้ำมันก๊าดเป็นสิ่งของต้องห้ามมิให้ค้ากำไรเกินควร โดยได้กำหนดราคาสูงสุดไว้แล้วตามสำเนาประกาศท้ายฟ้อง จำเลยบังอาจค้ากำไรเกินควรโดยขายน้ำมันก๊าดให้นายทองไป 1 ลิตรราคา 2 บาท เกินราคาสูงสุดที่กำหนดไว้ 50 สตางค์ ดังนี้ ตามข้อความในฟ้อง พอเข้าใจได้แล้วว่า โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยบังอาจกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนประกาศ แม้โจทก์จะมิได้ระบุในฟ้องว่าจำเลยได้ทราบประกาศนั้นแล้วฟ้องของโจทก์ก็สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158 แล้ว
คณะกรรมการส่วนจังหวัดป้องกันการค้ากำไรเกินควรประจำจังหวัดนครพนมอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 8 แห่ง พระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร 2490 ได้ประกาศระบุให้น้ำมันก๊าดเป็นสิ่งของต้องห้ามมิให้ค้ากำไรเกินควร โดยได้กำหนดราคาสูงสุดไว้แล้วตามสำเนาประกาศท้ายฟ้อง จำเลยบังอาจค้ากำไรเกินควรโดยขายน้ำมันก๊าดให้นายทองไป 1 ลิตรราคา 2 บาท เกินราคาสูงสุดที่กำหนดไว้ 50 สตางค์ ดังนี้ ตามข้อความในฟ้อง พอเข้าใจได้แล้วว่า โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยบังอาจกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนประกาศ แม้โจทก์จะมิได้ระบุในฟ้องว่าจำเลยได้ทราบประกาศนั้นแล้วฟ้องของโจทก์ก็สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 442/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องไม่สมบูรณ์และข้อเท็จจริงไม่สอดคล้อง แม้ฟ้องสมบูรณ์ก็ต้องยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นยกฟ้อง เพราะฟ้องไม่สมบูรณ์และชั้นอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ไม่เชื่อข้อเท็จจริง ชั้นฎีกาโจทก์มิได้โต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดไว้นั้นกลับฎีกาเฉพาะเรื่องฟ้องสมบูรณ์หรือไม่ ดังนี้ แม้ฟ้องจะสมบูรณ์จริงเมื่อข้อเท็จจริงยังคงเป็นดังที่ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดไว้ ก็ต้องยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 345/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยฐานขายสินค้าเกินราคา ต้องมีข้อเท็จจริงพิสูจน์ได้ว่ามีการประกาศกำหนดราคาโดยชอบด้วยกฎหมาย
คดีหาว่า จำเลยขายข้าวสารเกินกำหนดราคาสูงสุดที่คณะกรมการจังหวัดกำหนดไว้ ฟ้องโจทก์กล่าวแต่เพียงว่าคณะกรมการจังหวัดได้ประกาศโดยชอบด้วยกฎหมาย และในคำขอท้ายฟ้องขอให้ลงโทษตาม พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคฯ คณะกรมการจังหวัดจะได้ออกประกาศโดยอาศัยพระราชบัญญัติที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดนั้นหรือไม่ ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏ ดังนั้น จะลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคฯ ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 253/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แก๊บกระดาษไม่ใช่ดอกไม้เพลิงหรือเครื่องกระสุนปืน แม้จำเลยรับสารภาพ หากข้อกล่าวหาไม่ชัดเจน ศาลต้องยกฟ้อง
แก๊บกระดาษอันเป็นวัตถุทำให้เกิดเสียงดังด้วยการระเบิดไม่เป็นดอกไม้เพลิง และไม่เป็นเครื่องกระสุนปืน ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯลฯ
แม้จำเลยให้การรับสารภาพ แต่คำกล่าวหาในฟ้อง มีข้อน่าสงสัยว่าจะเป็นความผิดตามกฎหมายหรือไม่ ศาลเรียกของกลางมาตรวจและสอบถามโจทก์จำเลยได้ เมื่อเห็นว่าแก๊บกระดาษของกลางไม่เป็นดอกไม้เพลิงหรือเครื่องกระสุนปืนตามกฎหมายที่โจทก์ฟ้อง แม้จำเลยรับสารภาพก็ต้องยกฟ้องตามมาตรา 185 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
แม้จำเลยให้การรับสารภาพ แต่คำกล่าวหาในฟ้อง มีข้อน่าสงสัยว่าจะเป็นความผิดตามกฎหมายหรือไม่ ศาลเรียกของกลางมาตรวจและสอบถามโจทก์จำเลยได้ เมื่อเห็นว่าแก๊บกระดาษของกลางไม่เป็นดอกไม้เพลิงหรือเครื่องกระสุนปืนตามกฎหมายที่โจทก์ฟ้อง แม้จำเลยรับสารภาพก็ต้องยกฟ้องตามมาตรา 185 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำให้การปฏิเสธของจำเลยในคดีแจ้งปริมาณข้าวเท็จ โจทก์มีหน้าที่พิสูจน์ความเท็จ
คำให้การของจำเลยในคดีอาญา ซึ่งถือไม่ได้ว่า เป็นคำรับสารภาพ.