คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 185

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 761 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิเสธข้อกล่าวหาและการพิสูจน์ความเท็จของคำแจ้งความ จำเลยให้การปฏิเสธ โจทก์มีหน้าที่พิสูจน์ความเท็จ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยแจ้งปริมาณข้าวซึ่งอยู่ในความครอบครองของจำเลยเป็นเท็จ ขอให้ลงโทษ จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นกสิกรได้รับยกเว้นไม่ต้องแจ้งปริมาณข้าว ทั้งข้อความที่จำเลยแจ้งต่อเจ้าพนักงานก็เป็นความจริง ดังนี้จะฟังว่าจำเลยให้การรับตามฟ้องไม่ได้ กลับแสดงให้เห็นชัดว่าจำเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อหา จึงเป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องนำสืบให้ได้ความว่าคำแจ้งความของจำเลยเป็นเท็จ เมื่อโจทก์ไม่สืบพยาน ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 784/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดเวลากลางคืนตามกฎหมาย: ผลต่อการพิจารณาคดีอาญา
การนับเวลาได้มีประกาศนับเวลาในราชการ พ.ศ.2460 ให้เริ่มนับวันใหม่ตั้งแต่เที่ยงคืน และ ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 6 ข้อ 23 บัญญัติว่า วันหนึ่งหมายความว่าระยะเวลายี่สิบสี่ชั่วโมง เมื่อตั้งต้นนับวันใหม่ตั้งแต่เที่ยงคืน วันหนึ่งจึงมีเวลากลางคืน 2 ตอน คือตอนต้นนับวันใหม่ตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนไปจนถึงพระอาทิตย์ขึ้น เป็นเวลากลางคืนตอนหนึ่ง กับอีกตอนหนึ่งระหว่างเวลาตั้งแต่พระอาทิตย์ตกไปสุดสิ้นถึงเวลาเที่ยงคืน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดในวันที่ 20 กันยายน 2489 เวลากลางคืน ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยกระทำผิดในวันที่ 21 กันยายน 2489 เวลา 4.00 นาฬิกา ดังนี้ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง ต้องยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 784/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับเวลากลางคืนตามกฎหมาย: ผลต่อการระบุวันเวลาเกิดเหตุในคดีอาญา
การนับเวลาได้มีประกาศนับเวลาในราชการ พ.ศ.2460 ให้เริ่มนับวันใหม่ตั้งแต่เที่ยงคืน และกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 6 ข้อ 23 บัญญัติว่า วันหนึ่งหมายความว่าระยะเวลายี่สิบสี่ชั่วโมง เมื่อตั้งต้นนับวันใหม่ตั้งแต่เที่ยงคืนวันหนึ่งจึงมีเวลากลางคืน 2 ตอน คือตอนต้นนับวันใหม่ตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนไปจนถึงพระอาทิตย์ขึ้น เป็นเวลากลางคืนตอนหนึ่ง กับอีกตอนหนึ่งระหว่างเวลาตั้งแต่พระอาทิตย์ตกไปสุดสิ้นถึงเวลาเที่ยงคืน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดในวันที่ 20 กันยายน 2489เวลากลางคืนทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยกระทำผิดในวันที่ 21 กันยายน 2489 เวลา 4.00 นาฬิกา ดังนี้ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง ต้องยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 758/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซ้ำในคดีอาญา: ผลของการขาดข้อเท็จจริงสำคัญในฟ้องเดิม และการระงับสิทธิฟ้อง
คดีก่อนศาลชั้นต้นได้พิจารณาสืบพยานโจทก์จำเลยจนเสร็จสำนวนและนัดตัดสิน ถือว่าได้มีการพิจารณาในความผิดซึ่งได้ฟ้องนั้นแล้ว
หากปรากฏว่าในฟ้องมิได้ระบุที่เกิดเหตุ การกระทำผิดที่ไหนนับเนื่องว่าเป็นความผิดซึ่งได้ฟ้องนั้นส่วนหนึ่ง เมื่อขาดข้อเท็จจริงอันสำคัญไปเช่นนี้ ต้องยกฟ้อง คู่ความมิได้อุทธรณ์คดีเป็นอันเสร็จเด็ดขาด จึงเรียกได้ว่า มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้องแล้วสิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 744/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ องค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกง: ต้องมีเจตนาหลอกลวง ผู้ถูกหลอกเชื่อ และส่งทรัพย์ให้
ความสำคัญของความผิดฐานฉ้อโกง จะต้องปรากฏว่ามีเจตนาทุจริตกล่าวเท็จหลอกลวง ผู้ถูกหลอกลวงหลงเชื่อและส่งทรัพย์ให้ ฟ้องโจทก์ ปรากฏแต่เพียงว่าจำเลยกล่าวเท็จอย่างเดียวเท่านั้น ยังไม่เป็นองค์ความผิดฐานฉ้อโกง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 744/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ องค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกง: ต้องมีเจตนาหลอกลวง ผู้ถูกหลอกเชื่อ และส่งทรัพย์ให้
ความสำคัญของความผิดฐานฉ้อโกง จะต้องปรากฏว่ามีเจตนาทุจจริตกล่าวเท็จหลอกลวง ผู้ถูกหลอกลวงหลงเชื่อ และส่งทรัพย์ให้ฟ้องโจทก์เพียงว่า จำเลยกล่าวเท็จอย่างเดียวเท่านั้น ยังไม่เป็นองค์ความผิดฐานฉ้อโกง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 598-601/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานจับคนเพื่อสินไถ่สำเร็จเมื่อหน่วงเหนี่ยวกักขัง แม้ยังไม่ได้รับเงินสินไถ่ก็ได้
ความผิดฐานจับคนเพื่อสินไถ่ ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา270 แก้ไขเมื่อ พ.ศ.2477 ย่อมสำเร็จบริบูรณ์ตั้งแต่ขณะที่จำเลยจับกุมพาบุคคลไปโดยใช้กำลังขู่เข็ญให้ไปด้วยความกลัว แม้ยังมิได้รับเงินค่าไถ่เลยก็ตาม
คำวิเคราะห์ศัพท์ว่าสินไถ่ในกฎหมายลักษณะอาญานั้น เป็นคำหมายแสดงลักษณะของคำว่าสินไถ่มิใช่องค์บัญญัติแห่งความผิด
สินไถ่หรือสินจ้างไม่จำเป็นว่าต้องให้ตอบแทนทันทีในขณะที่ปล่อยคนที่ถูกจับเสมอจะให้ก่อนปล่อยหรือภายหลังการปล่อยก็ได้ ความหมายอันสำคัญเพียงว่าเป็นสินจ้างหรือสินไถ่ เพื่อแลกเปลี่ยนกับคนที่ถูกจับกลับคืนมาเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 596/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชอบธรรมของประกาศคณะกรรมการจังหวัดในการควบคุมข้าวสาร แม้มีกฎหมายเฉพาะอื่น
ประกาศคณะกรรมการจังหวัดเรื่องยักย้ายข้าวสารออกโดยอาศัยอำนาจแห่ง พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคและของอื่นๆ ในภาวะคับขัน2488 มีผลบังคับได้ พระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าวกับ พระราชบัญญัติการค้าข้าวไม่มีข้อความทับ พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคฯ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 520/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซ้ำในความผิดเดิม แม้ฟ้องเดิมขาดองค์ประกอบความผิด สิทธิฟ้องระงับตามกฎหมาย
ศาลพิพากษายกฟ้องของโจทก์ เพราะฟ้องของโจทก์ขาดองค์สำคัญแห่งความผิดแม้จะพิจารณาได้ความตามฟ้องก็ลงโทษจำเลยไม่ได้ ดังนี้ได้ชื่อว่าศาลพิพากษายกฟ้อง เพราะการกระทำของจำเลยไม่เป็นผิดตามมาตรา 185 สิทธินำคดีมาฟ้องใหม่ย่อมระงับไปตามมาตรา 39(4)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 520/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซ้ำในความผิดเดิม แม้ฟ้องเดิมขาดองค์ประกอบความผิด สิทธิฟ้องระงับตามกฎหมาย
ศาลพิพากษายกฟ้องของโจทก์ เพราะฟ้องของโจทก์ขาดองค์สำคัญแห่งความผิด แม้จะพิจารณาได้ความตามฟ้องก็ลงโทษจำเลยไม่ได้ ดังนี้ ได้ชื่อว่าศาลพิพากษายกฟ้องเพราะการกระทำของจำเลยไม่เป็นผิดตามมาตรา 185 สิทธินำคดีมาฟ้องใหม่ ย่อมระงับไปตามมาตรา 39(4)
of 77