คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
กฎหมายลักษณะอาญา ม. 53

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 102 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 927/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ: การใช้กำลังตอบโต้เมื่อถูกทำร้ายด้วยอาวุธ
ผู้เสียหายลวนลามหลานสาวของจำเลย จำเลยจึงถือมีดพร้าเข้ามาในห้องเกิดเหตุ ผู้เสียหายได้ใช้มีดบางแทงจำเลยก่อน จำเลยจึงใช้มีดพร้าฟันผู้เสียหายเป็นการป้องกันตัว แต่ปรากฏว่ามีดของจำเลยใหญ่ยาวกว่ามีดของผู้เสียหายมากประกอบกับขณะนั้นผู้เสียหายน่าจะคิดหนีไปให้พ้น ที่ใช้มีดทำร้ายจำเลยก็เพราะจำเลยถือมีดพร้ายืนขวางประตูอยู่หนีไปทางอื่นไม่ได้ และไม่ปรากฏว่าก่อนจำเลยจะฟันผู้เสียหายนั้น ผู้เสียหายจะแทงซ้ำอีกแต่อย่างใด เมื่อพิจารณาถึงอาวุธที่ใช้ทำร้ายประกอบกับบาดแผลและพฤติการณ์ต่างๆ ดังกล่าวมา การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 628/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ป้องกันตัวเกินกว่าเหตุอย่างมาก ศาลฎีกาเพิ่มโทษจำเลย
คดีอาญาที่โจทก์ยื่นฎีกาแม้ศาลจะเห็นพ้องกับศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยได้ฆ่าผู้ตายโดยป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ แต่ถ้ารูปคดีเห็นว่าจำเลยกระทำป้องกันตัวเกินกว่าเหตุอย่างมาก และศาลอุทธรณ์วางโทษมาเบาไปศาลฎีกาวางโทษจำเลยให้สูงกว่าได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 363/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาโดยไม่มีการชันสูตรพลิกศพ และการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
กฎหมายหาได้ห้ามไม่ให้ฟ้องในกรณีที่ไม่มีการชันสุตรพลิกศพไม่ และแม้การชันสูตรพลิกศพจะไม่ชอบ ก็ไม่มีกฎหมายห้ามไม่ให้ฟ้อง
ศาลเดิมลงโทษจำคุกสิบปี ศาลอุทธรณ์แก้เฉพาะกำหนดโทษให้จำคุก 5 ปีโดยมิได้แก้บท ถือว่าเป็นการแก้ไขเล็กน้อย ห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 363/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาโดยไม่มีการชันสูตรพลิกศพ และการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
กฎหมายหาได้ห้ามไม่ให้ฟ้องในกรณีที่ไม่มีการชันสูตรพลิกศพไม่และแม้การชันสูตรพลิกศพจะไม่ชอบ ก็ไม่มีกฎหมายห้ามไม่ให้ฟ้อง
ศาลเดิมลงโทษจำคุก สิบ ปี ศาลอุทธรณ์แก้เฉพาะกำหนดโทษให้จำคุก 5 ปีโดย มิได้แก้บท ถือว่า เป็นการแก้ไขเล็กน้อยห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2071/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุจากการทำร้ายร่างกาย ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ผู้ตายกับจำเลย ซึ่งเป็นเด็กอายุไม่ถึง 16 ปี ได้โต้เถียงกันเรื่องโคของจำเลยเข้าไปกินถั่วในไร่ของบิดาผู้ตาย ผู้ตายจะจับจำเลยส่งผู้ใหญ่บ้านจำเลยหนี ผู้ตายไล่ทันได้จิกผมจำเลยดึงจนหน้าหงาย จำเลยใช้มีดแทงไปทางหลัง 1 ทีถูกผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ ถือว่าจำเลยทำการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ เป็นผิดตามมาตรา 251,53

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2071/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุทำให้เกิดการเสียชีวิต
ผู้ตายกับจำเลย ซึ่งเป็นเด็กอายุไม่ถึง 16 ปี ได้โต้เถียงกันเรื่องโคของจำเลยเข้าไปกินถั่วในไร่ของบิดาผู้ตาย ผู้ตายจะจับจำเลยส่งผู้ใหญ่บ้าน จำเลยหนี ผู้ตายไล่ทันได้จิกผมจำเลยดึงจนหน้าหงาย จำเลยใช้มีดแทงไปทางหลัง 1 ทีถูกผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ ถือว่าจำเลยทำการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ เป็นผิดตามมาตรา 251, 53.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1695/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเกินสมควรแก่เหตุในการป้องกันตัว ทำให้มีความผิดฐานฆ่าโดยไม่เจตนา
จำเลยถูกผู้ตายเอามือค้ำคอโดยจำเลยไม่ทราบว่าเป็นใครเพราะอยู่ในที่มืดเมื่อจำเลยใช้ขวานฟันผู้ตายครั้งที่หนึ่งแล้ว ไม่ปรากฏว่าผู้ตายได้กระทำอะไรแก่จำเลยอีกเลย การที่จำเลยฟันครั้งที่สองอีกจนผู้ตายถึงตายการกระทำของจำเลยจึงเป็นการเกินสมควรแก่เหตุ ต้องมีผิดตามมาตรา 251,53 กฎหมายลักษณะอาญา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1533/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแทงข้างหลังขณะผู้ถูกทำร้ายจะผละหนี ไม่เป็นเหตุป้องกันตัวตามกฎหมาย
ผู้ตายได้โต้เถียงและทำร้ายบิดาจำเลย ๆ ได้วิ่งเข้ามา ผู้ตายได้ใช้ไม้ตีจำเลย ๆ จึงใช้มีดแทงผู้ตายไป 1 ที และผู้ตายได้ตีจำเลยอีก 1 ที แล้วเอี้ยวตัวจะผละหนี จำเลยก็แทงผู้ตายที่หลังอีก 1 ที ดังนี้การที่จำเลยแทงครั้งหลังนั้นไม่เป็นการป้องกันตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 50 เพราะจำเลยแทงข้างหลัง ไม่มีความจำเป็นที่จำเลยจะต้องแทงผู้ตายเพื่อให้บิดาหรือตัวจำเลยพ้นภยันตรายจากการกระทำของผู้ตาย การกระทำของจำเลยจึงมีผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา แต่กระทำลงโดยบรรดาลโทษะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1533/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแทงข้างหลังขณะคู่ต่อสู้ผละหนี ไม่เป็นเหตุป้องกันตัวตามกฎหมาย
ผู้ตายได้โต้เถียงและทำร้ายบิดาจำเลย บิดาจำเลยได้วิ่งเข้ามา ผู้ตายได้ใช้ไม้ตีจำเลย จำเลยจึงใช้มีดแทงผู้ตายไป 1 ที และผู้ตายได้ตีจำเลยอีก 1 ที แล้วเอี้ยวตัวจะผละหนี จำเลยก็แทงผู้ตายที่หลังอีก 1 ทีดังนี้ การที่จำเลยแทงครั้งหลังนั้น ไม่เป็นการป้องกันตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 50 เพราะจำเลยแทงข้างหลัง ไม่มีความจำเป็นที่จำเลยจะต้องแทงผู้ตายเพื่อให้บิดาหรือตัวจำเลยพ้นภยันตรายจากการกระทำของผู้ตาย การกระทำของจำเลยจึงมีผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา แต่กระทำลงโดยบันดาลโทสะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1024/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุในคดีทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย
ผู้ตายได้ใช้ไม้ตีจำเลยถูกไหล่จนจำเลยขะมำลง มีผู้มาห้ามแต่ผู้ตายกลับตีจำเลยซ้ำ จำเลยยกมือขึ้นจับไม้แล้วยื้อแย่งกัน มือข้างหนึ่งของจำเลยถือมีด จำเลยจึงฟันผู้ตายด้วยมีดนั้นแล้วฟันซ้ำรวม 6 แผลการกระทำของจำเลยจึงเป็นการฆ่าคนโดยเจตนา แต่จำเลยและผู้ตายยื้อแย่งไม้กันอยู่ เป็นการต่อสู้ชุลมุน ผู้ตายอาจใช้อาวุธทำร้ายจำเลยอีกก็ได้ ฉะนั้นการที่จำเลยกระทำแก่ผู้ตาย จึงเป็นการป้องกันตัว แต่เกินสมควรแก่เหตุ
of 11