พบผลลัพธ์ทั้งหมด 870 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 513/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานหลังจำเลยรับสารภาพ และอำนาจศาลอุทธรณ์ในการสั่งสืบพยานเพิ่มเติม
ในคดีอาญาที่มีอัตราโทษจำคุก ถึง 10 ปี เมื่อจำเลยรับสารภาพแล้ว แม้จะได้สืบผู้เสียหายไปยังไม่ทันเสร็จ ศาลชั้นต้นจะงดสืบพะยานโจทก์เสียและพิพากษาลงโทษจำเลยก็ได้ เมื่อเห็นว่าตามฟ้อง คำรับสารภาพของจำเลยและคำพะยานที่สืบแล้วเป็นที่พอใจว่าจำเลยได้กระทำจริง
เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นควรจะได้สืบพะยานต่อไป ก็ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะสั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพะยานให้แล้วส่งสำนวนคืนให้ศาลอุทธรณ์เพื่อวินิจฉัยตาม ม. 208 ข้อ 1. ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามม.208 ข้อ 2. ไม่ได้
เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นควรจะได้สืบพะยานต่อไป ก็ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะสั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพะยานให้แล้วส่งสำนวนคืนให้ศาลอุทธรณ์เพื่อวินิจฉัยตาม ม. 208 ข้อ 1. ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามม.208 ข้อ 2. ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 513/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานหลังจำเลยรับสารภาพ และอำนาจศาลอุทธรณ์ในการสั่งสืบพยานเพิ่มเติม
ในคดีอาญาที่มีอัตราโทษจำคุกถึง 10 ปีเมื่อจำเลยรับสารภาพแล้วแม้จะได้สืบผู้เสียหายไปยังไม่ทันเสร็จ
ศาลชั้นต้นจะงดสืบพยานโจทก์เสียและพิพากษาลงโทษจำเลยก็ได้เมื่อเห็นว่าตามฟ้องคำรับสารภาพของจำเลยและคำพยานที่สืบแล้วเป็นที่พอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริง
เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นควรจะได้สืบพยานต่อไปก็ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะสั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานให้แล้วส่งสำนวนคืนให้ศาลอุทธรณ์เพื่อวินิจฉัยตาม มาตรา 208 ข้อ 1. ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตาม มาตรา 208 ข้อ 2 ไม่ได้
ศาลชั้นต้นจะงดสืบพยานโจทก์เสียและพิพากษาลงโทษจำเลยก็ได้เมื่อเห็นว่าตามฟ้องคำรับสารภาพของจำเลยและคำพยานที่สืบแล้วเป็นที่พอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริง
เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นควรจะได้สืบพยานต่อไปก็ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะสั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานให้แล้วส่งสำนวนคืนให้ศาลอุทธรณ์เพื่อวินิจฉัยตาม มาตรา 208 ข้อ 1. ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตาม มาตรา 208 ข้อ 2 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 512/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉุดคร่าอนาจาร-หน่วงเหนี่ยวกักขัง: การกระทำผิดต่างกรรมต่างวาระ ศาลรวมโทษได้
จำเลยฉุดคร่าผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารและเมื่อพาไปถึงบ้านผู้อื่นแล้ว จำเลยยังได้บังอาจหน่วงเหนึ่ยวกักขังผู้เสียหายไว้อีกดังนี้ เป็นการกระทำผิด 2 ตอน ต่างกรรมต่างวาระกัน จำเลยย่อมมีผิดฐานฉุดคร่าห์อนาจารและฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม. 276,270 เป็นสองกะทง และศาลมีอำนาจให้รวมกะลงลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 512/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉุดคร่าอนาจาร-หน่วงเหนี่ยวกักขัง: การกระทำผิดต่างกรรมต่างวาระ รวมกระทงลงโทษได้
จำเลยฉุดคร่าผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารและเมื่อพาไปถึงบ้านผู้อื่นแล้วจำเลยยังได้บังอาจหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เสียหายไว้อีกดังนี้เป็นการกระทำผิด 2 ตอนต่างกรรมต่างวาระกัน จำเลยย่อมมีผิดฐานฉุดคร่าอนาจารและฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 276,270 เป็นสองกระทง และศาลมีอำนาจให้รวมกระทงลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 506/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างต้องรับผิดร่วมกับลูกจ้างเมื่อลูกจ้างขับรถในหน้าที่และประมาททำให้ผู้อื่นเสียหาย
ลูกจ้างทำหน้าที่คนท้ายรถยนต์ ซึ่งนายจ้างยินยอมให้ขับรถด้วยนั้นถ้าขับรถทำให้ผู้อื่นเสียหายโดยละเมิดนายจ้างต้องรับผิดร่วมด้วย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 ลูกจ้างต้องรับผิดฐานละเมิดผู้เดียวจำเลยที่ 2 นายจ้างไม่ต้องรับผิดเพราะจำเลยที่ 1 ทำนอกหน้าที่โจทก์อุทธรณ์ผู้เดียวศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 2 รับผิดร่วมด้วย จำเลยที่ 2 ฎีกาว่าจำเลยที่ 1 ไม่ประมาทไม่ได้ เพราะมิได้คัดค้านความข้อนี้ในชั้นอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 ลูกจ้างต้องรับผิดฐานละเมิดผู้เดียวจำเลยที่ 2 นายจ้างไม่ต้องรับผิดเพราะจำเลยที่ 1 ทำนอกหน้าที่โจทก์อุทธรณ์ผู้เดียวศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 2 รับผิดร่วมด้วย จำเลยที่ 2 ฎีกาว่าจำเลยที่ 1 ไม่ประมาทไม่ได้ เพราะมิได้คัดค้านความข้อนี้ในชั้นอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 501/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วางเพลิงรถทำให้ถึงแก่ความตาย: ความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 185 และ 187
จำเลยใช้น้ำมันเชื้อเพลิงจุดเผารถยนต์ของผู้อื่นซึ่งมีคนนอนอยู่เป็นเหตุให้รถนั้นเสียหาย และไฟไหม้คนที่นอนในรถนั้นตาย ดังนี้จำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 185 และ 187 ตอน 2 อันบัญญัติให้ระวางโทษตามมาตรา 186 ตอนท้าย ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมตามกฎหมายลักษณะอาญา พ.ศ. 2475 มาตรา 4-5 อันเป็นความผิดหลายบท ให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 187 ตอน 2 ประกอบด้วยมาตรา 186 ตอนท้ายซึ่งเป็นบทหนัก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 501/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วางเพลิงเผารถผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้อยู่ภายในเสียชีวิต
จำเลยใช้น้ำมันเชื้อเพลิงจุดเผารถยนต์ของผู้อื่นซึ่งมีคนนอนอยู่เป็นเหตุให้รถนั้นเสียหาย และไฟไหม้คนที่นอนในรถนั้นตาย ดังนี้จำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 185 และ 187 ตอน 2 อันบัญญัติให้ระวางโทษตามมาตรา 186 ตอนท้ายซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมตามกฎหมายลักษณะอาญา พ.ศ.2475 มาตรา 4-5 อันเป็นความผิดหลายบท ให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 187 ตอน 2 ประกอบด้วยมาตรา 186 ตอนท้ายซึ่งเป็นบทหนัก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 398/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ราชการ
ผู้ตายเป็นครูใหญ่โรงเรียนช่างไม้รัฐบาล มีหน้าที่ตรวจตราระวังสถานที่ราชการตลอดทั้งสิ่งของทั้งหลายในส่วนนั้น จำเลยแทงผู้ตายในขณะผู้ตายตรวจโรงงาน (ในเวลากลางคืน) ตามหน้าที่ จึงผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 250(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 398/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ราชการ
ผู้ตายเป็นครูใหญ่โรงเรียนช่างไม้รัฐบาล มีหน้าที่ตรวจตราระวังสถานที่ราชการตลอดทั้งสิ่งของทั้งหลายในส่วนนั้นจำเลยแทงผู้ตายในขณะผู้ตายตรวจโรงงาน(ในเวลากลางคืน)ตามหน้าที่จึงผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 250(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 364/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดในต่างประเทศของคนไทย: การบังคับใช้กฎหมายอาญา มาตรา 10(4)
จำเลยเป็นคนไทยไปปล้นทรัพย์ในประเทศลาว ดังนี้คดีก็ต้องด้วยกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 10(4) และเมื่อคดีได้ความบริบูรณ์ทุกประการตามความในมาตรา 10(4) แล้วก็ลงโทษจำเลยตามมาตรา 301 ได้