คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ดุลยพากย์สุวมัณฑ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 870 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 311/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาในการรับของโจร: การพิสูจน์ความรู้ว่าเป็นของร้าย และการปิดบังแหล่งที่มา
เจตนาของผู้กระทำผิดฐานรับของโจรนั้นต้องดูตามพฤติการณ์ทั่วๆ ไปประกอบกัน
เดิมรถจักรยานสองล้อของกลางที่จับได้จากจำเลยมีเลขทะเบียนเมื่อค้นได้ไม่มีแต่หมายเลขใต้อานปรากฏว่าตรงกันกับใบทะเบียนของเจ้าทรัพย์ ข้อนี้ทำให้ข้อนำสืบของจำเลยที่ว่าซื้อมาจากผู้มีชื่อก่อนเกิดเหตุสองปีมาแล้วฟังไม่ได้ก็ตาม โจทก์มีหน้าที่นำสืบว่าจำเลยรับไว้โดยรู้ว่าเป็นของร้ายแต่พยานโจทก์ว่าเมื่อไปค้นบ้านนั้นรถคันนี้อยู่ในที่เปิดเผย กรณีจึงอาจเป็นว่าจำเลยรับไว้โดยซื่อแต่จงใจปิดบังผู้โอนรถให้มาโดยเกรงว่าจะสูญเสียกรรมสิทธิ์ในรถนี้ก็ได้เมื่อพยานโจทก์และเหตุผล(พฤติการณ์)ในคดีล้วงไปไม่ถือว่าจำเลยได้รับรถมาโดยรู้ว่าเป็นของร้ายเช่นนี้ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 311/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาผู้รับของโจร: การพิสูจน์ความรู้ว่าเป็นของร้าย และพฤติการณ์ปิดบังซ่อนเร้น
เจตนาของผู้กระทำผิดฐานรับของโจรนั้นต้องดูตามพฤติการณ์ทั่ว ๆ ไปประกอบกัน
เดิมรถจักรยานสองล้อของกลางที่จับได้จากจำเลยมีเลขทะเบียนเมื่อค้นได้ไม่มี แต่หมายเลขใต้อานปรากฎว่าตรงกันกับในทะเบียนของเจ้าทรัพย์ ข้อนี้ทำให้ข้อนำสืบของจำเลยที่ว่าซื้อมาจากผู้มีชื่อก่อนเกิดเหตุสองปีมาแล้วฟังไม่ได้ก็ตาม โจทก์มีหน้าที่นำสืบว่าจำเลยรับไว้โดยรู้ว่าเป็นของร้ายแต่พะยานโจทก์ว่าเมื่อไปค้นบ้านนั้นรถคันนี้อยู่ในที่เปิดเผย กรณีจึงอาจเป็นว่าจำเลยรับไว้โดยชื่อแต่จงใจปิดบังผู้โอนรถให้หาโดยเกรงว่าจะศูนย์เสียกรรมสิทธิ์ในรถนี้ก็ได้ เมื่อพะยานโจทก์และเหตุผล(พฤติการณ์) ในคดีล้วงไปไม่ถึงว่าจำเลยได้รับรถมาโดยรุ้ว่าเป็นของร้ายเช่นนี้ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 290/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสั่งห้ามประกอบการค้าระหว่างการดำเนินคดีอาญา: ต้องมีมูลความผิดทางอาญาเสียก่อน
จำเลยประกอบการเลื่อยไม้อันเป็นการค้าประเภทต้องควบคุมตามประกาศใช้เทศบัญญัติ ฯโดยไม่ได้รับอนุญาตดังนี้ โจทก์จะฟ้องทางแพ่งขอให้ศาลสั่งห้ามโดยอาศัยอำนาจความในพ.ร.บ.สาธารณะสุข พ.ศ.2484 มาตรา 68 โดยไม่ปรากฎว่าจำเลยทำผิดรับโทษทางอาญาความมาตรานี้อย่างใดดังนี้เท่ากับขอให้สั่งห้ามไปก่อนโดยลำพัง (โดยไม่ปรากฎความผิด)เช่นนี้ เป็นคำขอที่ไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 290/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสั่งห้ามประกอบการค้าระหว่างการดำเนินคดีอาญา: ต้องมีมูลความผิดอาญาเสียก่อน จึงจะออกคำสั่งห้ามได้
จำเลยประกอบการเลื่อยไม้อันเป็นการค้าประเภทต้องควบคุมตามประกาศใช้เทศบัญญัติฯโดยไม่ได้รับอนุญาตดังนี้ โจทก์จะฟ้องทางแพ่งขอให้ศาลสั่งห้าม โดยอาศัยอำนาจตามความในพระราชบัญญัติสาธารณะสุข พ.ศ.2484 มาตรา 68 โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยทำผิดรับโทษทางอาญาตามมาตรานี้อย่างใดดังนี้เท่ากับขอให้สั่งห้ามไปก่อนโดยลำพัง(โดยไม่ปรากฏความผิด) เช่นนี้เป็นคำขอที่ไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 246/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีพยายามชิงทรัพย์และฆ่าผู้อื่น ศาลอุทธรณ์แก้โทษจำเลย แต่โทษจำคุกคงเดิม ฎีกาไม่รับ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิด กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา251,59
จำคุก 1 ปี 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยผิด มาตรา 249,47,59 แต่คงลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปี 6 เดือน เท่าเดิมคู่ความจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 246/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับเนื่องจากศาลอุทธรณ์แก้เฉพาะบทลงโทษโดยคงโทษเดิม ทำให้ฎีกาต้องห้ามในข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษว่าจำเลย ผิดก.ม.อาญา ม. 251,59 จำคุก 1 ปี 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยผิด ม.249,47,59 แต่คงลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปี6 เดือน เท่าเดิม คู่ความจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 239/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตอำนาจศาลในการเพิ่มโทษจำเลยเกินคำขอเดิม โดยอ้างเจตนาของผู้ฟ้อง
ในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสตาม ม. 256 ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยผิดฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสตาม ม. 256 วางกำหนดโทษจำคุก 6 เดือน
โจทก์ดอุทธรณ์ต่อมาขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส ตาม ม. 256 เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังว่าบาดเจ็บไม่สาหัสก็มีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บไม่สาหัสตาม ม. 254 และเห็นสมควรจะวางอัตราโทษเท่าใดตามมาตรานี้ก็ได้ แม้จะเพิ่มกำหนดโทษเป็น 1 ปี 6 เดือนสูงกว่าศาลชั้นต้นก็ได้ เพราะไม่เป็นการเกินคำขอตามที่โจทก์ขอให้ลงโทษฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสตาม มาตรา 256

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 239/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตอำนาจศาลอุทธรณ์ในการเพิ่มโทษจำเลย แม้ศาลชั้นต้นลงโทษในความผิดที่เบากว่า
ในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสตาม มาตรา 256 ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยผิดฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บไม่สาหัสตามมาตรา 254 วางกำหนดโทษจำคุก 6 เดือน
โจทก์อุทธรณ์ต่อมาขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสตาม มาตรา 256 เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังว่าบาดเจ็บไม่สาหัสก็มีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บไม่สาหัส ตาม มาตรา 254และเห็นสมควรจะวางอัตราโทษเท่าใดตามมาตรานี้ก็ได้แม้จะเพิ่มกำหนดโทษเป็น 1 ปี 6 เดือนสูงกว่าศาลชั้นต้นก็ได้ เพราะไม่เป็นการเกินคำขอตามที่โจทก์ขอให้ลงโทษฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสตาม มาตรา 256 นั้นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 233/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนายิงทำให้ถึงแก่ความตาย ถือเป็นการฆ่าโดยเจตนา แม้จะเสียชีวิตภายหลัง
จำเลยเจตนายิงผู้ตายเป็นบาดแผลหลายแห่ง แม้ผู้ตายจะถึงแก่ความตายต่อมาภายหลังเป็นเวลาเดือนเศษเมื่อได้ความว่าผู้ตายตายโดยบาดแผลที่จำเลยยิงเกิดเป็นพิษขึ้นเช่นนี้ฟังได้ว่าผู้ตายได้ตายเพราะการกระทำของจำเลย จำเลยจึงผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 233/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนายิงผู้อื่นถึงแก่ความตาย ถือเป็นความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา แม้เวลาผ่านไป
จำเลยเจตนายิงผู้ตายเป็นบาดแผลหลายแห่ง แม้ผู้ตายจะถึงแก่ความตายต่อมาภายหลังเป็นเวลาเดือนเศษ เมื่อได้ความว่าผู้ตายตายโดยบาดแผลที่จำเลยยิงเกิดเป็นพิษขึ้นเช่นนี้ฟังได้ว่าผู้ตายได้ตายเพราะการกระทำของจำเลย จำเลยจึงผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา
of 87