พบผลลัพธ์ทั้งหมด 870 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1135/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษกักกันผู้กระทำผิดซ้ำ โดยพิจารณาจากจำนวนครั้งที่ศาลพิพากษาให้จำคุก ไม่ใช่จำนวนครั้งที่พ้นโทษ
ม.8 แห่งพระราชบัญญัติกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ.2479 ความว่า "ถ้าผู้ใดเคยได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาให้จำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง ฯลฯ " นั้น หมายความถึงว่าผู้นั้นได้รับโทษโดยศาลพิพากษาให้จำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ครั้งอีกนัยหนึ่งคือครั้งตามคำพิพากษา หามีข้อความใดในบทบัญญัตินี้แสดงให้เห็นว่า ผู้นั้นได้หลุดพ้นโทษไปแล้วไม่น้อยกว่า 2 ครั้งเช่นกฎหมายลักษณะอาญาเรื่องผู้กระทำผิดไม่เข็หลาบนั้นไม่
จำเลยเคยได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาให้จำคุกมาแล้ว 3 คดีคือคดีแดงที่ 1221/2491 ฐานชิงทรัพย์ คดีแดงที่ 136/2492 ฐานลักทรัพย์ คดีแดงที่ 769/2492 ฐานหลบหนีที่คุมขัง และปรากฎตามสำนวนคดีแดงที่ 136/2492 ว่าจำเลยรับโทษตามคำพิพากษาคดีแดงที่ 1221/2491 อยู่แล้วหลบหนีไปกระทำผิดในคดีแดงที่ 136/2492 นั้นทั้ง 3 คดีนี้จำเลยจึงได้รับโทษจำคุกต่อเนื่องกันไป เพิ่งพ้นโทษไปคราวเดีว เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.2494 เช่นนี้ เมื่อจำเลยมากระทำผิดในคดี ( ลักทรัพย์ ) ขึ้นอีก ศาลก็เพิ่มโทษกักกันจำเลยได้
อ้างฎีกาที่ 1307/2480 และที่ 1514/2482
จำเลยเคยได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาให้จำคุกมาแล้ว 3 คดีคือคดีแดงที่ 1221/2491 ฐานชิงทรัพย์ คดีแดงที่ 136/2492 ฐานลักทรัพย์ คดีแดงที่ 769/2492 ฐานหลบหนีที่คุมขัง และปรากฎตามสำนวนคดีแดงที่ 136/2492 ว่าจำเลยรับโทษตามคำพิพากษาคดีแดงที่ 1221/2491 อยู่แล้วหลบหนีไปกระทำผิดในคดีแดงที่ 136/2492 นั้นทั้ง 3 คดีนี้จำเลยจึงได้รับโทษจำคุกต่อเนื่องกันไป เพิ่งพ้นโทษไปคราวเดีว เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.2494 เช่นนี้ เมื่อจำเลยมากระทำผิดในคดี ( ลักทรัพย์ ) ขึ้นอีก ศาลก็เพิ่มโทษกักกันจำเลยได้
อ้างฎีกาที่ 1307/2480 และที่ 1514/2482
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1135/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษกักกันผู้กระทำผิดซ้ำ โดยพิจารณาจากจำนวนครั้งที่ศาลพิพากษาให้จำคุก ไม่ใช่จำนวนครั้งที่พ้นโทษ
มาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายพ.ศ.2479 ความว่า"ถ้าผู้ใดเคยได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาให้จำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง ฯลฯ" นั้นหมายความถึงว่าผู้นั้นได้รับโทษโดยศาลพิพากษาให้จำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง อีกนัยหนึ่งคือครั้งตามคำพิพากษา หามีข้อความใดในบทบัญญัตินี้แสดงให้เห็นว่าผู้นั้นได้หลุดพ้นโทษไปแล้วไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง เช่นกฎหมายลักษณะอาญาเรื่องผู้กระทำผิดไม่เข็ดหลาบนั้นไม่
จำเลยเคยได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาให้จำคุกมาแล้ว 3 คดีคือคดีแดงที่ 1221/2491 ฐานชิงทรัพย์ คดีแดงที่136/2492 ฐานลักทรัพย์คดีแดงที่ 769/2492 ฐานหลบหนีที่คุมขัง และปรากฏตามสำนวนคดีแดงที่ 136/2492 ว่าจำเลยรับโทษตามคำพิพากษาคดีแดงที่ 1221/2491 อยู่แล้วหลบหนีไปกระทำผิดในคดีแดงที่ 136/2492 นั้น ทั้ง 3 คดีนี้จำเลยจึงได้รับโทษจำคุกต่อเนื่องกันไป เพิ่งพ้นโทษไปคราวเดียว เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2494 เช่นนี้ เมื่อจำเลยมากระทำผิดในคดี(ลักทรัพย์)ขึ้นอีก ศาลก็เพิ่มโทษกักกันจำเลยได้ (อ้างฎีกาที่1307/2480 และที่ 1514/2482)
จำเลยเคยได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาให้จำคุกมาแล้ว 3 คดีคือคดีแดงที่ 1221/2491 ฐานชิงทรัพย์ คดีแดงที่136/2492 ฐานลักทรัพย์คดีแดงที่ 769/2492 ฐานหลบหนีที่คุมขัง และปรากฏตามสำนวนคดีแดงที่ 136/2492 ว่าจำเลยรับโทษตามคำพิพากษาคดีแดงที่ 1221/2491 อยู่แล้วหลบหนีไปกระทำผิดในคดีแดงที่ 136/2492 นั้น ทั้ง 3 คดีนี้จำเลยจึงได้รับโทษจำคุกต่อเนื่องกันไป เพิ่งพ้นโทษไปคราวเดียว เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2494 เช่นนี้ เมื่อจำเลยมากระทำผิดในคดี(ลักทรัพย์)ขึ้นอีก ศาลก็เพิ่มโทษกักกันจำเลยได้ (อ้างฎีกาที่1307/2480 และที่ 1514/2482)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1111/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของสามีในการฟ้องเกี่ยวกับสินเดิมของภรรยา: สามีมีอำนาจจัดการและฟ้องร้องได้
สินเดิมของภรรยากฎหมายถือว่าเป็นสินบริคณฑ์ในอำนาจจัดการของสามี ๆ ย่อมมีสิทธิฟ้องมารดาของภรรยาเกี่ยวกับสินเดิมของภรรยาได้ไม่เป็นการต้องห้ามตาม ป.ม.แพ่ง 1534
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1111/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของสามีในการฟ้องเกี่ยวกับสินเดิมของภรรยา: สินเดิมเป็นสินบริคณห์ สามีมีสิทธิฟ้องได้
สินเดิมของภรรยากฎหมายถือว่าเป็นสินบริคณห์อยู่ในอำนาจจัดการของสามี สามีย่อมมีสิทธิฟ้องมารดาของภรรยาเกี่ยวกับสินเดิมของภรรยาได้ไม่เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1534
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1107/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของตัวแทน/ลูกจ้างที่ประมาทเลินเล่อในการทำสัญญาแทนตัวการ/นายจ้าง ฟ้องไม่ขาดอายุความ
กิจการใดที่ตัวแทนกระทำไปโดยความประมาทเลินเล่อนั้นเป็นเรื่องผิดสัญญา
การฟ้องตัวแทนที่กระทำการประมาทเลินเล่อ ทำให้การเสียหายเป็นเรื่องผิดสัญญาไม่ต้องฟ้องภายใน 1 ปี
เมื่อคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแต่ปัญหาข้อกฎหมาย ยังมิได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงในประเด็นศาลฎีกามีอำนาจยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แล้วให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่
การฟ้องตัวแทนที่กระทำการประมาทเลินเล่อ ทำให้การเสียหายเป็นเรื่องผิดสัญญาไม่ต้องฟ้องภายใน 1 ปี
เมื่อคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแต่ปัญหาข้อกฎหมาย ยังมิได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงในประเด็นศาลฎีกามีอำนาจยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แล้วให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1107/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของตัวแทนจากการประมาทเลินเล่อในสัญญาตัวแทนตัวการ ไม่ใช่ละเมิด ฟ้องไม่ขาดอายุความ
กิจการใดที่ตัวแทนกระทำไปโดยความประมาทเลินเล่อนั้นเป็นเรื่องผิดสัญญา
การฟ้องตัวแทนที่กระทำการประมาทเลินเล่อ ทำให้ตัวการเสียหายเป็นเรื่องผิดสัญญาไม่ต้องฟ้องภายใน 1 ปี
เมื่อคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแต่ปัญหาข้อกฎหมายยังมิได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงในประเด็น ศาลฎีกามีอำนาจยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แล้วให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่
การฟ้องตัวแทนที่กระทำการประมาทเลินเล่อ ทำให้ตัวการเสียหายเป็นเรื่องผิดสัญญาไม่ต้องฟ้องภายใน 1 ปี
เมื่อคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแต่ปัญหาข้อกฎหมายยังมิได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงในประเด็น ศาลฎีกามีอำนาจยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แล้วให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1080/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดทุนทรัพย์ฟ้อง และข้อจำกัดในการอุทธรณ์ฎีกาเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่มิได้ฟ้องแย้ง
จำนวนทุนทรัพย์ ที่เรียกร้องไม่เกิน 2 พันบาทเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงโจทก์ตั้งทุนทรัพย์โดยขอแบ่งส่วนมรดกเพียง 500 บาท จำเลยฎีกาตั้งทุนทรัพย์มาโดยคิดค่าสินเดิมที่ขาดไปและอื่น ๆ รวมราคา 2930 บาทหาได้ฟ้องแย้งเข้ามา ดังนี้ไม่ให้ทุนทรัพย์ที่เรียกร้อง เป็นแต่เพียงการขอให้หักจากสินสมรสก่อนแบ่งเท่านั้น
โจทย์ฟ้องขอแบ่งมรดกและก่ออ้างถึงสินเดิม แม้ไม่ได้ระบุสินเดิมมีอะไรบ้างฟ้องของโจทก์ที่กล่าวถึงสินเดิมก็เพียงประสงค์เพื่อเป็นเกณฑ์ในการแบ่งสินสมรสอย่างไรเท่านั้น หาได้ขอเรียกหรือขอให้หักสินเดิมจากสินสมรสไม่ดังนี้ ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
โจทย์ฟ้องขอแบ่งมรดกและก่ออ้างถึงสินเดิม แม้ไม่ได้ระบุสินเดิมมีอะไรบ้างฟ้องของโจทก์ที่กล่าวถึงสินเดิมก็เพียงประสงค์เพื่อเป็นเกณฑ์ในการแบ่งสินสมรสอย่างไรเท่านั้น หาได้ขอเรียกหรือขอให้หักสินเดิมจากสินสมรสไม่ดังนี้ ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1080/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทุนทรัพย์ที่เรียกร้อง, ข้อเท็จจริงที่ฎีกา, และการฟ้องขอแบ่งมรดก: ข้อจำกัดในการฎีกา
จำนวนทุนทรัพย์ ที่เรียกร้องไม่เกิน 2 พันบาท เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
โจทก์ตั้งทุนทรัพย์โดยขอแบ่งส่วนมรดกเพียง 500 บาทจำเลยฎีกาตั้งทุนทรัพย์มาโดยคิดค่าสินเดิมที่ขาดไปและอื่นๆ รวมราคา 2,930 บาท หาได้ฟ้องแย้งเข้ามา ดังนี้ไม่ใช่ทุนทรัพย์ที่เรียกร้อง เป็นแต่เพียงการขอให้หักจากสินสมรสก่อนแบ่งเท่านั้น
โจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดกและกล่าวอ้างถึงสินเดิม แม้ไม่ได้ระบุสินเดิมมีอะไรบ้างฟ้องของโจทก์ที่กล่าวถึงสินเดิมก็เพียงประสงค์เพื่อเป็นเกณฑ์ในการแบ่งสินสมรสอย่างไรเท่านั้น หาได้ขอเรียกหรือขอให้หักสินเดิมจากสินสมรสไม่ดังนี้ ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
โจทก์ตั้งทุนทรัพย์โดยขอแบ่งส่วนมรดกเพียง 500 บาทจำเลยฎีกาตั้งทุนทรัพย์มาโดยคิดค่าสินเดิมที่ขาดไปและอื่นๆ รวมราคา 2,930 บาท หาได้ฟ้องแย้งเข้ามา ดังนี้ไม่ใช่ทุนทรัพย์ที่เรียกร้อง เป็นแต่เพียงการขอให้หักจากสินสมรสก่อนแบ่งเท่านั้น
โจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดกและกล่าวอ้างถึงสินเดิม แม้ไม่ได้ระบุสินเดิมมีอะไรบ้างฟ้องของโจทก์ที่กล่าวถึงสินเดิมก็เพียงประสงค์เพื่อเป็นเกณฑ์ในการแบ่งสินสมรสอย่างไรเท่านั้น หาได้ขอเรียกหรือขอให้หักสินเดิมจากสินสมรสไม่ดังนี้ ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1073/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าห้องเพื่อประกอบการค้า ไม่ถือเป็นที่อยู่อาศัย จึงไม่คุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
จำเลยเช่าห้องพิพาท โดยมีข้อสัญญาว่าเพื่อใช้อยู่อาศัยและประกอบการค้า ห้องพิพาทอยู่ในทำเลการค้าจากห้องพิพาทไปข้างละ 5 เส้น ล้วนเป็นห้องที่มีการค้าและอยู่อาศัยด้วยไม่มีห้องอยู่อาศัยเฉยๆ จำเลยมีอาชีพค้าผ้าเสียภาษีร้านค้า มีบ้านโฆษณาว่าจำหน่ายสินค้าหน้าร้านจำเลยจึงหาได้เช่าเพื่อเจตนาใช้เป็นที่อยู่อาศัยไม่ ไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1073/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าห้องเพื่อประกอบการค้า vs. ที่อยู่อาศัย: การคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
จำเลยเช่าห้องพิพาท โดยมีข้อสัญญาว่าเพื่อใช้อยู่อาศัยและประกอบการค้า ห้องพิพาทอยู่ในทำเลการค้าจากห้องพิพาทไปข้างละ 5 เส้นล้วนเป็นห้องที่มีการค้าและอยู่อาศัยด้วย ไม่มีห้องอยู่อาศัยเฉยๆ จำเลยมีอาชีพค้าผ้าเสียภาษีร้านค้า มีป้ายโฆษณาว่าจำหน่ายสินค้าหน้าร้าน จำเลยจึงหาได้เช่าเพื่อเจตนาใช้เป็นที่อยู่อาศัยไม่ ไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯลฯ