คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ดุลยพากย์สุวมัณฑ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 870 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1546/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พินัยกรรมต่อท้าย: รายการต่อเนื่องใช้ได้ แม้ไม่มีลายมือชื่อกำกับ
รายการต่อท้ายตัวพินัยกรรมซึ่งผู้ทำพินัยกรรมและพยานลงชื่อไว้ และรายการต่อท้ายนั้นเขียนต่อท้ายไว้หลังลายมือชื่อที่ผู้ทำพินัยกรรมและพยานที่เซ็นไว้ และไม่มีชื่อผู้ทำพินัยกรรมและพยายเซ็นกำกับรายการอีกทีหนึ่งก็นับว่าใช้ได้เพราะมันติดต่อเนื่องกับตัวพินัยกรรมแท้ สืบเนื่องเป็นฉบับเดียวกัน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1544/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำสัญญาค้ำประกันยังไม่สมบูรณ์ การมอบอำนาจและเอกสารยังไม่ถือเป็นสัญญาค้ำประกัน
จำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์ จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน เพื่อให้มั่นคงยิ่งขึ้นโจทก์ให้จำเลยที่ 3 ค้ำประกันหนี้รายนี้ด้วย โดยโจทก์จำเลยที่ 3 มุ่งเอาสัญญาขายฝากบ้านเรือนของจำเลยที่ 3 เป็นสัญญาค้ำประกันหนี้รายนี้ จำเลยที่ 3 จึงทำหนังสือมอบอำนาจให้จำเลยที่ 2 เป็นผู้จะไปทำสัญญาขายฝากอีกทีหนึ่ง และได้มอบหนังสือมอบอำนาจนี้กับเอกสารสำหรับบ้านเรือนของจำเลยที่ 3 ที่จะขายฝากไว้กับโจทก์ เพียงเท่านี้หาใช่สัญญาค้ำประกันที่จะบังคับจำเลยที่ 3 ตามที่โจทก์ฎีกาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1544/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำสัญญาค้ำประกันยังไม่สมบูรณ์ สัญญาค้ำประกันจึงไม่เกิดขึ้น
จำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์ จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน เพื่อให้มั่นคงยิ่งขึ้นโจทก์ให้จำเลยที่ 3 ค้ำประกันหนี้รายนี้ด้วย โดยโจทก์จำเลยที่ 3 มุ่งเอาสัญญาขายฝากบ้านเรือนของจำเลยที่ 3 เป็นสัญญาค้ำประกันหนี้รายนี้ จำเลยที่ 3 จึงทำหนังสือมอบอำนาจให้จำเลยที่ 2 เป็นผู้จะไปทำสัญญาขายฝากอีกทีหนึ่ง และได้มอบหนังสือมอบอำนาจนี้กับเอกสารสำหรับบ้านเรือนของจำเลยที่ 3 ที่จะขายฝากไว้กับโจทก์ เพียงเท่านี้หาใช่สัญญาค้ำประกันที่จะบังคับจำเลยที่ 3 ตามที่โจทก์ฎีกาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1465/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบพยานบุคคลในคดีที่อ้างการมอบที่ดินแทนการชำระหนี้ ไม่ขัดมาตรา 94 ป.วิ.พ.
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 ห้ามไม่ให้ฟังพยานบุคคลแต่เฉพาะในกรณีที่กฎหมายบังคับว่าต้องมีพยานเอกสารมาแสดง อย่างเรื่องที่ฟ้องร้องขอให้บังคับคดีในการกู้ยืมเงิน ส่วนคดีที่โจทก์ฟ้องกล่าวอ้างว่าโจทก์ได้มอบที่พิพาทให้จำเลยทำต่างดอกเบี้ยเงินกู้นั้น โจทก์ย่อมนำสืบพยานบุคคลได้ ไม่ต้องห้ามตามกฎหมายบทนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1465/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบพยานบุคคลในคดีมอบที่ดินเป็นประกันการกู้ยืมเงิน – มาตรา 94 ป.วิ.แพ่ง
ป.วิ.แพ่ง มาตรา 94 ห้ามไม่ให้ฟังพยานบุคคลแต่เฉพาะในกรณีที่กฏหมายบังคับว่าต้องมีพยานเอกสารมาแสดง อย่างเรื่องที่ฟ้องร้องขอให้บังคับคดีในการกู้ยืมเงิน ส่วนคดีที่โจทก์ฟ้องกล่าวอ้างว่าโจทก์ได้มอบที่พิพาทให้จำเลยทำต่างดอกเบี้ยเงินกู้นั้น โจทก์ย่อมนำสืบพยานบุคคลได้ ไม่ต้องห้ามตามกฏหมายบทนี้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1443/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อกล่าวโทษผู้กระทำผิด การแจ้งความเท็จไม่มีความผิด
จำเลยยื่นคำร้องต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการว่าโจทก์ได้ด่าตนอย่างหยาบคาย โจทก์มีอาการคุ้มดีคุ้มร้ายขืนเอาไว้ในราชการจะเสียหาย ถ้าปรากฏว่าข้อความที่จำเลยกล่าวว่า โจทก์ด่าจำเลยเป็นความจริง (เพราะได้มีการพิจารณาในศาลศาลฟังว่าโจทก์ด่าจำเลยจริง)แล้ว ก็ย่อมถือได้ว่าจำเลยได้แสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรมในอันที่จะให้ผู้ที่ด่าจำเลยได้รับโทษ จึงไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1443/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อกล่าวโทษผู้กระทำผิด ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
จำเลยยื่นคำร้องต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการว่า โจทก์ได้ด่าตนอย่างหยาบคาย โจทก์มีอาการคุ้มดีคุ้มร้าย ขืนเอาไว้ในราชการจะเสียหาย ถ้าปรากฏว่าข้อความที่จำเลยกล่าวว่าโจทก์ด่าจำเลยเป็นความจริง (เพราะได้มีการพิจารณาในศาล ๆ ฟังว่าโจทก์ด่าจำเลยจริง) แล้วก็ย่อมถือได้ว่าจำเลยได้แสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรมในอันที่จะให้ผู้ที่ด่าจำเลยได้รับโทษ จึงไม่มีความผิด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1436-1439/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันสิทธิและประโยชน์โดยชอบธรรมเป็นเหตุยกเว้นความผิดฐานหมิ่นประมาท
จำเลยที่ 1 เป็นผู้รับมอบหมายจากจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบริษัทจำกัด ซึ่งมีนายโซวิชัยเป็นผู้รับมอบอำนาจได้ร่วมกันนำข้อความไปลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ว่า มีบริษัทหลายบริษัทได้ผลิตรองเท้ายางปลอมใช้ตราดาวของจำเลย ตรานี้จำเลยได้จดทะเบียนไว้ เมื่อเป็นดังนี้จึงจำเป็นต้องนำเจ้าหน้าที่ไปจับผู้ทำการดังกล่าวมาดำเนินคดี แล้วออกชื่อโจทก์ทั้ง 4 (ซึ่งความจริงโจทก์ได้ถูกจำเลยนำเจ้าพนักงานไปจับมาดำเนินคดีฐานจำหน่ายรองเท้ามีตราดาวปลอมจริง) ทั้งนี้เพื่อให้ข่าวแพร่หลายไป โดยประสงค์เพื่อกันมิให้ผู้อื่นที่จะกระทำการเลียนหรือปลอม มิได้เจตนาอย่างอื่น เช่นนี้ ถือว่า จำเลยเจตนาต่อสู้ป้องกันตนหรือเพื่อป้องกันประโยชน์ของตน แม้ข้อความจะทำให้โจทก์เสียหาย หรือเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ กรณีก็ต้องตามกฏหมายลักษณะอาญา มาตรา 283(1) จำเลยจึงไม่มีโทษฐานหมิ่นประมาท.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1432/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งความและเสนอข่าวตามหน้าที่ ไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาท แม้จะทำให้เสียชื่อเสียง
การที่จำเลยกล่าวต่อโจทก์ด้วยความเชื่อ ว่าโจทก์จ้างคนจะมาฆ่าจำเลย แล้วจำเลยไปแจ้งความต่อตำรวจขอความคุ้มครองดั่งนี้ การกระทำของจำเลยไม่ผิดฐานหมิ่นประมาท
การพิมพ์โฆษณาเสนอข่าวไปตามธรรมดาโดยได้ข่าวมาจากที่มีผู้ไปแจ้งความต่อสถานีตำรวจ และการเสนอข่าวมิได้จงใจจะใส่ร้ายดั่งนี้ ย่อมไม่เป็นผิดฐานประมาทเช่นกัน
คดีหมิ่นประมาทที่โจทก์อ้างว่า การกระทำของจำเลยอาจทำให้คนดูหมิ่นเกลียดชังโจทก์นั้น เมื่อศาลชั้นต้นมิได้ยืนยันว่ามีพฤติการณ์ขึ้นดังนั้น ถือได้ว่าโจทก์อ้างข้อกฎหมายโดยปราศจากข้อเท็จจริงสนับสนุน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1432/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งความและเสนอข่าวโดยสุจริต ไม่เป็นการหมิ่นประมาท แม้จะทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิด
การที่จำเลยกล่าวต่อโจทก์ด้วยความเชื่อ ว่าโจทก์จ้างคนจะมาฆ่าจำเลย แล้วจำเลยไปแจ้งความต่อตำรวจขอความคุ้มครองดั่งนี้ การกระทำของจำเลยไม่ผิดฐานหมิ่นประมาท
การพิมพ์โฆษณาเสนอข่าวไปตามธรรมดาโดยได้ข่าวมาจากที่มีผู้ไปแจ้งความต่อสถานีตำรวจ และการเสนอข่าวมิได้จงใจจะใส่ร้ายดั่งนี้ ย่อมไม่เป็นผิดฐานประมาทเช่นกัน
คดีหมิ่นประมาทที่โจทก์อ้างว่า การกระทำของจำเลยอาจทำให้คนดูหมิ่นเกลียดชังโจทก์นั้น เมื่อศาลชั้นต้นมิได้ยืนยันว่ามีพฤติการณ์ขึ้นดังนั้นถือได้ว่า โจทก์อ้างข้อกฏหมายโดยปราศจากข้อเท็จจริงสนับสนุน.
of 87