พบผลลัพธ์ทั้งหมด 870 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 361/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการใช้ปืนทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และข้อยกเว้นความผิดฐานมีอาวุธปืน
เอาปืนที่บรรจุกระสุนไปจ่อล้อเพื่อนเล่น โดยไม่ระมัดระวังเพื่อปัดกระบอกปืน ปืนจึงลั่นถูกเพื่อนตายดังนี้ ก็ย่อมเป็นความผิดฐานทำให้คนตายโดยประมาทตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 252
เจ้าของปืนผู้ได้รับอนุญาตแล้วใช้จำเลยเอาปืนไปทำความสะอาดชั่วขณะหนึ่ง ในระหว่างนั้นจำเลยเอาปืนไปจ่อเพื่อนโดยประมาทปืนลั่นทำให้เพื่อนตายดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
(อ้างฎีกาที่ 1578/2495)
เจ้าของปืนผู้ได้รับอนุญาตแล้วใช้จำเลยเอาปืนไปทำความสะอาดชั่วขณะหนึ่ง ในระหว่างนั้นจำเลยเอาปืนไปจ่อเพื่อนโดยประมาทปืนลั่นทำให้เพื่อนตายดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
(อ้างฎีกาที่ 1578/2495)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 361/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประมาทเลินเล่อจากการใช้ปืนเล่น ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ถือเป็นความผิดฐานทำให้คนตายโดยประมาท
เอาปืนที่บรรจุกระสินไปจ่อล้อเพื่อนเล่น โดยไม่ระมัดระวังเพื่อนปัดกระบอกปืน ๆ จึงลั่นถูกเพื่อนตาย ดังนี้ ก็ย่อมเป็นความผิดฐานทำให้คนตายโดยประมาทตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 253
เจ้าของปืนผู้ได้รับอนุญาตแล้วใช้จำเลยเอาปืนไปทำความสอาดชั่วขณะหนึ่ง ในระหว่างนั้นจำเลยเอาปืนไปจ่อเพื่อนโดยประมาท ปืนลั่นทำให้เพื่อนตาย ดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ( อ้างฎีกาที่ 1578/2495 )
เจ้าของปืนผู้ได้รับอนุญาตแล้วใช้จำเลยเอาปืนไปทำความสอาดชั่วขณะหนึ่ง ในระหว่างนั้นจำเลยเอาปืนไปจ่อเพื่อนโดยประมาท ปืนลั่นทำให้เพื่อนตาย ดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ( อ้างฎีกาที่ 1578/2495 )
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 250/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายและการเก็บผลประโยชน์จากที่ดิน ศาลไม่อาจบังคับโอนกรรมสิทธิ์ได้หากมีเหตุขัดแย้งจากคดีอื่น
เดิมบิดาและมารดาทำสัญญาประนีประนอมยกที่ดินที่ปกครองร่วมกัน ให้แก่บุตรชาย บุตรหญิงรวม 2 คนคนละ 1 ส่วนเท่าๆ กันแต่บุตรจะเข้าครอบครองได้ต่อเมื่อบิดามารดาตายหมดแล้วทั้งสองคนครั้นบิดาตายไปก่อนคนเดียวมารดาจึงทำสัญญาจะขายที่ดินนั้นแก่ผู้อื่นบุตรชายจึงฟ้องมารดา ในที่สุดศาลพิพากษาบังคับมารดาไม่ให้ขายที่พิพาทนั้นมารดาจึงบอกเลิกข้อผูกพันกับผู้ซื้อ และห้ามมิให้ผู้ซื้อเก็บผลประโยชน์ในที่ดินพิพาทอีกต่อไป ดังนี้ผู้ซื้อจะมาฟ้องมารดาให้โอนที่ดินส่วนของบุตรหญิงให้ผู้ซื้อตามสัญญาเดิมนั้น ย่อมไม่ได้ และจะเรียกค่าเสียหายในฐานที่ถูกมารดาห้ามไม่ให้เก็บผลประโยชน์ในที่พิพาทต่อไปก็ไม่ได้
และสำหรับมารดาก็จะฟ้องเรียกค่าผลประโยชน์ที่ผู้ซื้อได้จากที่ดินนั้นคืน ก็ไม่ได้เช่นเดียวกันเพราะมารดาได้มอบที่ดินให้เขาเก็บผลประโยชน์เอาตามสัญญาจะซื้อขาย
และสำหรับมารดาก็จะฟ้องเรียกค่าผลประโยชน์ที่ผู้ซื้อได้จากที่ดินนั้นคืน ก็ไม่ได้เช่นเดียวกันเพราะมารดาได้มอบที่ดินให้เขาเก็บผลประโยชน์เอาตามสัญญาจะซื้อขาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 250/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายและการโอนสิทธิในที่ดิน: สิทธิเรียกร้องเมื่อสัญญาไม่สมบูรณ์และการจัดการผลประโยชน์
เดิมบิดาและมารดาทำสัญญาประนีประนอมยกที่ดินที่ปกครองรวมกัน ให้แก่บุตรชาย บุตรหญิงรวม 2 คนๆละ 1 ส่วนเท่าๆกัน แต่บุตรจะเข้าครอบครองได้ต่อเมื่อบิดามารดาตายหมดแล้วทั้งสองคน ครั้นบิดาตายไปก่อนคนเดียว มารดาจึงทำสัญญาจะขายที่ดินนั้นแก่ผู้อื่น บุตรชายจึงฟ้องมารดา ในที่สุดศาลพิพากษาบังคับมารดาไม่ให้ขายที่พิพาทนั้น มารดาจึงบอกเลิกข้อผูกพันกับผู้ซื้อ และห้ามมิให้ผู้ซื้อเก็บผลประโยชน์ในที่ดินพิพาทอีกต่อไป ดังนี้ ผู้ซื้อจะมาฟ้องมารดาให้โอนที่ดินส่วนของบุตรหญิงให้ผู้ซื้อตามสัญญาเดิมนั้น ย่อมไม่ได้ และจะเรียกค่าเสียหายในฐานที่ถูกมารดาห้ามไม่ให้เก็บผลประโยชน์ในที่พิพาทต่อไปก็ไม่ได้
และสำหรับมารดาก็จะฟ้องเรียกค่าผลประโยชน์ที่ผู้ซื้อได้จากที่ดินนั้นคืน ก็ไม่ได้เช่นเดียวกันเพราะมารดาได้มอบที่ดินให้เขาเก็บผลประโยชน์เอาตามสัญญาจะซื้อขาย
และสำหรับมารดาก็จะฟ้องเรียกค่าผลประโยชน์ที่ผู้ซื้อได้จากที่ดินนั้นคืน ก็ไม่ได้เช่นเดียวกันเพราะมารดาได้มอบที่ดินให้เขาเก็บผลประโยชน์เอาตามสัญญาจะซื้อขาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 226/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ไม้สักที่ตัดก่อน พ.ร.บ.ป่าไม้ (ฉบับที่ 3) ไม่ใช่ไม้หวงห้าม ผู้ครอบครองไม่ต้องขออนุญาต
ไม้สักที่ขึ้นอยุ่ในที่ดินของเอกชน ได้ถูกตัดและขายกันต่อมาตลอดจนการแปรรูปไม้ได้กระทำก่อนแต่วันใช้ พ.ร.บ.ป่าไม้ ( ฉบับที่ 3 ) 2494 ดังนี้ ไม้สักดังกล่าวนั้น ย่อมไม่ใช่ไม้หวงห้าม ผู้ใดจะมีไว้ในครอบครอง จึงไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องขออนุญาต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 226/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ไม้สักที่ตัดก่อน พ.ร.บ.ป่าไม้ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2494 ไม่เป็นไม้หวงห้าม ผู้ครอบครองไม่ต้องขออนุญาต
ไม้สักที่ขึ้นอยู่ในที่ดินของเอกชน ได้ถูกตัดและขายกันต่อมาตลอดจนการแปรรูปไม้ได้กระทำก่อนแต่วันใช้พระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ 3) 2494 ดังนี้ไม้สักดังกล่าวนั้น ย่อมไม่ใช่ไม้หวงห้าม ผู้ใดจะมีไว้ในครอบครองจึงไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องขออนุญาต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 224/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ไม้สักในที่ดินเอกชนตัดก่อนมีกฎหมาย ไม่ใช่ไม้หวงห้าม ไม่ผิดพ.ร.บ.ป่าไม้
ไม้สักที่ขึ้นในที่ดินกรรมสิทธิของเอกชนนั้น เมื่อตัดฟันและแปรรูปเสียก่อนใช้พ.ร.บ.ป่าไม้ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2494 ก็ถือว่าไม้นั้นไม่ใช่ไม้หวงห้าม
การนำไม้ที่ไม่ใช่ไม้หวงห้ามซึ่งขึ้นอยู่ในที่ดินเอกชนเคลื่อนที่นั้นย่อมไม่เป็นความผิดฐานนำไม้เคลื่อนที่ตามพ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มาตรา 38
การนำไม้ที่ไม่ใช่ไม้หวงห้ามซึ่งขึ้นอยู่ในที่ดินเอกชนเคลื่อนที่นั้นย่อมไม่เป็นความผิดฐานนำไม้เคลื่อนที่ตามพ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มาตรา 38
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 214/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินที่ได้มาขณะสมรสเป็นสินสมรส แม้โอนให้ภริยาเดี่ยวๆ สามีมีสิทธิบอกล้างนิติกรรมได้
ภรรยาได้ที่ดินมาโดยการยกให้ ในระหว่างที่อยู่กินเป็นสามีภริยากัน ที่ดินที่ได้มานั้นย่อมเป็นสินสมรสฉะนั้นแม้ที่ดินนั้น จะมีชื่อภริยาเป็นเจ้าของในโฉนดแต่ผู้เดียว ภริยาก็ไม่มีอำนาจเอาที่ดินนั้นไปทำนิติกรรมยกให้ผู้อื่น ถ้าขืนทำไป สามีย่อมมีสิทธิบอกล้างได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 214/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินที่ได้มาขณะสมรส แม้มีชื่อภริยาแต่เป็นสินสมรส สามีมีสิทธิบอกล้างนิติกรรมยกให้ได้
ภรรยาได้ที่ดินมาโดยการยกให้ ในระหว่างที่อยู่กินเป็นสามีภริยากัน ที่ดินที่ได้มานั้นย่อมเป็นสินสมรสฉะนั้นแม้ที่ดินนั้นจะมีชื่อภริยาเป็นเจ้าของในโฉนดแต่ผู้เดียว ภริยาก็ไม่มีอำนาจเอาที่ดินนั้นไปทำนิติกรรมยกให้ผู้อื่น ถ้าขืนทำไป สามีย่อมมีสิทธิบอกล้างได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 209/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีหย่าขาดเมื่อจำเลยถึงแก่กรรมระหว่างการพิจารณาคดี
ในคดีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากสามีภริยากัน จำเลยฎีกาแต่ในระหว่างฎีกานั้น จำเลยถึงแก่กรรมลง ดังนี้ ศาลฎีกาก็มีคำสั่งให้จำหน่ายคดีได้ ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 132 ( 3 )