พบผลลัพธ์ทั้งหมด 870 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1250/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอุทธรณ์ลดค่าปรับสัญญาประกัน แม้ชำระค่าปรับแล้ว ศาลฎีกามีอำนาจลดหย่อนได้ตามสมควร
การที่ผู้ประกันนำเงินค่าปรับฐานผิดสัญญาประกันซึ่งศาลสั่งปรับมาชำระต่อศาลนั้น เป็นวิธีการทุเลาการบังคับหาทำให้สิทธิที่จะขอลดค่าปรับหมดไปไม่ เพราะผู้ประกันย่อมมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาขอลดได้ตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 119 และเมื่อศาลฎีกาเห็นว่ารูปคดีมีเหตุสมควรที่จะลดหย่อนค่าปรับให้แก่ผู้ประกันได้ศาลฎีกาก็มีอำนาจให้ลดค่าปรับให้ปรับให้น้อยลงได้ตามสมควร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1250/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้ประกันในการขอลดค่าปรับแม้ชำระแล้ว ศาลฎีกามีอำนาจลดค่าปรับได้ตามสมควร
การที่ผู้ประกันนำเงินค่าปรับฐานผิดสัญญาประกันซึ่งศาลสั่งปรับมาชำระต่อศาลนั้น เป็นวิธีการทุเลาการบังคับหาทำให้สิทธิที่จะขอลดค่าปรับหมดไปไม่ เพราะผู้ประกันย่อมมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาขอลดได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 119 และเมื่อศาลฎีกาเห็นว่ารูปคดีมีเหตุสมควรที่จะลดหย่อนค่าปรับให้แก่ผู้ประกันได้ ศาลฎีกาก็มีอำนาจให้ลดค่าปรับให้น้อยลงได้ตามสมควร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1246/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายเกินราคาควบคุม: ศิลปะการค้าไม่เป็นเหตุให้มีความผิด
การจัดร้านสะอาดก็ดี การต้อนรับก็ดี จัดเป็นศิลปในการค้าหาเป็นเหตุให้ขายน้ำชาเกินกว่าราคาควบคุมไม่
ส่วนการชงน้ำชาดีนั้นอาจเกี่ยวแก่ฝีมือหรือเอากำไรแต่น้อยก็อาจทำให้น้ำชามีรสดีได้ ถึงดังนี้ก็ไม่เป็นเหตุให้ขายเกินราคาควบคุมโดยไม่มีความผิดได้
ส่วนการชงน้ำชาดีนั้นอาจเกี่ยวแก่ฝีมือหรือเอากำไรแต่น้อยก็อาจทำให้น้ำชามีรสดีได้ ถึงดังนี้ก็ไม่เป็นเหตุให้ขายเกินราคาควบคุมโดยไม่มีความผิดได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1208/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินทำกิน สิทธิเช่า และอายุความครอบครองปรปักษ์ กรณีแย่งสิทธิครอบครองจากมารดา
บุตรเช่านาของมารดาส่วนหนึ่งทำกิน ครั้นน้องมาทวงค่าเช่าก็ไม่ให้ และกลับว่าเป็นที่ของตนเช่นนี้ จะถือว่ามารดา ถูกแย่งสิทธิครอบครองตาม ป.พ.พ.มาตรา 1375 ไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องเนื่องจากการเช่าที่ส่วนหนึ่งของมารดา แล้วจะกลับมาเถียงสิทธิกับน้องแย่งการครอบครองจากมารดาย่อมไม่ได้./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1208/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการแย่งสิทธิครอบครองจากมารดา: คดีไม่ขาดอายุความ
บุตรเช่านาของมารดาส่วนหนึ่งทำกิน ครั้นน้องมาทวงค่าเช่าก็ไม่ให้ และกลับว่าเป็นที่ของตนเช่นนี้จะถือว่ามารดาถูกแย่งสิทธิครอบครองตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 ไม่ได้เพราะเป็นเรื่องเนื่องจากการเช่าที่ส่วนหนึ่งของมารดา แล้วจะกลับมาเถียงสิทธิกับน้องแย่งการครอบครองจากมารดาย่อมไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1155/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระการพิสูจน์เมื่อจำเลยอ้างว่าสัญญาไม่ถูกต้องบางส่วน ศาลวางหลักว่าจำเลยต้องนำสืบก่อน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำหนังสือให้ไว้แก่โจทก์ว่าจะรื้อถอนอาคารออกไปจากที่ดินของโจทก์ภายในกำหนด โดยจำเลยยินยอมรับเงินค่ารื้อถอนเป็นเงินจำนวนหนึ่ง ครั้นเมื่อโจทก์ให้เงินจำเลยแล้ว และถึงกำหนดเวลาแล้ว จำเลยก็ไม่รื้อจึงขอให้ศาลบังคับ จำเลยรับว่าได้ลงชื่อในสัญญาที่โจทก์อ้างจริงแต่เป็นเพราะถูกโจทก์หลอกลวงให้ ลงชื่อ โดยความจริงโจทก์จำเลยตกลงกันให้จำเลยรื้ออาคารเพียงส่วนน้อยเพื่อให้ได้ระดับกับห้องแถวที่ปลูกอยู่ข้าง เคียงแล้วโจทก์ให้จำเลยลงนามในเอกสารโดยไม่อ่านข้อความให้จำเลยฟัง ดังนี้เป็นเรื่องจำเลยมิได้ปฏิเสธสัญญา ที่โจทก์ฟ้องเสียทั้งหมด เป็นแต่กล่าวอ้างว่าไม่ถูกต้องเพียงบางส่วน เช่นนี้จำเลยจึงต้องเป็นฝ่ายนำสืบก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1155/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ข้อเท็จจริงในสัญญา: จำเลยต้องนำสืบเมื่ออ้างว่าถูกหลอกลวงเฉพาะบางส่วนของสัญญา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำหนังสือให้ไว้แก่โจทก์ว่าจะรื้อถอนอาคารออกไปจากที่ดินของโจทก์ภายในกำหนด โดยจำเลยยินยอมรับเงินค่ารื้อถอนเป็นเงินจำนวนหนึ่ง ครั้นเมื่อโจทก์ให้เงินจำเลยแล้ว และถึงกำหนดเวลาแล้ว จำเลยก็ไม่รื้อจึงขอให้ศาลบังคับ จำเลยรับว่าได้ลงชื่อในสัญญาที่โจทก์อ้างจริง แต่เป็นเพราะถูกโจทก์หลอกลวงให้ลงชื่อโดยความจริงโจทก์จำเลยตกลงกันให้จำเลยรื้ออาคารเพียงส่วนน้อยเพื่อให้ได้ระดับกับห้องแถวที่ปลูกอยู่ข้างเคียง แล้วโจทก์ให้จำเลยลงนามในเอกสารโดยไม่อ่านข้อความให้จำเลยฟัง ดังนี้เป็นเรื่องจำเลยมิได้ปฏิเสธสัญญาที่โจทก์ฟ้องเสียทั้งหมด เป็นแต่กล่าวอ้างว่าไม่ถูกต้องเพียงบางส่วน เช่นนี้จำเลยจึงต้องเป็นฝ่ายนำสืบก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1135/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายที่ดิน เจ้าของร่วมต้องยินยอม การโอนสิทธิเฉพาะส่วน
เจ้าของร่วมเพียงคนเดียวไปทำสัญยาจะขายที่ดินให้แก่เขาหมดทั้งแปลงโดยมิได้รับความยินยอมจากเจ้าของร่วม คนอื่น ๆนั้น สัญญาจะซื้อขายนั้นย่อมผูกพันเฉพาะส่วนของเจ้าของร่วมผู้ทำสัญญาจะขายเท่านั้น ไม่ผูกพันส่วนของ เจ้าของร่วมคนอื่นด้วย.
ฟ้องขอให้จำเลยโอนที่ดินให้ทั้งแปลงตามสัญญา เมื่อปรากฎว่าที่ดินนั้นมีผู้อื่นเป็นเจ้าของร่วมด้วยอีกหลายคน จะให้ โอนทั้งแปลงไม่ได้ ได้แต่โอนเฉพาะส่วนของจำเลยเท่านั้น ดังนี้ เมื่อคดีไม่ปรากฎว่าส่วนของจำเลยมีอยู่เท่าใด ศาล ก็จะพิพากษาให้แบ่งไป ไม่ได้ ได้แต่พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์เสียเท่านั้นแต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องร้องว่า กล่าวเป็นเรื่องใหม่./
ฟ้องขอให้จำเลยโอนที่ดินให้ทั้งแปลงตามสัญญา เมื่อปรากฎว่าที่ดินนั้นมีผู้อื่นเป็นเจ้าของร่วมด้วยอีกหลายคน จะให้ โอนทั้งแปลงไม่ได้ ได้แต่โอนเฉพาะส่วนของจำเลยเท่านั้น ดังนี้ เมื่อคดีไม่ปรากฎว่าส่วนของจำเลยมีอยู่เท่าใด ศาล ก็จะพิพากษาให้แบ่งไป ไม่ได้ ได้แต่พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์เสียเท่านั้นแต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องร้องว่า กล่าวเป็นเรื่องใหม่./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1135/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของร่วมขายที่ดินโดยไม่ได้รับความยินยอม สัญญาผูกพันเฉพาะส่วนของตน
เจ้าของร่วมเพียงคนเดียวไปทำสัญญาจะขายที่ดินให้แก่เขาหมดทั้งแปลงโดยมิได้รับความยินยอมจากเจ้าของร่วมคนอื่นๆนั้น สัญญาจะซื้อขายนั้นย่อมผูกพันเฉพาะส่วนของเจ้าของร่วมผู้ทำสัญญาจะขายเท่านั้น ไม่ผูกพันส่วนของเจ้าของร่วมคนอื่นด้วย
ฟ้องขอให้จำเลยโอนที่ดินให้ทั้งแปลงตามสัญญา เมื่อปรากฏว่าที่ดินนั้นมีผู้อื่นเป็นเจ้าของร่วมด้วยอีกหลายคน จะให้โอนทั้งแปลงไม่ได้ได้แต่โอนเฉพาะส่วนของจำเลยเท่านั้น ดังนี้ เมื่อคดีไม่ปรากฏว่าส่วนของจำเลยมีอยู่เท่าใด ศาลก็จะพิพากษาให้แบ่งไป ไม่ได้ ได้แต่พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์เสียเท่านั้นแต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องร้องว่ากล่าวเป็นเรื่องใหม่
ฟ้องขอให้จำเลยโอนที่ดินให้ทั้งแปลงตามสัญญา เมื่อปรากฏว่าที่ดินนั้นมีผู้อื่นเป็นเจ้าของร่วมด้วยอีกหลายคน จะให้โอนทั้งแปลงไม่ได้ได้แต่โอนเฉพาะส่วนของจำเลยเท่านั้น ดังนี้ เมื่อคดีไม่ปรากฏว่าส่วนของจำเลยมีอยู่เท่าใด ศาลก็จะพิพากษาให้แบ่งไป ไม่ได้ ได้แต่พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์เสียเท่านั้นแต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องร้องว่ากล่าวเป็นเรื่องใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1130/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนทรัพย์สินเพื่อหลีกเลี่ยงชำระหนี้หลังแพ้คดี ถือเป็นการฉ้อฉล
อำเภอชี้ขาดให้จำเลยชำระค่านายหน้าแก่โจทก์ จำเลยลงชื่อยินยอมปฏิบัติตามสัญญายอมความของอำเภอ ต่อมาอีก 5 วันจำเลยจึงโอนขายที่ดินของจำเลยให้ผู้ร้อง สัญญาระบุว่าซื้อขาย แต่ความจริงไม่มีค่าตอบแทน ดังนี้
เมื่อจำเลยไม่ชำระค่านายหน้าให้โจทก์ๆฟ้องคดี จนศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี โจทก์ย่อมนำยึดที่ดินของจำเลย ดังกล่าวเพื่อการบังคับคดีได้ เพราะการโอนให้ผู้ร้องดังกล่าว เป็นการทำให้โจทก์เสียเปรียบ โจทก์ย่อมขอให้เพิก ถอนการฉ้อฉลได้ตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 237./
เมื่อจำเลยไม่ชำระค่านายหน้าให้โจทก์ๆฟ้องคดี จนศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี โจทก์ย่อมนำยึดที่ดินของจำเลย ดังกล่าวเพื่อการบังคับคดีได้ เพราะการโอนให้ผู้ร้องดังกล่าว เป็นการทำให้โจทก์เสียเปรียบ โจทก์ย่อมขอให้เพิก ถอนการฉ้อฉลได้ตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 237./