คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
จักรปาณีศรีศีลวิสุทธิ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 597 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1229/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจ้างเหมาว่าความ: ค่าจ้างต้องจ่ายเมื่อคดีเสร็จเด็ดขาดถึงที่สุด แม้วิธีการสิ้นสุดคดี
ข้อความในสัญญาจ้างว่าความตอนหนึ่งมีความชัดเจนว่า "ค่าจ้างทั้งสิ้นเป็นเงิน 9,000 บาท จ่ายเป็น 3 งวด ๆ ที่ 1 จ่าย 3,000 บาท หลังวันทำสัญญา 7 วัน งวดที่ 2 จ่ายในระหว่างคดี 3,000 บาท งวดที่ 3 อีก 3,000 บาท เมื่อคดีเสร็จเด็ดขาดเป็นอันหมดเงินค่าจ้าง " ข้อความแห่งสัญญาดังกล่าวเป็นการจ้างเหมาทั้งหมด เมื่อโจทก์ว่าความให้แก่จำเลยจนคดีเสร็จเด็ดขาดถึงที่สุดแล้ว แม้จะถึงที่สุดโดยวิธีใดที่ศาลใดก็ตามจำเลยก็ต้องชำระค่าจ้างให้แก่โจทก์เต็มตามจำนวนที่กล่าวไว้ในสัญญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1229/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจ้างเหมาว่าความ: ค่าจ้างต้องจ่ายเมื่อคดีถึงที่สุด แม้ด้วยวิธีใดก็ตาม
ข้อความในสัญญาจ้างว่าความตอนหนึ่งมีความชัดเจนว่า"ค่าจ้างทั้งสิ้นเป็นเงิน 9,000 บาท จ่ายเป็น 3 งวดๆ ที่ 1 จ่าย 3,000 บาท หลังวันทำสัญญา 7 วัน งวดที่ 2 จ่ายในระหว่างคดี 3,000 บาท งวดที่ 3 อีก3,000 บาท เมื่อคดีเสร็จเด็ดขาดเป็นอันหมดเงินค่าจ้าง" ข้อความแห่งสัญญาดังกล่าวเป็นการจ้างเหมาทั้งหมดเมื่อโจทก์ว่าความให้แก่จำเลยจนคดีเสร็จเด็ดขาดถึงที่สุดแล้วแม้จะถึงที่สุดโดยวิธีใดที่ศาลใดก็ตามจำเลยก็ต้องชำระค่าจ้างให้แก่โจทก์เต็มตามจำนวนที่กล่าวไว้ในสัญญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1138-1139/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทางสาธารณะโดยปริยาย การอุทิศโดยปริยาย การปิดกั้นทางสาธารณะ สิทธิในการใช้ทาง
ฟ้องคดีแพ่ง ไม่ต้องระบุการกระทำของจำเลยเป็นข้อๆ ไม่ต้องอ้างบทกฎหมายดังคดีอาญา ถ้าบรรยายสภาพแห่งข้อหาแจ้งชัดพอที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหา ศาลก็รับฟ้องไว้พิจารณาได้ ฟ้องไม่บรรยายตรงๆ ว่าจำเลยปิดกั้นทางสาธารณะ แต่บรรยายว่าเป็นทางที่ได้ร่วมกันอุทิศเป็นทางเดินประชาชนใช้ร่วมกันมา 100 ปีเศษ วิญญูชนเข้าใจได้แล้วว่าเป็นทางสาธารณะแม้จะบรรยายมาด้วยว่าเป็นทางภารจำยอม หรือทางจำเป็นฟ้องนั้นก็ไม่เคลือบคลุม
จำเลยปิดกั้นทางสาธารณะทำให้โจทก์ซึ่งมีที่ดินริมทางใช้ทางนั้นไม่ได้ โจทก์เสียหายเป็นพิเศษ จึงฟ้องให้เปิดทางได้
การอุทิศที่ดินให้เป็นทางสาธารณะไม่จำต้องมีพิธีการ ถ้าโจทก์จำเลยและประชาชนใช้เป็นทางเดินสู่ทางสาธารณะร่วมกันมาหลายสิบปีก็ต้องถือว่าได้อุทิศโดยปริยาย
อุทิศที่ดินเป็นทางสาธารณะโดยปริยายแล้ว การสงวนสิทธิ์ภายหลังไม่มีผลอย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1132/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในที่ดิน: โจทก์ซื้อโดยสุจริต จำเลยต้องพิสูจน์การครอบครองปรปักษ์
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้รับโอนที่ดินมีโฉนดมาโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน จำเลยบุกรุกขอให้ขับไล่ จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยได้สิทธิมาโดยการครอบครอง โจทก์ได้รับโอนโดยไม่สุจริต เช่นนี้ จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อนว่าโจทก์ได้รับโอนมาโดยไม่สุจริต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1132/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนที่ดินโดยสุจริตและเจตนาเป็นเจ้าของ การพิสูจน์ภาระการนำสืบของผู้ถูกฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้รับโอนที่ดินมีโฉนดมาโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน จำเลยบุกรุกขอให้ขับไล่ จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยได้สิทธิมาโดยการครอบครอง โจทก์ได้รับโอนโดยไม่สุจริต เช่นนี้ จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อนว่าโจทก์ได้รับโอนมาโดยไม่สุจริต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1046-1049/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาที่จำเลยทำไปโดยเข้าใจผิดในสาระสำคัญของสัญญา และการพิสูจน์เจตนาที่แท้จริงของคู่สัญญา
จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยลงชื่อในเอกสาร โดยเจตนาทำสัญญานายหน้ากับโจทก์ แต่กลับเป็นสัญญาจะขายที่ดิน ดังนี้ เป็นการแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในสารสำคัญแห่งนิติกรรมตกเป็นโมฆะ จำเลยนำสืบพยานบุคคลได้ว่าเอกสารไม่ถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 991/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งสินสมรสหลังการแยกกันอยู่และการซื้อทรัพย์สินแทนเดิมตาม ป.พ.พ. บรรพ 5
สมรสก่อนใช้ ป.พ.พ.บรรพ 5 ขณะจะขาดจากการสมรสใช้ ป.พ.พ.บรรพ 5 แล้ว เหตุที่จะขาดจากการสมรสต้องใช้ ป.พ.พ.บรรพ 5 บังคับและการที่สามีภริยามาร้างกันระหว่างใช้ ป.พ.พ.บรรพ 5 สามีขายทรัพย์สินสมรสไปแล้วซื้อทรัพย์อื่นมาแทน ทรัพย์นั้นก็ต้องเป็นสินสมรส แต่ทรัพย์ที่สามีหาได้มาระหว่างร้างกันไม่เป็นสินสมรส
ในชั้นฎีกา ผู้ฎีกาต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์ที่เรียกร้องในชั้นฎีกา ถ้าทรัพย์ที่เรียกร้องมีหลายอย่างตีราคารวมกันมา แต่ผู้ฎีกา ๆ เฉพาะทรัพย์บางอย่าง การคำนวณค่าขึ้นศาลศาลควรจัดการตีราคาทรัพย์แยกจากกันก่อน แล้วจึงเรียกค่าขึ้นศาล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 991/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งสินสมรสหลังการร้าง และการเปลี่ยนแปลงทรัพย์สินระหว่างการร้าง โดยใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5
สมรสกันก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ขณะจะขาดจากการสมรสใช้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 แล้ว เหตุที่จะขาดจากการสมรสต้องใช้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 บังคับ และการที่สามีภริยามาร้างกันระหว่างใช้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 สามีขายทรัพย์สินสมรสไปแล้วซื้อทรัพย์อื่นมาแทนทรัพย์นั้นก็ต้องเป็นสินสมรส แต่ทรัพย์ที่สามีหาได้มาระหว่างร้างกันไม่เป็นสินสมรส
ในชั้นฎีกา ผู้ฎีกาต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์ที่เรียกร้องในชั้นฎีกา ถ้าทรัพย์ที่เรียกร้องมีหลายอย่างตีราคารวมกันมา แต่ผู้ฎีกาฎีกาเฉพาะทรัพย์บางอย่างการคำนวณค่าขึ้นศาลศาลควรจัดการตีราคาทรัพย์แยกจากกันก่อนแล้วจึงเรียกค่าขึ้นศาล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 951-953/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญาของนิติบุคคล และการเพิ่มเติมฟ้องต้องมีเหตุอันควร
บุคคลที่จะจัดการแทนผู้เสียหายซึ่งเป็นนิติบุคคล คือผู้จัดการหรือผู้แทนอื่นๆ ของนิติบุคคล ผู้แทนดังกล่าวจะมอบอำนาจให้บุคคลอื่นเป็นผู้ฟ้องคดีอาญาแทนนิติบุคคลนั้นไม่ได้
การขอแก้หรือเพิ่มเติมฟ้องคดีอาญานั้น โจทก์จะต้องอ้างถึงเหตุอันควรในการขอแก้หรือเพิ่มเติมด้วย (หมายเหตุ มาตรา 5(3) เทียบฎีกาที่ 229/2490,618/2490,2028/2499มาตรา 163 เทียบฎีกาที่ 533/2496)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 941-942/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเท็จ vs. แจ้งความเท็จ, การรวมกระทง, และอำนาจฟ้องในคดีอาญา
จำเลยยื่นคำร้องขัดทรัพย์อันเป็นเท็จต่อศาล ไม่เป็นผิดตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 158 เพราะการฟ้องเท็จที่จะเป็นผิดตามมาตรานี้ ต้องเป็นการกล่าวโทษผู้อื่นในคดีอาญา
เมื่อโจทก์ตั้งใจฟ้องให้ลงโทษจำเลยฐานฟ้องเท็จตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 158 แล้ว ศาลจะลงโทษจำเลยฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา118 ไม่ได้ เพราะไม่ตรงกับที่โจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยและไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์สืบสมตามฟ้อง เป็นแต่อ้างฐานความผิดหรือบทมาตราผิดไป ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสาม วรรคสี่
เมื่อศาลได้พิจารณาคดีทั้งสองรวมกันและให้รวมกระทงลงโทษจำเลยแล้ว ก็เป็นอันนับโทษจำเลยทั้ง 2 คดีต่อเนื่องกันไม่ได้
of 60