คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
จักรปาณีศรีศีลวิสุทธิ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 597 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1107/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเบิกเงินทดรองราชการ ไม่ถือเป็นการยืมตามกฎหมาย หากเป็นไปตามระเบียบปฏิบัติงาน
การยืมตามกฎหมายนั้นต้องเกิดขึ้นโดยสัญญา
โดยหน้าที่ราชการจำเลยที่ 1 ได้ยืมเงินทดรองไปจากกองคลังกรมไปรษณีย์เพื่อจ่ายในราชการ อธิบดีรับรองข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 ควรมอบให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหัวหน้าหมวดบัญชีเป็นผู้มีหน้าที่รักษาเงิน
ดังนี้ใบยืมที่จำเลยที่ 1 เซ็นไว้จึงเป็นแต่เพียงหลักฐานในวงราชการ การที่จำเลยที่ 1 ต้องเซ็นใบยืมก็เพื่อปฏิบัติหน้าที่อันเป็นเรื่องของระเบียบปฏิบัติราชการ เพียงเท่านี้จำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดในฐานผู้ยืมหรือตัวการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1073/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานรับของโจร: การครอบครองปืนราชการที่ได้มาโดยมิชอบบ่งชี้ถึงเจตนาของผู้รับ
เมื่อปรากฏว่าปืนคาไบร์สองกระบอกนี้เป็นปืนไม่มีทะเบียนและเป็นปืนชนิดที่ใช้ในราชการทหาร เช่นนี้จำเลยก็น่าจะต้องรู้ว่าปืนนั้นได้พ้นมาจากการครอบครองของทางราชการโดยมิชอบประกอบด้วยพฤติการณ์ของจำเลยแสดงความพิรุธ จึงทำให้เห็นได้ชัดว่าจำเลยรู้อยู่แล้วว่าปืนนั้นเป็นของร้ายได้มาจากการกระทำความผิด จึงต้องมีผิดฐานสมคบกันรับของโจรตาม มาตรา321

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1073/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับของโจร: ความรู้หรือเจตนาในการรับทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิด
เมื่อปรากฎว่าปืนคาไบร์สองกระบอกนี้เป็นปืนไม่มีทะเบียนและเป็นปืนชนิดที่ใช้ในราชการทหารเช่นนี้จำเลยก็น่าจะต้องรู้ว่าปืนนั้นได้พ้นมาจากการครอบครองของทางราชการโดยมิชอบประกอบด้วยพฤติการณ์ของจำเลยแสดงความพิรุธ จึงทำให้เห็นได้ชัดว่าจำเลยรู้อยู่แล้วว่าปืนนั้นเป็นของร้ายได้มาจากการกระทำความผิด จึงต้องมีผิดฐานสมคบกันรับของโจร ตาม ม.321

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1070/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินเพื่อประกันหนี้ ไม่ทำให้เกิดกรรมสิทธิ์ แม้ครอบครองนานเพียงใด ก็เป็นการครอบครองแทนเจ้าของ
ครอบครองนาพิพาทเพื่อทำนาต่างดอกเบี้ยและประกันเงินกู้นั้นแม้จะครอบครองมานานเท่าใดก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์เพราะเป็นการครอบครองแทนเจ้าของเดิม ไม่ใช่ยึดถือเพื่อตน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1070/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองเพื่อประกันหนี้ ไม่ทำให้เกิดกรรมสิทธิ แม้ครอบครองนานก็ไม่เป็นเจ้าของ
ครอบครองนาพิพาทเพื่อทำนาต่างดอกเบี้ยและประกันเงินกู้นั้นแม้จะครอบครองมานานเท่าใดก็ไม่ได้กรรมสิทธิเพราะเป็นการครอบครองแทนเจ้าของเดิม ไม่ใช่ยึดถือเพื่อตน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1054/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลื่อนคดีเนื่องจากพยานไม่มาศาล ศาลควรให้โอกาสจำเลยสืบพยานเพิ่มเติมเพื่อความยุติธรรม
การที่พยานไม่มาศาลตามนัด โดยทนายไม่ทราบเหตุขัดข้องนั้นจะถือว่าเป็นความผิดของคู่ความฝ่ายที่อ้างพยานนั้นยังไม่ได้ เพราะมีบทกฎหมายที่จะให้ตัวมาสืบอยู่ ศาลจึงควรให้เลื่อนคดีไป จะด่วนตัดไม่ให้สืบพยานที่ไม่มานั้นยังไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 999/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำผิดฐานยักย้ายและนำน้ำมันออกนอกประเทศถือเป็นกรรมเดียว ฟ้องซ้ำไม่ได้ตาม ป.วิ.อาญา ม.39(4)
การลักลอบขนน้ำมันออกจากสถานที่เก็บซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ.2490 ต่อเนื่องกับการลักลอบขนน้ำมันออกนอกประเทศไทย เมื่อโจทก์แยกฟ้องจำเลยเป็นความผิดสองสำนวนและความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควรศาลพิพากษาลงโทษไปแล้ว ส่วนอีกสำนวนหนึ่งคือฐานนำน้ำมันออกนอกประเทศซึ่งตามพฤติการณ์เห็นได้ว่าการกระทำทั้งหลายของจำเลยตั้งแต่เริ่มยักย้ายก็ด้วยเจตนาอันเดียวที่จะนำออกนอกราชอาณาจักร จึงถือว่าการกระทำของจำเลยต้องด้วย ก.ม. หลายบทและไม่อาจแยกเป็นกะทงหนึ่งต่างหากได้ เมื่อจำเลยถูกลงโทษแล้ว ก็ลงโทษจำเลยอีกไม่ได้ ตาม ป.วิ.อาญา ม.39 (4) ถือว่าเป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 995/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ - เจตนาเดียว - การยักย้ายน้ำมันเพื่อออกนอกประเทศ - ลงโทษซ้ำไม่ได้
การลักลอบขนน้ำมันออกจากสถานที่เก็บซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ.2490 ต่อเนื่องกับการลักลอบขนน้ำมันออกนอกประเทศไทย เมื่อโจทก์แยกฟ้องจำเลยเป็นความผิดสองสำนวน และความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควรศาลพิพากษาลงโทษไปแล้ว ส่วนอีกสำนวนหนึ่งคือฐานนำน้ำมันออกนอกประเทศ ซึ่งตามพฤติการณ์เห็นได้ว่าการกระทำทั้งหลายของจำเลยตั้งแต่เริ่มยักย้ายก็ด้วยเจตนาอันเดียวที่จะนำออกนอกราชอาณาจักร จึงถือว่าการกระทำของจำเลยต้องด้วย กฎหมายหลายบทและไม่อาจแยกเป็นกระทงหนึ่งต่างหากได้ เมื่อจำเลยถูกลงโทษแล้ว ก็ลงโทษจำเลยอีกไม่ได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 9(4) ถือว่าเป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 966/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บาดเจ็บสาหัสจากการถูกทำร้ายด้วยสนับมือ ส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพทำนาเกิน 20 วัน
ได้ความว่าผู้เสียหายมีอาชีพทำนาถูกชกด้วยสนับมือมีบาดแผลที่ขอบตาล่างขวาฉีกลึก 1 ซม.ต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาท 20 วันก่อนระหว่างนั้นทำงานไม่ได้ ดังนี้ถือได้ว่าผู้เสียหายไม่สามารถประกอบการหาเลี้ยงชีพได้ปกติเกิน 20 วันอันเป็นบาดเจ็บสาหัส

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 966/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บาดเจ็บสาหัสจากทำร้ายร่างกาย: การประเมินระยะเวลาไม่สามารถทำงานได้เกิน 20 วัน
ได้ความว่าผู้เสียหายมีอาชีพทำนาถูกชกด้วยสนับมือมีบาดแผลที่ขอบตาล่างขวาฉีกลึก 1 ซ.ม. ต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาล 20 วันกว่าระหว่างนั้นทำงานไม่ได้ ดังนี้ถือได้ว่าผู้เสียหายไม่สามารถประกอบการหาเลี้ยงชีพได้ปกติเกิน 20 วัน อันเป็นบาดเจ็บสาหัส
of 60