คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
จักรปาณีศรีศีลวิสุทธิ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 597 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 196/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานะใบสำคัญคนต่างด้าวที่หมดอายุก่อนมี พ.ร.บ.ใหม่ และความผิดฐานไม่มีใบสำคัญ
คนต่างด้าวซึ่งมีใบสำคัญประจำตัวที่ขาดต่ออายุแล้วก่อนวันใช้ พระราชบัญญัติการทะเบียนคนต่างด้าว พ.ศ.2493 นั้นเมื่อใช้พระราชบัญญัติฉบับ พ.ศ.2493 แล้ว ก็ถือว่าใบสำคัญเก่านั้นถูกยกเลิกไปกรณีไม่เข้าตาม มาตรา24 ต้องถือว่าเป็นคนต่างด้าวซึ่งไม่มีใบสำคัญตาม มาตรา 5 จึงไม่เป็นผิดฐานไม่ต่ออายุใบสำคัญประจำตัว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 187/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องผิดวัน: การตีความ ‘เวลากลางคืน’ ตามกฎหมายและการเชื่อมโยงวันเวลาต่อเนื่อง
โจทก์กล่าวในฟ้องว่าเหตุเกิดวันที่ 14 ส.ค. 95 เวลากลางคืน และระบุไว้ชัดว่าเวลากลางคืนตามกฎหมายดังนี้แม้ทางพิจารณาจะได้ความว่าเหตุเกิดเวลา 02.00 น. ของวันที่ 15 ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นฟ้องผิดวันเพราะเวลา 02.00 น. ของวันที่ 15 นั้นติดต่อเป็นคืนเดียวกับคืนวันที่ 14
อ้างฎีกาที่ 443/2489

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 187/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องผิดวัน: เวลากลางคืนตามกฎหมายต่อเนื่องข้ามวัน
โจทก์กล่าวในฟ้องว่าเหตุเกิดวันที่ 14 ส.ค.95 เวลากลางคืน และระบุไว้ชัดว่าเวลากลางคืนตาม ก.ม.ดังนี้แม้ทางพิจารณาจะได้ความว่าเหตุเกิดเวลา 2 น.ของวันที่ 15 ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นฟ้องผิดวัน เพราะเวลา 2 น.ของวันที่ 15 นั้นติดต่อเป็นคืนเดียวกับคืนวันที่ 14 อ้างฎีกาที่ 443/2489.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 186/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคุ้มครองสัญญาเช่าเคหะ แม้มีการประกอบกิจการค้าเล็กน้อย พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ ยังใช้บังคับ
ในคดีฎีกาได้เฉพาะแต่ปัญหาข้อ ก.ม.ศาลฎีกาจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาจากพยานหลักฐานในห้องสำนวน
เมื่อปรากฏว่าจำเลยเช่าห้องโดยเจตนาเป็นที่อยู่อาศัยตั้งแต่แรก ซึ่งต่อมาได้ประกอบกิจการค้าบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นการชั่วคราวและต่อมาก็ได้เลิกกิจการค้าไปแล้ว ดังนี้ห้องเช่ารายพิพาทก็ยังคงถือว่าเป็น "เคหะ" อันพึงได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ เจ้าของห้องหามีสิทธิฟ้องขับไล่ได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 186/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าเพื่ออยู่อาศัยย่อมได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า แม้มีการประกอบกิจการค้าเล็กน้อยเป็นครั้งคราว
ในคดีที่ฎีกาได้เฉพาะแต่ปัญหาข้อกฎหมายศาลฎีกาจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาจากพยานหลักฐานในท้องสำนวน
เมื่อปรากฏว่าจำเลยเช่าห้องโดยเจตนาเป็นที่อยู่อาศัยตั้งแต่แรกซึ่งต่อมาได้ประกอบกิจการค้าบ้างเล็กๆ น้อยๆ เป็นการชั่วคราวและต่อมาก็ได้เลิกกิจการค้าไปแล้ว ดังนี้ห้องเช่ารายพิพาทก็ยังคงถือว่าเป็น 'เคหะ' อันพึงได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯเจ้าของห้องหามีสิทธิฟ้องขับไล่ได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 185/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สมคบกันมีไม้หวงห้าม: การรับรองความเป็นเจ้าของไม้เป็นเหตุให้ฟังได้ว่าสมคบกันมีไม้ไว้ในครอบครอง
จับไม้หวงห้ามไม่มีตราค่าภาคหลวงได้บนรถบรรทุกซึ่งจอดอยู่ใกล้บ้านเจ้าของรถผู้ซึ่งได้รับอนุญาตตัดไม้มาหลายปีแล้วขณะจับภรรยามาทำบันทึกรับรองว่าเป็นไม้ของเจ้าของรถ ต่อมาตนเองยังได้มาพูดรับรองต่อเจ้าพนักงานว่าเป็นไม้ของตนอีกดังนี้ย่อมถือได้ว่เจ้าของรถบรรทุกไม้สมคบกับจำเลยอื่นมีไม้รายนี้ไว้ในความครอบครองด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 185/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สมคบกันมีไม้หวงห้าม การรับรองความเป็นเจ้าของและการรู้เห็นเป็นใจ
จับไม้หวงห้ามไม่มีตราค่าภาคหลวงได้บนรถบรรทุกซึ่งจอดอยู่ใกล้บ้านเจ้าของผู้ซึ่งได้รับอนุญาตตัดไม้มาหลายปีแล้วขณะจับภรรยามาทำบันทึกรับรองว่าเป็นไม้ของเจ้าของรถ ต่อมาตนเองยังได้มาพูดรับรองต่อเจ้าพนักงานว่าเป็นไม้ของตนอีกดังนี้ย่อมถือได้ว่าเจ้าของรถบรรทุกไม้สมคบกับจำเลยอื่นมีไม้รายนี้ไว้ในความครอบครองด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 84/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งข้อหา, การสอบสวนพยาน, และความผิดของเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา134 ที่บัญญัติให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาให้ผู้ต้องหาทราบก่อนทำการสอบสวนหมายความว่า กฎหมายต้องการให้ผู้ต้องหารู้ตัวก่อนสอบสวนว่าตนต้องถูกสอบสวนเรื่องอันใดเป็นประธานที่ต้องทำการสอบสวนมิได้หมายความว่าจะต้องแจ้งทุกๆ กระทงความผิด แม้เดิมจะตั้งข้อหาฐานหนึ่ง แต่เมื่อสอบสวนแล้วปรากฏว่าเป็นความผิดฐานอื่นด้วย ก็เรียกว่าได้มีการสอบสวนในความผิดนั้นด้วยแล้ว
เดิมพยานโจทก์ถูกสอบสวนในฐานผู้ต้องหา ต่อมาอัยการผู้สอบสวนพูดว่าจะให้การตามความจริงได้ไหม ถ้าให้การตามความจริงจะเอาเป็นพยานพยานโจทก์ปากนี้เกรงว่าจะตกเป็นผู้ต้องหาจึงให้การใหม่ และกลับให้การใหม่เปลี่ยนข้อเท็จจริงโยนบรรดาการกระทำผิดทั้งหลายที่ให้การไว้เดิมอันเป็นข้อพิรุธของตนนั้นให้เป็นการกระทำของจำเลยโดยสิ้นเชิงเช่นนี้เป็นการไม่ชอบด้วยวิธีการสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา133
จำเลยเป็นอัยการแต่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวกับคดีนี้แม้จะฟังว่าจำเลยเป็นผู้บอกให้พยานกลับเมื่อพยานนั้นเป็นพยานที่ศาลหมายเรียกมา ไม่ใช่อัยการนำไปให้ศาลสืบดังนั้นการที่จะให้พยานรอเพื่อเบิกความหรือให้กลับย่อมเป็นเรื่องของศาลทั้งได้ความจากพยานโจทก์ว่าการบอกให้พยานกลับไม่จำเป็นต้องเฉพาะอัยการเป็นผู้บอกทั้งไม่ได้ความว่าจำเลยแสดงต่อพยานนั้นว่าจำเลยเป็นอัยการคงทำหน้าที่นั้นอยู่ดังนี้จึงเรียกไม่ได้ว่าจำเลยยังขืนกระทำการตามตำแหน่งหน้าที่อัยการอันเป็นความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา127 วรรคสองฎีกาที่ 1121/2494 ฎีกาที่ 545/2496

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 84/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสอบสวนผู้ต้องหา, การแจ้งข้อหา, และความผิดของเจ้าพนักงาน, รวมถึงการกระทำหน้าที่พ้นตำแหน่ง
ป.วิ.อาญา ม.134 ที่บัญญัติให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาให้ผู้ต้องหาทราบก่อนทำการสอบสวน หมายความว่า กฎหมายต้องการให้ผู้ต้องหารู้ตัวก่อนสอบสวนว่าตนต้องถูกสอบสวนเรื่องอันใดเป็นประธานที่ต้องทำการสอบสวน มิได้หมายความว่าจะต้องแจ้งทุก ๆ กะทงความผิดแม้เดิมจะตั้งข้อหาฐานหนึ่ง แต่เมื่อสอบสวนแล้วปรากฏว่าเป็นความผิดฐานอื่นด้วย ก็เรียกว่าได้มีการสอบสวนในความผิดนั้นด้วยแล้ว
เดิมพยานโจทก์ถูกสอบสวนในฐานผู้ต้องหา ต่อมาอัยการผู้สอบสวนพูดว่าจะให้การตามความจริงได้ไหม ถ้าให้การตามความจริงจะเอาเป็นพยาน ๆ โจทก์ปากนี้เกรงว่าจะตกเป็นผู้ต้องหาจึงให้การใหม่ และกลับให้การใหม่เปลี่ยนข้อเท็จจริงโยนบรรดาการกระทำผิดทั้งหลายที่ให้การไว้เดิมอันเป็นข้อพิรุธของตนนั้นให้เป็นการกระทำของจำเลยโดยสิ้นเชิง เช่นนี้เป็นการไม่ชอบด้วยวิธีการสอบสวนตาม ป.วิ.อาญา ม.133
จำเลยเป็นอัยการแต่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวกับคดี แม้จะฟังว่าจำเลยเป็นผู้บอกให้พยานกลับ เมื่อพยานนั้นเป็นพยานที่ศาลหมายเรียกมา ไม่ใช่อัยการนำไปให้ศาลสืบ ดังนั้นการที่จะให้พยานรอเพื่อเบิกความหรือให้กลับย่อมเป็นเรื่องของศาล ทั้งได้ความจากพยานโจทก์ว่าการบอกให้พยานกลับไม่จำเป็นต้องเฉพาะอัยการเป็นผู้บอกทั้งไม่ได้ความว่าจำเลยแสดงต่อพยานนั้นว่าจำเลยเป็นอัยการคงทำหน้าที่นั้นอยู่ ดังนี้จึงเรียกไม่ได้ว่าจำเลยยังขืนกระทำการตามตำแหน่งหน้าที่อัยการอันเป็นความผิดตาม ก.ม.อาญา ม.127 วรรค 2.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 30/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชัดเจนของฟ้องละเมิด: การบรรยายเหตุและจำนวนเงินเรียกคืนเพียงพอต่อการดำเนินคดี
การที่โจทก์บรรยายฟ้องเป็นใจความว่าจำเลยหลอกลวงให้โจทก์หลงเชื่อว่าจำเลยเป็นเจ้าของเครื่องสูบน้ำสองเครื่องและโจทก์ตกลงรับซื้อจ่ายราคาให้ 26,640 บาท แล้วโจทก์ขายต่อให้นายอุทัย.ภายหลังปรากฏว่าเครื่องสูบน้ำนี้เป็นของกรมชลประทาน จำเลยยักยอกมา ตำรวจจึงไปเอาคืนมา.โจทก์ได้ชดใช้ราคาเครื่องสูบน้ำแก่นายอุทัยไปแล้วจึงฟ้องให้จำเลยรับไปจากโจทก์ข้างต้น ดังนี้ถือว่าโจทก์บรรยายเหตุที่จำเลยกระทำละเมิดไว้ชัดเจน และเรียกจำนวนเงินที่จำเลยรับไปจากโจทก์คืนนับว่าเป็นฟ้องที่มีมูลกรณีชัดแจ้งแล้ว
ส่วนข้อทีโจทก์มิได้บรรยายว่าได้จ่ายเงินค่าสูบน้ำแก่นายอุทัยผู้ซื้อจากโจทก์เท่าใดและเมื่อใดนั้นตามฟ้องก็กล่าวพอจะให้เข้าใจได้ว่าใช้ตามราคาที่ขายแก่นายอุทัยและตาม 2 ข้อนี้ไม่ใช่ประเด็นโดยตรงของการละเมิด.ฉนั้นจึงถือได้ว่าฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม.
of 60