พบผลลัพธ์ทั้งหมด 597 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 458/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในสาระสำคัญของสัญญาเช่าทำให้สัญญาเป็นโมฆะ คุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
ข้อกำหนดในเรื่องค่าเช่าเป็นสาระสำคัญของนิติกรรมสัญญาเช่าเมื่อมีการสำคัญผิดขึ้นสัญญาเช่านั้นย่อมเป็นโมฆะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 458/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในสาระสำคัญสัญญาเช่า ทำให้สัญญาเป็นโมฆะและได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
ข้อกำหนดในเรื่องค่าเช่าเป็นสาระสำคัญของนิติกรรมสัญญาเช่า เมื่อมีการสำคัญผิดขึ้น สัญญาเช่านั้นย่อมเป็นโมฆะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 410/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำกฎหมายใหม่มาใช้ย้อนหลังกับฟ้องที่ไม่ถูกต้อง และอำนาจศาลในการพิจารณาคดีอาญา
โจทก์ฟ้องจำเลยว่าทำร้ายเจ้าพนักงานและฆ่าคนตายโดยเจตนาฟ้องก่อน พระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร(ฉบับที่ 5) พ.ศ.2496 ออกใช้บังคับ
ศาลมณฑลทหารบกที่ 7 ยกฟ้องโดยเห็นว่าข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาต่างกับฟ้อง(ฟ้องว่าเหตุเกิดเวลากลางวัน ทางพิจารณาได้ความว่าเวลากลางคืน) ศาลทหารกลางเห็นว่าข้อต่อสู้และการนำสืบของจำเลยแสดงได้ชัดว่าจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้ซึ่งตาม พระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร(ฉบับที่ 5) พ.ศ.2496 มาตรา 100 มิให้ถือว่าต่างกันในข้อสาระสำคัญอันจะเป็นเหตุให้ศาลยกฟ้อง พิพากษายกคำพิพากษาศาลทหารบกที่ 7 ให้พิจารณาพิพากษาใหม่
ดังนี้แม้จำเลยจะมิได้ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาของศาลทหารกลางแต่อย่างใดในชั้นนั้นเมื่อศาลมณฑลทหารบกที่ 7 พิจารณาใหม่แล้วพิพากษาลงโทษจำเลยและศาลทหารกลางพิพากษายืนดังนี้ จำเลยจะคัดค้านขึ้นมาในชั้นฎีกาว่าข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาต่างกับฟ้องก็ได้เพราะปัญหาข้อนี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและเมื่อศาลทหารกลางพิพากษาให้ยกคำพิพากษาของศาลมณฑลทหารบกที่ 7 ให้พิจารณาพิพากษาใหม่นั้น คดีก็ยังไม่ถึงที่สุดคู่ความหรือศาลย่อมยกขึ้นกล่าวอ้างได้
พระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร(ฉบับที่ 5)พ.ศ.2496 มาตรา 100นี้ ใช้บังคับแก่ฟ้องที่ไม่ถูกต้องซึ่งเกิดขึ้นภายหลังวันใช้บังคับเท่านั้นจะนำเอากฎหมายที่ออกใช้ภายหลังมาลงโทษจำเลยไม่ได้และกฎหมายใหม่ในกรณีเช่นนี้หาอาจไปแก้ไขฟ้องที่ไม่ถูกต้องให้เป็นการถูกต้องขึ้นได้ไม่
ศาลมณฑลทหารบกที่ 7 ยกฟ้องโดยเห็นว่าข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาต่างกับฟ้อง(ฟ้องว่าเหตุเกิดเวลากลางวัน ทางพิจารณาได้ความว่าเวลากลางคืน) ศาลทหารกลางเห็นว่าข้อต่อสู้และการนำสืบของจำเลยแสดงได้ชัดว่าจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้ซึ่งตาม พระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร(ฉบับที่ 5) พ.ศ.2496 มาตรา 100 มิให้ถือว่าต่างกันในข้อสาระสำคัญอันจะเป็นเหตุให้ศาลยกฟ้อง พิพากษายกคำพิพากษาศาลทหารบกที่ 7 ให้พิจารณาพิพากษาใหม่
ดังนี้แม้จำเลยจะมิได้ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาของศาลทหารกลางแต่อย่างใดในชั้นนั้นเมื่อศาลมณฑลทหารบกที่ 7 พิจารณาใหม่แล้วพิพากษาลงโทษจำเลยและศาลทหารกลางพิพากษายืนดังนี้ จำเลยจะคัดค้านขึ้นมาในชั้นฎีกาว่าข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาต่างกับฟ้องก็ได้เพราะปัญหาข้อนี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและเมื่อศาลทหารกลางพิพากษาให้ยกคำพิพากษาของศาลมณฑลทหารบกที่ 7 ให้พิจารณาพิพากษาใหม่นั้น คดีก็ยังไม่ถึงที่สุดคู่ความหรือศาลย่อมยกขึ้นกล่าวอ้างได้
พระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร(ฉบับที่ 5)พ.ศ.2496 มาตรา 100นี้ ใช้บังคับแก่ฟ้องที่ไม่ถูกต้องซึ่งเกิดขึ้นภายหลังวันใช้บังคับเท่านั้นจะนำเอากฎหมายที่ออกใช้ภายหลังมาลงโทษจำเลยไม่ได้และกฎหมายใหม่ในกรณีเช่นนี้หาอาจไปแก้ไขฟ้องที่ไม่ถูกต้องให้เป็นการถูกต้องขึ้นได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 409/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษทางอาญาเนื่องจากถูกยั่วยุให้เข้าต่อสู้ และการพิจารณาข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์แก้ไข
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 3 ปี ตาม ม. 251,+ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะให้ลดโทษจำเลยฐานยั่วโทษะตาม ม.55 ด้วย คงจำคุก 1 ปี 6 เดิอน ดังนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้มาก คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
การที่ฝ่ายหนึ่งยั่วโทษะอีกฝ่ายหนึ่งให้เข้าต่อสู้ทำร้ายกันก็อาจลดโทษฐานยั่วโทษะตาม ม.55 ได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 10/2498)
การที่ฝ่ายหนึ่งยั่วโทษะอีกฝ่ายหนึ่งให้เข้าต่อสู้ทำร้ายกันก็อาจลดโทษฐานยั่วโทษะตาม ม.55 ได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 10/2498)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 409/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษอาญาฐานยั่วโทสะในคดีทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย ศาลอุทธรณ์แก้ไขโทษได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 3 ปี ตาม มาตรา 25159 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะให้ลดโทษจำเลยฐานยั่วโทสะตามมาตรา 55 ด้วยคงจำคุก 1 ปี 6 เดือน ดังนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้มากคู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
การที่ฝ่ายหนึ่งยั่วโทสะอีกฝ่ายหนึ่งให้เข้าต่อสู้ทำร้ายกันก็อาจลดโทษฐานยั่วโทสะตามมาตรา 55 ได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2498)
การที่ฝ่ายหนึ่งยั่วโทสะอีกฝ่ายหนึ่งให้เข้าต่อสู้ทำร้ายกันก็อาจลดโทษฐานยั่วโทสะตามมาตรา 55 ได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2498)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 406-408/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเรียกรับเงินจากราษฎรโดยไม่มีอำนาจตามกฎหมายเพื่อประโยชน์ส่วนตนและผู้อื่นถือเป็นความผิดอาญา
ปลัดอำเภอตรวจสอบอาวุธปืนกับใบอนุญาตตามคำสั่งกระทรวงได้เรียกเงินจากราษฎรในการนี้ตามข้อตกลงระหว่างกรมการอำเภอเพื่อเอาเงินไปสร้างที่พักข้าราชการ โดยที่ไม่เป็นเงินที่จำต้องให้ตามกฎหมายย่อมเป็นความผิดตาม มาตรา 137
ปลัดอำเภอเรียกเงินราษฎรเพื่อมาสร้างที่พักตามความคิดของกรมการอำเภอ แต่คงถูกฟ้องแต่จำเลยคนเดียวผู้อื่นไม่ถูกฟ้อง ก็เป็นเหตุควรรอการลงโทษได้
ปลัดอำเภอเรียกเงินราษฎรเพื่อมาสร้างที่พักตามความคิดของกรมการอำเภอ แต่คงถูกฟ้องแต่จำเลยคนเดียวผู้อื่นไม่ถูกฟ้อง ก็เป็นเหตุควรรอการลงโทษได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 405/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปลงหนี้จากเงินกู้เป็นสัญญาจะขายฝาก และขอบเขตความรับผิดของทายาทตามส่วนได้ในทรัพย์สิน
ลูกหนี้เอาทรัพย์ซึ่งตนเป็นเจ้าของร่วมกับคนอื่นทำสัญญาจะขายฝาก สัญญานั้นผูกพันบังคับได้เท่าส่วนของลูกหนี้
กู้เงินกว่า 50 บาทโดยไม่มีสัญญาเป็นหนังสือนั้น หนี้เงินกู้มีอยู่แต่ฟ้องร้องไม่ได้เท่านั้น ถ้าลูกหนี้ทำสัญญาจะขายฝากเท่าจำนวนหนี้ที่ค้างย่อมเป็นการแปลงหนี้ใหม่
ส. และ ก. กู้เงินโจทก์โดย ส.ผู้เดียวลงชื่อในสัญญากู้ส. ตาย ก. ทำสัญญาขายที่ดิน 2 แปลงให้โจทก์แต่สงวนสิทธิไถ่คืนในภายหลังแต่ไม่จดทะเบียน สัญญานี้เป็นสัญญาจะขายฝาก
ผู้ขายฝากไม่โอนที่ให้ผู้ซื้อ ผู้ซื้อเรียกราคาที่ชำระไปคืนได้
ทายาทต้องรับผิดไม่เกินมรดกที่รับจากเจ้ามรดก
กู้เงินกว่า 50 บาทโดยไม่มีสัญญาเป็นหนังสือนั้น หนี้เงินกู้มีอยู่แต่ฟ้องร้องไม่ได้เท่านั้น ถ้าลูกหนี้ทำสัญญาจะขายฝากเท่าจำนวนหนี้ที่ค้างย่อมเป็นการแปลงหนี้ใหม่
ส. และ ก. กู้เงินโจทก์โดย ส.ผู้เดียวลงชื่อในสัญญากู้ส. ตาย ก. ทำสัญญาขายที่ดิน 2 แปลงให้โจทก์แต่สงวนสิทธิไถ่คืนในภายหลังแต่ไม่จดทะเบียน สัญญานี้เป็นสัญญาจะขายฝาก
ผู้ขายฝากไม่โอนที่ให้ผู้ซื้อ ผู้ซื้อเรียกราคาที่ชำระไปคืนได้
ทายาทต้องรับผิดไม่เกินมรดกที่รับจากเจ้ามรดก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 284/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจคณะกรรมการส่วนจังหวัดในการออกประกาศควบคุมไม้หวงห้ามเกินขอบเขตของพ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร
ประกาศคณะกรรมการฯตาม พระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควรพ.ศ.2490 มาตรา 8 ห้ามนำไม้ออกนอกเขตเพื่อป้องกันการลักลอบตัดฟันไม้หวงห้ามนั้น ไม่เกี่ยวแก่การห้ามค้ากำไรเกินควร เป็นการนอกขอบอำนาจ ผู้ที่ฝ่าฝืนไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 283/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารติดพันในที่ดินรวม เจ้าของรวมคนอื่นไม่ผูกพันสัญญา
เจ้าของรวมในกรรมสิทธิ์ที่ดินผู้หนึ่งไปก่อให้เกิดภารติดพันในที่ดินแปลงนั้น โดยทำสัญญาประนีประนอมยอมความให้บุคคลอื่นมามีสิทธิเก็บกินโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของรวมคนอื่นๆ ด้วยสัญญานั้นหาผูกพันเจ้าของรวมคนอื่นๆ ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 283/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาปราณีประนอมยอมความระหว่างเจ้าของรวมบางส่วน ไม่ผูกพันเจ้าของรวมทั้งหมด
เจ้าของรวมในกรรมสิทธิ์ที่ดินผู้หนึ่งไปก่อให้เกิดการติดพันในที่ดินแปลงนั้น โดยทำสัญญาประณีประนอมยอมความให้บุคคลอื่นมามีสิทธิเก็บกินโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของรวมคนอื่น ๆ ด้วย สัญญานั้นหาผูกพันเจ้าของรวมคนอื่น ๆ ไม่