พบผลลัพธ์ทั้งหมด 597 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1431/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของผู้เช่าห้องบนที่ดินของผู้อื่น ไม่สามารถอ้างสิทธิในพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่ากับเจ้าของที่ดินได้
เมื่อปรากฏว่า จำเลยไม่ใช่เป็นผู้เช่าหรือผู้เช่าช่วงที่ดินของโจทก์ จำเลยเป็นเพียงผู้เช่าห้องของบุคคลอื่นซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินที่พิพาทของโจทก์เท่านั้น จำเลยไม่มีทางอ้าง พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ ขึ้นใช้ยันโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1430/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับตามคำพิพากษาเดิม และขอบเขตการฟ้องร้องใหม่เกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดิน
จำเลยเคยเป็นโจทก์ในคดีก่อนฟ้องขับไล่โจทก์ในคดีนี้เป็นจำเลย โจทก์ให้การต่อสู้กรรมสิทธิที่ดินที่พิพาท(แต่ไม่ได้ฟ้องแย้ง) ในที่สุดศาลพิพากษาให้ยกฟ้องของจำเลยเสีย โจทก์จะมาฟ้องขอให้แสดงว่าโจทก์มีกรรมสิทธิในที่รายเดียวกันนั้นอีกไม่ได้ โจทก์ย่อมอาศัยคำพิพากษาในคดีก่อนนั้น ขอให้เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดให้ได้ยังไม่มีเหตุขัดข้องหรือโต้แย้งสิทธิ ซึ่งจะต้องฟ้องเป็นคดีใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1408/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าที่มีข้อผูกพันตลอดไปและเกิน 3 ปี: ข้อตกลงขัดต่อ ป.พ.พ.ม. 538 ไม่มีผลบังคับ
สัญญาเช่าที่มีข้อสัญญาผูกพันคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย ว่าการเช่าจะต้องมีอยู่ตลอดไป เว้นแต่จะมีเหตุการบางประการเกิดขึ้นนั้น เป็นสัญญาที่มุ่งหวังประโยชน์ในการเช่า กันเกิน 3 ปียัดต่อ ป.พ.พ.ม. 538 ไม่มีผลใช้บังคับได้เกิน 3 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1408/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่ากำหนดตลอดไปขัดต่อกฎหมาย หากเกิน 3 ปี สัญญาข้อผูกพันทั้งสองฝ่ายไม่มีผลบังคับ
สัญญาเช่าที่มีข้อสัญญาผูกพันคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย ว่าการเช่าจะต้องมีอยู่ตลอดไป เว้นแต่จะมีเหตุการบางประการเกิดขึ้นนั้น เป็นสัญญาที่มุ่งหวังประโยชน์ในการเช่ากันเกิน 3 ปีขัดต่อ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538 ไม่มีผลใช้บังคับได้เกิน 3 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1363/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิที่ดิน: ชื่อในโฉนดไม่ใช่ข้อพิสูจน์เด็ดขาด เจ้าของที่แท้จริงมีสิทธิฟ้องแย้ง
ผู้มีชื่อในโฉนดเป็นผู้ถือกรรมสิทธิที่ดินนั้นไม่ได้หมายความว่า ผู้นั้นจะต้องมีสิทธิดีกว่าผู้อื่นเสมอไป อาจมีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิแต่ไม่มีกรรมสิทธิ อันแท้จริงก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1195/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์เรือนพิพาท & หุ้นส่วน: ศาลฎีกาพิพากษาเรื่องกรรมสิทธิ์เรือน และชำระบัญชีหุ้นส่วนควบคู่กันไป
โจทก์ฟ้องว่าเรือนพิพาทเป็นของโจทก์ ขอให้ขับไล่จำเลยกับบริวารจำเลยต่อสู้ว่า เป็นของจำเลย และฟ้องแย้งว่าได้เข้าหุ้นกับโจทก์ ขอให้โจทก์คืนทุนและแบ่งกำไรให้ ดังนี้ฟ้องแย้งของจำเลยต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม เพราะเป็นฟ้องแย้งเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม แต่เมื่อโจทก์จำเลยไม่ได้โต้แย้งแต่อย่างใดแล้วก็แล้วแต่ศาลจะสั่งตามที่เห็นสมควร
อนึ่งฟ้องแย้งของจำเลยขอให้คืนทุนและแบ่งกำไรจากโจทก์ผู้เป็นหุ้นส่วน เมื่อปรากฏว่าหุ้นส่วนยังไม่เลิกจากกันดังนี้ฟ้องไม่ได้ แต่คดีนี้เมื่อศาลล่างได้รับไว้พิจารณาและสืบพยานเรื่องหุ้นส่วนมาจนสิ้นกระแสร์ความแล้วเช่นนี้ ศาลฎีกาจะรื้อฟื้นให้พิจารณาเรื่องชำระบัญชีหุ้นส่วนกันอีกครั้งหนึ่งก็จะเป็นการเสียหายแก่คู่ความโดยไม่ได้ข้อเท็จจริงเพิ่มขึ้นแต่ประการใด ดังนี้เมื่อศาลเห็นควรก็พิพากษาไปเสียทีเดียวได้
อนึ่งฟ้องแย้งของจำเลยขอให้คืนทุนและแบ่งกำไรจากโจทก์ผู้เป็นหุ้นส่วน เมื่อปรากฏว่าหุ้นส่วนยังไม่เลิกจากกันดังนี้ฟ้องไม่ได้ แต่คดีนี้เมื่อศาลล่างได้รับไว้พิจารณาและสืบพยานเรื่องหุ้นส่วนมาจนสิ้นกระแสร์ความแล้วเช่นนี้ ศาลฎีกาจะรื้อฟื้นให้พิจารณาเรื่องชำระบัญชีหุ้นส่วนกันอีกครั้งหนึ่งก็จะเป็นการเสียหายแก่คู่ความโดยไม่ได้ข้อเท็จจริงเพิ่มขึ้นแต่ประการใด ดังนี้เมื่อศาลเห็นควรก็พิพากษาไปเสียทีเดียวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1194/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทางจำเป็น vs. ภารจำยอม: การมีทางออกอื่นย่อมตัดสิทธิทางจำเป็น
ฟ้องขอให้เปิดทางจำเป็น ศาลจะพิจารณาพิพากษาว่า เป็นทางภาระจำยอมไม่ได้ เป็นคนละประเด็น
โจทก์คงใช้ทางอื่นไปลงแม่น้ำได้แล้ว จะอ้างสิทธิใช้ทางจำเป็นผ่านที่ดินของจำเลยไปลงแม่น้ำอีกไม่ได้
โจทก์คงใช้ทางอื่นไปลงแม่น้ำได้แล้ว จะอ้างสิทธิใช้ทางจำเป็นผ่านที่ดินของจำเลยไปลงแม่น้ำอีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1162-1164/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนมรดกและสัญญาจะซื้อขายที่ดิน: ผลกระทบต่อเจ้าหนี้และการได้ลาภงอกเงย
สัญญามีข้อความว่า " ที่ดินมรดกเรื่องนายคำ ร้องคัดค้านนายอ่องซึ่งเป็นส่วนของนางเทียบนายแว้นั้นข้าพเจ้าเป็นน้องนางเทียบนายแว้เป็นผู้รับมรดกที่ดินรายนี้ ข้าพเจ้ายอมยกที่ดินรายนี้มีเท่าใดให้นายอ่องทั้งสิ้น เพราะข้าพเจ้าได้รับเงินนายอ่องไป410บาทโดยขายให้นายอ่อง จึงได้ลงลายมือไว้เป็นสำคัญ" ดังนี้ เป็นสัญญาจะซื้อขายที่ดินตามธรรมดา
การที่ผู้ซื้อที่ดิน ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินส่วนหนึ่งออกเงินค่าธรรมเนียมศาลและค่าทนายความให้แก่ผู้ขายที่ดิน เพื่อฟ้องบุคคลผู้ขัดขวางสิทธิเกี่ยวกับที่ดินแปลงนั้นย่อมไม่เป็นการขัดต่อความสงบ เพราะเป็นการป้องกันประโยชน์ส่วนได้เสียตามปกติไม่ใช่เป็นการแสวงประโยชน์จากการที่บุคคลอื่นเข้าเป็นความกัน
ผู้ขายได้ทำสัญญาจะขายที่ดินให้แก่ผู้ซื้อและรับเงินไว้บางส่วนแต่ยังไม่ได้โอนเพราะผู้ขายกำลังฟ้องบุคคลที่ 3 เป็นจำเลย เรื่องขัดขวางไม่ยอมให้รับมรดกที่ดินแปลงนั้นภายหลังผู้ขายได้ทำสัญญาประนีประนอมกับบุคคลที่ 3 โดยโอนที่ดินให้เป็นของบุคคลที่ 3 ดังนี้เป็นเหตุให้ผู้ซื้อซึ่งเป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบ บุคคลที่ 3 จึงเข้าลักษณะเป็นผู้ได้ลาภงอกเงยจากผู้ขาย ซึ่งเป็นลูกหนี้เพราะไม่มีทางบังคับชำระได้นิติกรรมที่ผู้ขายโอนให้แก่บุคคลที่ 3 จึงอาจถูกเพิกถอนได้ตาม ป.พ.พ. ม.237
การที่ผู้ซื้อที่ดิน ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินส่วนหนึ่งออกเงินค่าธรรมเนียมศาลและค่าทนายความให้แก่ผู้ขายที่ดิน เพื่อฟ้องบุคคลผู้ขัดขวางสิทธิเกี่ยวกับที่ดินแปลงนั้นย่อมไม่เป็นการขัดต่อความสงบ เพราะเป็นการป้องกันประโยชน์ส่วนได้เสียตามปกติไม่ใช่เป็นการแสวงประโยชน์จากการที่บุคคลอื่นเข้าเป็นความกัน
ผู้ขายได้ทำสัญญาจะขายที่ดินให้แก่ผู้ซื้อและรับเงินไว้บางส่วนแต่ยังไม่ได้โอนเพราะผู้ขายกำลังฟ้องบุคคลที่ 3 เป็นจำเลย เรื่องขัดขวางไม่ยอมให้รับมรดกที่ดินแปลงนั้นภายหลังผู้ขายได้ทำสัญญาประนีประนอมกับบุคคลที่ 3 โดยโอนที่ดินให้เป็นของบุคคลที่ 3 ดังนี้เป็นเหตุให้ผู้ซื้อซึ่งเป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบ บุคคลที่ 3 จึงเข้าลักษณะเป็นผู้ได้ลาภงอกเงยจากผู้ขาย ซึ่งเป็นลูกหนี้เพราะไม่มีทางบังคับชำระได้นิติกรรมที่ผู้ขายโอนให้แก่บุคคลที่ 3 จึงอาจถูกเพิกถอนได้ตาม ป.พ.พ. ม.237
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1086/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดต่อเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่: ผู้ใหญ่บ้านตักเตือนการเสพสุรา
จำเลยนั่งเสพสุราอยู่ ผู้ตายเป็นผู้ใหญ่บ้านมาพบเข้าได้พูดตักเตือนให้จำเลยกลับบ้าน จำเลยไม่ยอมกลับ และเกิดโต้เถียงกันขึ้น จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายถึงแก่ความตายดังนี้ จำเลยย่อมมีความผิดฐานทำร้ายเจ้าพนักงาน ซึ่งกระทำการตามหน้าที่ตามมาตรา 250 เพราะผู้ตายเป็นผู้ใหญ่บ้านชอบที่จะว่ากล่าวตักเตือนเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1086/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่: ผู้ใหญ่บ้านมีอำนาจตักเตือนลูกบ้าน การต่อสู้คดีไม่ฟัง
จำเลยนั่งเสพสุราอยู่ ผู้ตายเป็นผู้ใหญ่บ้านมาพบเข้า ได้พูดตักเตือนให้จำเลยกลับบ้าน จำเลยไม่ยอมกลับ และเกิดโต้เถียงกันขึ้น จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายถึงแก่ความตายดังนี้ จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายถึงแก่ความตายดังนี้ จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายถึงแก่ความตายดังนี้ จำเลยย่อมมีความผิดฐานทำร้ายเจ้าพนักงาน ซึ่งกระทำการตามหน้าที่ตามมาตรา 250 เพราะผู้ตายเป็นผู้ใหญ่บ้าน ชอบที่จะว่ากล่าวตักเตือนเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยได้