คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
จักรปาณีศรีศีลวิสุทธิ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 597 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1078/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าปรับในสัญญาซื้อขายถือเป็นค่าเสียหายที่กำหนดไว้ล่วงหน้า การผ่อนผันเวลาชำระหนี้ไม่ทำให้สิทธิเรียกค่าปรับหมดไป
ข้อตกลงที่เรียกกันว่า "ค่าปรับ" เมื่อผิดสัญญานั้น ก็คือค่าสินไหมทดแทนที่กำหนดกันไว้ล่วงหน้านั่นเอง
ข้อความในสัญญามีความว่า "ฯลฯ หากปรากฎว่าผู้ขายไม่ส่งมอบไม้ให้กับผู้ซื้อให้ครบภายในเวลาดังกล่าวข้างต้น ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาทันที ฯลฯ" นั้นหมายความว่าเป็นความตกลงให้ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเท่านั้น หาใช่เป็นบทบังคับว่าผู้ซื้อจะต้องใช้สิทธิ ทันที่จึงจะได้ค่าปรับไม่ การที่ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาแต่ยังไม่ใช้สิทธินั้น ผ่อนผันให้ผู้ขายได้แก้ตัวโดยเห็นใจผู้ขายต่อมาโดยความขอร้องของผู้ขายนั้นหาทำให้ผู้ซื้อหมดสิทธิเรียกค่าปรับในที่สุดอย่างใดไม่
การที่บริษัทอันเป็นนิติบุคคลจะทำนิติกรรมใดนั้นอาจกระทำได้โดยผู้แทนของบริษัท คือกรรมการลงชื่อตามจำนวน และประทับตราตามข้อบังคับของบริษัทนิติบุคคล แต่บริษัทนิติบุคคลก็ย่อมมีตัวแทน หรือเชิดให้ผู้อื่นเป็นตัวแทนไปกระทำนิติกรรมอันผูกพันบริษัทได้เหมือนกัน
ฉะนั้นแม้ข้อบังคับของบริษัทจะมีว่ากรรมการต้องลงนาม 2 คน จึงจะทำการแทนบริษัทได้ แต่เมื่อกรรมการผู้จัดการ เพียงคนเดียวไปลงลายมือชื่อลงในสัญญาและประทับตราของบริษัทกำกับไว้ อันจะเถียงไม่ได้ว่าได้ทำในฐานะตัว แทนของบริษัท และบริษัทก็ได้รับเอาผลของนิติกรรมนั้นตลอดมาด้วยดังนี้ บริษัทจะปฏิเสธความรับผิด เมื่อถึง คราวจะต้องรับผิดหาได้ไม่
ป.ม.แพ่งฯมาตรา 381 วรรค 3 ที่มีข้อความว่า "ถ้าเจ้าหนี้ยอมรับชำระหนี้แล้ว จะเรียกเอาเบี้ยปรับได้ต่อเมื่อได้ บอกสงวนสิทธิไว้เช่นนั้น " นี้หมายความว่า ลุกหนี้ได้ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้โดยสิ้นเชิงแล้ว ถ้าลูกหนี้ยังชำระหนี้ให้ เจ้าหนี้ไม่ครบจำนวน กรณีก็ยังไม่เข้ามาตรา 381 วรรค 3.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1071/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิอุทธรณ์คดีเด็กและเยาวชน: การโต้แย้งข้อเท็จจริงและการไม่เข้าข้อยกเว้นการอุทธรณ์
คดีอาญาที่ศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยประมาทตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 252 แต่จำเลยเป็นเด็ก จึงเห็นสมควรให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นการส่งตัวไปยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลางตามมาตรา 31(2) พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชนกลาง นั้น จำเลยย่อมอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงว่าจำเลยมิได้ประมาทได้ ไม่ต้องห้ามตาม มาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ.2494

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1071/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิอุทธรณ์คดีเด็กและเยาวชน: การโต้แย้งข้อเท็จจริงและการใช้ดุลพินิจของศาล
คดีอาญาที่ศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยประมาทตาม ก.ม.ลักษณะ อาญามาตรา 252 แต่จำเลยเป็นเด็ก จึงเห็นสมควรให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นการส่งตัวไปยังสถานพินิจและคุ้มครอง เด็กกลางตามมาตรา 31 (2) พ.ร.บ.จัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชนกลาง นั้น จำเลยย่อมอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงว่าจำเลย มิได้ประมาทได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 27 แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1068/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำให้การชั้นสอบสวนเป็นพยานหลักฐานได้หากโจทก์ระบุในบัญชีพยานและศาลให้จำเลยตรวจดู
คำให้การจำเลยชั้นสอบสวนซึ่งโจทก์ได้ระบุเป็นพยานไว้ในบัญชีระบุพยานโจทก์แล้ว และเมื่อโจทก์นำส่งศาล เวลาพยานผู้สอบสวนเบิกความ ศาลก็ได้ให้จำเลยตรวจดูแล้ว ดังนี้ย่อมรับคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยไว้เป็นพยานหลักฐานได้ ไม่จำเป็นต้องคัดสำเนาให้จำเลยก่อนวันพิจารณา เพียงแต่ให้จำเลยดูหรืออ่านให้จำเลยฟัง ก็พอแล้ว เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 240 อนุญาตไว้เช่นนั้น
พระราชบัญญัติกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ.2479 ไม่มีข้อความใดขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1068/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับคำให้การชั้นสอบสวนเป็นพยานหลักฐาน และความชอบด้วยกฎหมายของ พ.ร.บ.กักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย
คำให้การจำเลยชั้นสอบสวนซึ่งโจทก์ได้ระบุเป็นพยานไว้ในบัญชีระบุพยานโจทก์แล้ว และเมื่อโจทก์นำส่งศาล เวลาพยานผู้สอบสวนเบิกความ ศาลก็ได้ให้จำเลยตรวจดูแล้ว ดังนี้ย่อมรับคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยไว้เป็น พยานหลักฐานได้ ไม่จำเป็นต้องคัดสำเนาให้จำเลยก่อนวันพิจารณา เพียงแต่ให้จำเลยดูหรืออ่านให้จำเลยฟัง ก็พอแล้วเพราะ ป.ม.วิ.อาญา มาตรา 240 อนุญาตไว้เช่นนั้น
พ.ร.บ.กักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ. 2479 ไม่มีข้อความใดขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1060/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดินและสิทธิที่ดีกว่า: คำสั่งศาลไม่มีผลผูกพันบุคคลภายนอกหากมีสิทธิเหนือกว่า
การที่ได้มีคำร้องขอต่อศาล และศาลมีคำสั่งในคดีไม่มีข้อพิพาทว่าผู้ร้องขอมีสิทธิครอบครองที่ดินแปลงหนึ่งนั้น ย่อมใช้เป็นหลักฐานยันบุคคลภายนอกได้ แต่ก็ไม่ตัดสิทธิบุคคลภายนอกที่จะนำสืบว่ามีสิทธิดีกว่าผู้ร้องขอ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1045/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายอำเภอต่อการยักยอกเงินหลวง: การประมาทเลินเล่อและการรับสภาพหนี้
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรับราชการเป็นนายอำเภอปฏิบัติราชการฝ่าฝืนระเบียบเป็นเหตุให้สมุห์บัญชียักยอกเงินหลวง และจำเลยได้รับสารภาพตามสิทธิเรียกร้องของกระทรวงการคลัง ยอมรับใช้เงินที่ขาดหายไปทั้งหมด และจำเลยได้ ผ่อนใช้เงินจำนวนนี้บ้างแล้ว จึงขอให้จำเลยใช้เงินที่ขาดหายไปให้ควบ ดังนี้ เมื่อทางพิจารณาฟังว่าจำเลยไม่ต้อง รับผิดฐานละเมิดต่อโจทก์สำหรับเงินที่ขาดหายไปตามที่โจทก์ฟ้องแล้ว ศาลก็ไม่จำต้องวินิจฉัยถึงประเด็นเรื่องการ รับสภาพหนี้และผ่อนชำระหนี้ตามที่โจทก์ฟ้องต่อไป เพราะเมื่อไม่มีการละเมิดก็ย่อมไม่มีมูลหนี้ และเมื่อไม่มีหนึ้ก็ ไม่อาจรับสภาพหนี้ หรือผ่อนชำระหนี้กันได้โดยชอบ./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1045/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบหมายให้ผู้อื่นดูแลทรัพย์สินของรัฐ และความรับผิดต่อการยักยอกเงิน การไม่มีละเมิดจึงไม่มีมูลหนี้
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรับราชการเป็นนายอำเภอปฏิบัติราชการฝ่าฝืนระเบียบเป็นเหตุให้สมุห์บัญชียักยอกเงินหลวง และจำเลยได้รับสารภาพตามสิทธิเรียกร้องของกระทรวงการคลัง ยอมรับใช้เงินที่ขาดหายไปทั้งหมด และจำเลยได้ผ่อนใช้เงินจำนวนนี้บ้างแล้ว จึงขอให้จำเลยใช้เงินที่ขาดหายไปให้ครบ ดังนี้เมื่อทางพิจารณาฟังว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดฐานละเมิดต่อโจทก์สำหรับเงินที่ขาดหายไปตามที่โจทก์ฟ้องแล้ว ศาลก็ไม่จำต้องวินิจฉัยถึงประเด็นเรื่องการรับสภาพหนี้และผ่อนชำระหนี้ตามที่โจทก์ฟ้องต่อไป เพราะเมื่อไม่มีการละเมิดก็ย่อมไม่มีมูลหนี้ และเมื่อไม่มีหนี้ก็ไม่อาจรับสภาพหนี้ หรือผ่อนชำระหนี้กันได้โดยชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1042/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องผู้จัดการมรดก: การพิสูจน์ขอบเขตอำนาจตามพินัยกรรม
โจทก์ฟ้องคดีโดยอ้างว่าเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายตามพินัยกรรม์แต่ปรากฎในพินัยกรรม์เพียงให้โจทก์เป็นผู้ จัดการเก็บค่าเช่าห้องพิพาทส่งไปประเทศจีนเท่านั้น ดังนี้ ไม่ได้ชื่อว่าา โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรม์ ถึงแก่จะมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องคดีได้.
เรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์ แม้จำเลยมิได้คัดค้านอำนาจฟ้องของโจทก์ แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของ ประชาชน ศาลย่อมยกขึ้นวินิจฉัยตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 142(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1042/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องผู้จัดการมรดก: การที่พินัยกรรมระบุหน้าที่จำกัด ไม่ถือเป็นผู้จัดการมรดกมีอำนาจฟ้องได้
โจทก์ฟ้องคดีโดยอ้างว่าเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายตามพินัยกรรม แต่ปรากฏในพินัยกรรมเพียงให้โจทก์เป็นผู้จัดการเก็บค่าเช่าห้องพิพาทส่งไปประเทศจีนเท่านั้น ดังนี้ ไม่ได้ชื่อว่า โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรม ถึงแก่จะมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องคดีได้
เรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์ แม้จำเลยมิได้คัดค้านอำนาจฟ้องของโจทก์แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลย่อมยกขึ้นวินิจฉัยตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5)
of 60