พบผลลัพธ์ทั้งหมด 36 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 728/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานสมคบกันเพื่อการอนาจารโดยไม่จำกัดอายุผู้ถูกกระทำ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้สมคบกันเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่น จำเลยได้ใช้อุบายทุจจริตล่อลวงเป็นธุระจัดหา ล่อ และชักพานางสาวสวิงอายุ 19 ปีไปเพื่อการอนาจาร ดังนี้ การกระทำของจำเลยควรมีความผิดตามบทบัญญัติแห่ง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม ก.ม.ลักษณะอาญา พ.ศ. 2474 ม.3 ตอนท้าย ซึ่งหาได้กำหนดอายุของหญิงเจ้าทุกข์ไว้ด้วยไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 693-694/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตห้ามขนย้ายข้าว: การขนย้ายข้าวเข้าเขต vs. ออกนอกเขต ตาม พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว 2489
โจทก์ฟ้องกล่าวว่าจำเลยขนย้ายข้าว เข้ามาในเขตต์ห้ามขนย้ายข้าวตามประกาศของคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าว ดังนี้ จำเลยย่อมไม่มีผิดตาม พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว 2489 มาตรา 10 เพราะมาตรานี้ห้ามไว้แต่การขนย้ายออกนอกเขตต์ซึ่งคณะกรรมการประกาศกำหนดเท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 665/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานปล้นทรัพย์และการสมคบกันกระทำความผิด โดยการใช้ปืนขู่และยิงจริง
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยปล้นทรัพย์โดยใช้ปืนยิงขู่ การใช้ปืนยิงขู่ก็เป็นการขู่เข็ญว่าจะทำร้าย และทางพิจารณาก็ได้ความว่าจำเลยได้ใช้ปืน ทั้งยิงขู่และยิงจริง เข้าลักษณะปล้นสมฟ้องแล้ว
จำเลยกับพวกได้มาร่วมมือกันใช้ปืนทั้งยิงขู่และยิงจริงโดยจำเลยมิได้แก้ตัวว่าได้เจตนากระทำเพื่ออะไร และทางพิจารณาก็ไม่ได้ความว่าเพื่อเหตุอื่นใด จึงต้องฟังตามกรรมของจำเลยว่าได้สมคบกันมาปล้น แม้ในเบื้องต้นมิได้มีเจตนาสมคบกันมาปล้น แต่ในภายหลังได้ร่วมมือกันทำการปล้นแล้ว ก็ต้องมีความผิดฐานปล้น
คำฟ้องของโจทก์มิได้กล่าวหาว่าจำเลยได้ทำให้คนตายในการปล้น แต่ได้แยกการฆ่านั้นไว้อีกกะทงหนึ่งต่างหากต่างกรรม ต่างวาระกันทำให้คนตาย ให้ฎีกาขอให้ลงโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ในชั้นฎีกา ศาลฎีกาก็ลงโทษจำเลยเพียงฐานปล้นทรัพย์ตามมาตรา 301 ตอนต้นเท่านั้น
จำเลยกับพวกได้มาร่วมมือกันใช้ปืนทั้งยิงขู่และยิงจริงโดยจำเลยมิได้แก้ตัวว่าได้เจตนากระทำเพื่ออะไร และทางพิจารณาก็ไม่ได้ความว่าเพื่อเหตุอื่นใด จึงต้องฟังตามกรรมของจำเลยว่าได้สมคบกันมาปล้น แม้ในเบื้องต้นมิได้มีเจตนาสมคบกันมาปล้น แต่ในภายหลังได้ร่วมมือกันทำการปล้นแล้ว ก็ต้องมีความผิดฐานปล้น
คำฟ้องของโจทก์มิได้กล่าวหาว่าจำเลยได้ทำให้คนตายในการปล้น แต่ได้แยกการฆ่านั้นไว้อีกกะทงหนึ่งต่างหากต่างกรรม ต่างวาระกันทำให้คนตาย ให้ฎีกาขอให้ลงโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ในชั้นฎีกา ศาลฎีกาก็ลงโทษจำเลยเพียงฐานปล้นทรัพย์ตามมาตรา 301 ตอนต้นเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 494/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวและการทำร้ายร่างกาย: การพิจารณาเหตุแห่งการกระทำและความเหมาะสมของโทษ
ฟ้องโจทก์กล่าวว่า จำเลยที่ 1 มีมีดซุยฝ่ายหนึ่ง จำเลยที่ 2, 3, 4 อีกฝ่ายหนึ่ง ต่างสมัครใจเข้าวิวาททำร้ายซึ่งกันและกัน โดยจำเลยที่ 1 ใช้มีดซุยแทง จำเลยที่ 2,3,4 ใช้ขวานและไม้ตะบองตีจำเลยที่ 1 ถึงบาดเจ็บ จำเลยที่ 3 มีแผลถูกแทงที่หน้าอก 1 แห่ง บาดเจ็บสาหัส ดังนี้ ฟ้องของโจทก์ พอเข้าใจได้ว่าจำเลยที่ 1 ใช้มีดซุยแทงถูกจำเลยที่ 3 ที่หน้าอก 1 แห่ง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 343/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีโดยใช้ชื่อย่อสมาคมฯ และชื่อเต็มในคำฟ้อง ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเป็นการฟ้องที่สมบูรณ์
โจทก์ฟ้องโจทก์กล่าวในตอนต้นว่า ระหว่างสมาคมพาณิชย์จีนโดยหลวงอนุภาษภูเก็ตการเป็นนายก โจทก์ แล้วดำเนินความว่า "ข้าพเจ้าสมาคมพาณิชย์จีนโดยหลวงอนุภาษภูเก็ตการ นายก โจทก์ ฯลฯ ขอยื่นฟ้องนายอิวหงี แซ่เอียบ จำเลย ฯลฯ ข้อ 1 โจทก์ได้รับอนุญาตจดทะเบียนเป็นสมาคม มีนามว่า "สมาคมพาณิชย์จีน ภูเก็ต" ดังนี้ย่อมเป็นฟ้องที่สมบูรณ์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 198/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องลักทรัพย์: การตีความคำว่า 'บังอาจ' และการลักตัดทรัพย์สิน
ฟ้องของโจทก์กล่าวว่า จำเลยบังอาจใช้กรรไกรลักตัดสร้อยคอของ พ. ไป ดังนี้ ย่อมเป็นที่เข้าใจว่า จำเลยลักตัดสร้อยคอของ พ.ไป โดยไม่ได้รับอนุญาต จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 110/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำลายทรัพย์สิน: การพิสูจน์เจตนาโดยตรงในการกระทำความเสียหายต่อทรัพย์สิน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจลงไปสุ่มปลาในนาของนายมาแล้วเหยียบย่ำข้าวกล้าเสียหายขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 324 ดังนี้ ฟ้องของโจทก์ไม่พอจะเข้าใจได้ว่าจำเลยมีเจตนาโดยตรงที่จะเหยียบย่ำต้นข้าวให้เสียหาย รูปคดียังไม่เป็นความผิดตามมาตรา 324 กฎหมายลักษณะอาญา./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 78/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกขายสินค้าเกินราคาไม่เป็นความผิดตามประกาศห้ามขายเกินราคา การบอกขายไม่ใช่ความพยายามในการขาย
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยบอกขายข้าวสารเกินราคา เป็นการฝ่าฝืนประกาศข้าหลวงประจำจังหวัด แต่ประกาศที่โจทก์อ้างเป็นแต่ห้ามการขายเกินราคา มิได้ห้ามการบอกขาย และการบอกขายยังไม่เป็นการกระทำถึงคั่นพยายามขาย คดีไม่มีทางลงโทษจำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1210/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาในการครอบครองธนบัตรปลอม – การเข้าใจความหมายของคำว่า 'บังอาจ' ในฟ้อง
ฟ้องโจทก์กล่าวว่า จำเลยบังอาจมีธนบัตรปลอมไว้เพื่อจำหน่าย คำว่าบังอาจย่อมจะเข้าใจได้ว่า มีไว้โดยตั้งใจหรือรู้ว่าเป็นของปลอม
(อ้างฎีกาที่ 884/2484)
(อ้างฎีกาที่ 884/2484)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 67/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภค: คณะกรรมการต้องออกประกาศควบคุมก่อน เจ้าพนักงานไม่มีอำนาจประกาศเอง
ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องอุปโภคและบริโภคนั้น อำนาจที่จะกำหนดให้สิ่งของใดๆอยู่ในความควบคุมเป็นอำนาจของคณะกรรมการตามพระราชบัญญัติเมื่องฟ้องโจทก์มิได้กล่าวให้ชัดว่า สิ่งของที่จำเลยมีไว้นั้นเป็นสิ่งของที่คณะกรรมการกำหนดให้อยู่ในความควบคุมแล้ว แม้จะได้บรรยายว่า คณะกรมการจังหวัดได้ประกาศควบคุมก็ลงโทษจำเลยไม่ได้ เพราะคณะกรมการจังหวัดไม่มีอำนาจประกาศเช่นนั้น.