คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 195 วรรคสอง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,014 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5715/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยฎีกาเรื่องทนายจำเลยเสียชีวิตและประเด็นการอุทธรณ์ที่ไม่ได้รับคำรับรอง
จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า ทนายจำเลยที่ 1 ที่ศาลตั้งให้ได้เสียชีวิตลงก่อนสืบพยานจำเลย และศาลชั้นต้นไม่ได้ตั้งทนายให้จำเลยที่ 1 อีกเป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 ไม่มีทนายแก้ต่างจนศาลชั้นต้นสั่งตัดพยานจำเลยที่ 1 นั้น ในปัญหาข้อนี้แม้จะไม่ได้ยกขึ้นในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ก็ตามแต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ซึ่งจำเลยที่ 1 หรือศาลยกขึ้นอ้างได้ ศาลฎีกาเห็นสมควรรับวินิจฉัยให้ ในวันสืบพยานจำเลย จำเลยที่ 1 ได้แต่งให้ ก.ซึ่งเป็นทนายของจำเลยที่ 2 เป็นทนายของจำเลยที่ 1 ด้วยแล้วศาลชั้นต้นจึงไม่ต้องตั้งทนายให้จำเลยที่ 1 อีก และตามรายงานกระบวนพิจารณาก็ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 แถลงไม่ติดใจสืบพยานเอง มิใช่ศาลสั่งตัดพยานจำเลยที่ 1 กระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นจึงชอบด้วยกฎหมาย จำเลยที่ 1 ได้เคยยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าจำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ จริง แต่ไม่ได้เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายเพราะผู้ตายตกน้ำและถึงแก่ความตายเอง ทั้งจำเลยที่ 1 ไม่ได้ฆ่าผู้ตาย แต่จำเลยที่ 1 ยื่นอุทธรณ์พ้นกำหนดเวลาและศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ดังกล่าวของจำเลยที่ 1 คำสั่งศาลชั้นต้นเป็นที่สุดแล้ว ส่วนโจทก์อุทธรณ์ขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลยที่ 1ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคท้าย ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52(2) คงจำคุกตลอดชีวิต ข้อหาอื่นให้ยก นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ดังนี้ ที่จำเลยที่ 1 ยกขึ้นอ้างอิงในฎีกาว่าจำเลยที่ 1 มิได้กระทำความผิดนี้เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์เป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่งประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยในปัญหาข้อนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5129/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ริบของกลางแม้โจทก์ไม่เคยอุทธรณ์ และการลงโทษปรับแทนจำคุก
ฟ้องของโจทก์มีคำขอให้ริบของกลางด้วยแต่ศาลชั้นต้นมิได้มีคำวินิจฉัยในเรื่องนี้จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา186(9)แม้โจทก์ไม่อุทธรณ์ฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจแก้ไขเสียให้ถูกต้องโดยให้ริบของกลาง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5129/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่วินิจฉัยเรื่องริบของกลาง ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขได้ แม้โจทก์ไม่อุทธรณ์
ฟ้องของโจทก์มีคำขอให้ริบของกลางด้วย แต่ศาลชั้นต้นมิได้มีคำวินิจฉัยในเรื่องนี้ จึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 186 (9) แม้โจทก์ไม่อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจแก้ไขเสียให้ถูกต้องโดยให้ริบของกลาง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4766/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปลอมแปลงบัตรประชาชนโดยการสลับรูปถ่าย และการเป็นเอกสารราชการที่มีผลทางกฎหมายอาญา
จำเลยนำภาพถ่ายที่ ม.มอบให้มาตัดให้พอดีกับภาพถ่ายในบัตรประจำตัวประชาชนของ น.ที่แท้จริง แล้วนำภาพถ่ายที่ตัดแล้วปิดทับภาพถ่ายของ น.ที่ติดอยู่ในบัตรประจำตัวประชาชนของ น.ดังกล่าว แล้วถ่ายภาพบัตรและนำภาพถ่ายดังกล่าวอัดพลาสติกมอบให้ ม.โดยคิดค่าทำ 15 บาท เช่นนี้ ถือได้ว่าจำเลยกระทำโดยมีเจตนาเพื่อให้ผู้พบเห็นบัตรประจำตัวประชาชนดังกล่าวหลงเชื่อว่า ภาพถ่ายของ ม.ในบัตรประชาชนที่ถ่ายเอกสารมา เป็นภาพถ่ายของ น.โดยมีวันเดือนปีเกิดและภูมิลำเนาตามที่ระบุไว้ในบัตรดังกล่าว เป็นบัตรประจำตัวประชาชนที่แท้จริง จึงเป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร และบัตรประจำตัวประชาชนเป็นเอกสารซึ่งเจ้าพนักงานสำนักทะเบียนบัตรประชาชนกระทรวงมหาดไทยได้ทำขึ้น จึงเป็นเอกสารราชการตามนิยามของ ป.อ.มาตรา1 (8) แม้บัตรประชาชนที่จำเลยทำปลอมขึ้นมาจะเป็นเพียงภาพถ่ายเอกสารแต่การกระทำของจำเลยดังกล่าวมีลักษณะเพื่อการใช้อย่างบัตรประจำตัวประชาชนฉบับต้นฉบับที่แท้จริง จึงเป็นเอกสารราชการ จำเลยจึงมีความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ
ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษจำเลยนั้น คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 1 ปี ฎีกาของจำเลยในข้อนี้เป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการลงโทษของศาล เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.อ.มาตรา 218วรรคแรก อย่างไรก็ดี แม้จะเป็นคดีที่คู่ความฎีกาได้เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายหากศาลฎีกาเห็นว่าศาลล่างลงโทษจำเลยหนักเกินไปก็ย่อมมีอำนาจที่จะพิพากษาลงโทษจำเลยให้เหมาะสมแก่ความผิดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3518/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางอาญาจากการขับรถประมาท ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และความผิดฐานไม่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย
การกระทำอันจะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ.2522มาตรา160วรรคสองนั้นต้องเป็นการไม่ปฏิบัติตามมาตรา78จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสหรือตายแต่ตามคำฟ้องได้ความแต่เพียงว่าจำเลยขับรถยนต์บรรทุกสิบล้อลากจูงรถพ่วงไปตามถนนด้วยความประมาทชนถูกรถจักรยานยนต์ที่ ง. ขับอยู่ล้มลงเป็นเหตุให้ ง. และ ป. ถึงแก่ความตายหลังเกิดเหตุแล้วจำเลยหลบหนีโดยมิได้ให้การช่วยเหลือตามสมควรและไม่แสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ใกล้เคียงทันทีจำเลยจึงมีความผิดตามมาตรา160วรรคแรกเท่านั้นและปัญหานี้เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้เองตามป.วิ.อ.มาตรา195วรรคสองประกอบมาตรา225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2298/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาลงโทษไม่ตรงกับความผิดที่โจทก์ขอ – ความสงบเรียบร้อยของประชาชน
โจทก์บรรยายฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ในเคหสถานตาม ป.อ. มาตรา 335 (8) การที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์หรือผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใด ๆ อันเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 335 (3) ด้วยจึงเป็นการพิพากษาถึงข้อที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 192วรรคสี่ ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2298/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาลงโทษเกินกว่าที่ฟ้อง การฟ้องเฉพาะลักทรัพย์ในเคหสถาน ศาลลงโทษฐานบุกรุกทำอันตรายสิ่งกีดกั้นด้วยไม่ได้
โจทก์บรรยายฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ในเคหสถานตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา335(8)การที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์หรือผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา335(3)ด้วยจึงเป็นการพิพากษาถึงข้อที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา192วรรคสี่ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา195วรรคสองประกอบด้วยมาตรา225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2298/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาลงโทษนอกเหนือจากคำฟ้อง: ศาลฎีกาแก้ไขโทษฐานลักทรัพย์ ให้เป็นไปตามฟ้องเดิม
โจทก์บรรยายฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ในเคหสถานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(8) การที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์หรือผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใด ๆ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(3) ด้วย จึงเป็นการพิพากษาถึงข้อที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสี่ ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2145/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบอาวุธปืน: ศาลไม่อาจริบได้หากลงโทษอาวุธปืนฯ แล้ว แม้มีบทบัญญัติอาญาที่ให้ริบได้
เมื่อศาลลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯมาตรา8ทวิวรรคสอง,72ทวิวรรคสองซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดและเป็นกรรมเดียวกับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา371แล้วก็จะอาศัยประมวลกฎหมายอาญามาตรา371มาสั่งริบอาวุธปืนของกลางไม่ได้จำเลยได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนดังกล่าวได้โดยชอบเมื่อความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯที่ลงโทษจำเลยไม่ได้บัญญัติเรื่องริบทรัพย์ไว้ศาลก็ริบอาวุธปืนของกลางไม่ได้และเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2145/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฎีกาในคดีอาวุธปืน และอำนาจศาลฎีกาในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายเพื่อความสงบเรียบร้อย
ความผิดฐานพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก 6 เดือน และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง จำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่ได้พาอาวุธปืนเข้าไปในห้องอาหารที่เกิดเหตุ เป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามกฎหมายข้างต้น
ความผิดฐานพาอาวุธปืนนั้นแม้จะต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงแต่ศาลฎีกาก็มีอำนาจที่จะพิพากษาลงโทษจำเลยให้เหมาะสมแก่ความผิดได้
เมื่อข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าและทำให้เสียทรัพย์ อาวุธปืนของกลางจึงมิใช่ทรัพย์สินที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิด และแม้ว่าจำเลยจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371ซึ่งศาลอาจสั่งริบอาวุธปืนของกลางได้ก็ตาม แต่ข้อหาความผิดตามมาตรา 371 นี้เป็นกรรมเดียวกับความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา 8 ทวิ วรรคสอง,72 ทวิ วรรคสอง เมื่อศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดแล้ว ย่อมจะอาศัยบทที่มีโทษเบา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 มาสั่งริบอาวุธปืนของกลางไม่ได้ และปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
of 102