คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 195 วรรคสอง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,014 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2072/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์รถจักรยานยนต์, ความผิดฐานชิงทรัพย์, ลดโทษโรคจิต, ปัญหาความสงบเรียบร้อย
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าบริษัทช.ขายรถจักรยานยนต์ให้จำเลยแบบผ่อนชำระราคาเป็นการซื้อขายเสร็จเด็ดขาดกรรมสิทธิ์ในรถจักรยานยนต์ย่อมโอนไปยังจำเลยทันที่ที่ตกลงกันเมื่อจำเลยเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์คันที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดฐานชิงทรัพย์การกระทำของจำเลยจึงขาดองค์ประกอบความผิดฐานชิงทรัพย์ จำเลยเป็นโรคจิตกระทำความผิดขณะยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้างซึ่งศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา65วรรคสองแต่โทษจำคุกที่ศาลอุทธรณ์กำหนดเป็นอัตราสูงสุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา295ทั้งที่ศาลอุทธรณ์นำมาตรา65วรรคสองมาประกอบการลงโทษด้วยโทษจำคุกจึงสูงเกินสมควรปัญหานี้แม้จำเลยมิได้ฎีกาแต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา195วรรคสองประกอบด้วยมาตรา225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2072/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์รถจักรยานยนต์และการลดโทษจากความผิดปกติทางจิต
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า บริษัท ช.ขายรถจักรยานยนต์ให้จำเลยแบบผ่อนชำระราคา เป็นการซื้อขายเสร็จเด็ดขาดกรรมสิทธิ์ในรถจักรยานยนต์ย่อมโอนไปยังจำเลยทันทีที่ตกลงกัน เมื่อจำเลยเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์คันที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดฐานชิงทรัพย์ การกระทำของจำเลยจึงขาดองค์ประกอบความผิดฐานชิงทรัพย์
จำเลยเป็นโรคจิตกระทำความผิดขณะยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้าง ซึ่งศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้ตาม ป.อ. มาตรา 65 วรรคสอง แต่โทษจำคุกที่ศาลอุทธรณ์กำหนดเป็นอัตราสูงสุดตาม ป.อ. มาตรา 295 ทั้งที่ศาลอุทธรณ์นำมาตรา 65 วรรคสอง มาประกอบการลงโทษด้วย โทษจำคุกจึงสูงเกินสมควร ปัญหานี้แม้จำเลยมิได้ฎีกาแต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1880/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องฐานโกงเจ้าหนี้ต้องระบุเจตนาตระหนักถึงสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตาม ป.อ. มาตรา 350 อ้างว่าจำเลยที่ 1 ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินให้โจทก์แล้วกลับนำไปขายให้แก่บุคคลอื่น เพื่อมิให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามสัญญาได้รับชำระหนี้ ซึ่งโจทก์มีสิทธิที่จะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลเอากับจำเลยที่ 1 ได้ มิได้บรรยายว่าจำเลยที่ 1 ได้กระทำไปโดยรู้ว่าเจ้าหนี้ของตนหรือของผู้อื่นได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ ย่อมเป็นฟ้องที่ขาดสาระสำคัญแห่งองค์ประกอบของความผิด เป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5)และเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1880/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องฐานโกงเจ้าหนี้ต้องระบุเจตนาของผู้กระทำความผิดในการขัดขวางการชำระหนี้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่1ในความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา350อ้างว่าจำเลยที่1ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินให้โจทก์แล้วกลับนำไปขายให้แก่บุคคลอื่นเพื่อมิให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามสัญญาได้รับชำระหนี้ซึ่งโจทก์มีสิทธิที่จะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลเอากับจำเลยที่1ได้มิได้บรรยายว่าจำเลยที่1ได้กระทำไปโดยรู้ว่าเจ้าหนี้ของตนหรือของผู้อื่นได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ย่อมเป็นฟ้องที่ขาดสาระสำคัญแห่งองค์ประกอบของความผิดเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยบทบัญญัติแห่งกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา158(5)และเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1805/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปรับบทความผิดทางอาญา: มาตรา 140 วรรคสาม ต้องพิจารณาโทษหนักกว่าวรรคหนึ่ง/สอง
ศาลล่างพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 140วรรคสาม โดยไม่ปรับบทตามมาตรา 138 วรรคสอง และมาตรา 140 วรรคแรกด้วยนั้น ไม่ถูกต้อง เพราะมาตรา 140 วรรคสาม มิได้บัญญัติความผิดไว้ชัดแจ้งในตัวและการไม่ปรับบทว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 140 วรรคแรก หรือวรรคสองย่อมไม่ทราบว่าจำเลยต้องระวางโทษหนักกว่าที่กฎหมายบัญญัติไว้กึ่งหนึ่งของมาตรา140 วรรคหนึ่งหรือวรรคสอง และปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นสมควรหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1805/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปรับบทความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานและพยายามฆ่าเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 140
ศาลล่างพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา140วรรคสามโดยไม่ปรับบทตามมาตรา138วรรคสองและมาตรา140วรรคแรกด้วยนั้นไม่ถูกต้องเพราะมาตรา140วรรคสามมิได้บัญญัติความผิดไว้ชัดแจ้งในตัวและการไม่ปรับบทว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา140วรรคแรกหรือวรรคสองย่อมไม่ทราบว่าจำเลยต้องระวางโทษหนักกว่าที่กฎหมายบัญญัติไว้กึ่งหนึ่งของมาตรา140วรรคหนึ่งหรือวรรคสองและปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ฎีกาศาลฎีกาเห็นสมควรหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1148/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษและการริบของกลางในคดีความผิดพ.ร.บ.ป่าไม้ ศาลฎีกาแก้ไขคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
จำเลยถูกพนักงานอัยการโจทก์ฟ้องในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ฯรวมสองคดีคือคดีนี้กับคดีอาญาหมายเลขดำที่889/2536ของศาลชั้นต้นและโจทก์ขอให้นับโทษจำเลยคดีนี้ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่889/2536สำหรับคดีอาญาหมายเลขดำที่889/2536ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยแล้วจำเลยอุทธรณ์แต่ศาลอุทธรณ์เพียงแต่พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยให้เบาลงโดยไม่รอการลงโทษจำคุกและคดีถึงที่สุดแล้วดังนั้นเมื่อจำเลยกระทำความผิดสองคดีและศาลลงโทษจำคุกทั้งสองคดีจึงสมควรนับโทษจำเลยต่อตามฟ้อง โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้และมีคำขอให้ริบของกลางซึ่งเป็นอุปกรณ์เครื่องมือที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิดแต่ที่ศาลล่างทั้งสองไม่สั่งคำขอดังกล่าวจึงเป็นการไม่ชอบเฉพาะไม้สักแปรรูป180ชิ้นซึ่งเป็นทรัพย์ที่จำเลยมีไว้เป็นความผิดซึ่งศาลจะต้องริบศาลฎีกาหยิบยกปัญหานี้ขึ้นวินิจฉัยได้เองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา195วรรคสองประกอบมาตรา225และแก้ไขเสียให้ถูกต้องโดยให้ริบไม้สักแปรรูปของกลางดังกล่าวเสียด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1148/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษคดีป่าไม้ และการริบของกลางตามกฎหมาย
จำเลยถูกพนักงานอัยการโจทก์ฟ้องในข้อหาความผิดต่อ พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ รวมสองคดี คือ คดีนี้กับคดีอาญาหมายเลขดำที่ 889/2536 ของศาลชั้นต้นและโจทก์ขอให้นับโทษจำเลยคดีนี้ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 889/2536สำหรับคดีอาญาหมายเลขดำที่ 889/2536 ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยแล้วจำเลยอุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์เพียงแต่พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยให้เบาลงโดยไม่รอการลงโทษจำคุกและคดีถึงที่สุดแล้ว ดังนั้น เมื่อจำเลยกระทำความผิดสองคดีและศาลลงโทษจำคุกทั้งสองคดี จึงสมควรนับโทษจำเลยต่อตามฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ และมีคำขอให้ริบของกลาง ซึ่งเป็นอุปกรณ์เครื่องมือที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิด แต่ที่ศาลล่างทั้งสองไม่สั่งคำขอดังกล่าวจึงเป็นการไม่ชอบ เฉพาะไม้สักแปรรูป 180 ชิ้น ซึ่งเป็นทรัพย์ที่จำเลยมีไว้เป็นความผิดซึ่งศาลจะต้องริบ ศาลฎีกาหยิบยกปัญหานี้ขึ้นวินิจฉัยได้เองตาม ป.วิ.อ.มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 และแก้ไขเสียให้ถูกต้อง โดยให้ริบไม้สักแปรรูปของกลางดังกล่าวเสียด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 650/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดศุลกากร: เฮโรอีนไม่อาจเสียภาษี การนำออกนอกราชอาณาจักรไม่ใช่การหลีกเลี่ยงภาษี
เฮโรอีนที่จำเลยพยายามนำหรือพาออกนอกราชอาณาจักรเป็นของที่มีไว้เป็นความผิดไม่อาจเสียภาษีได้ การที่จำเลยนำหรือพาออกนอกราชอาณาจักรนั้นมิใช่เป็นการนำหรือพาออกไปนอกราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากรที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา27 อีกกระทงหนึ่ง และศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืนจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 638/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดค่าเสียหายต้องระบุจำนวนชัดเจน แม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้
โจทก์มิได้บรรยายฟ้องมาว่า กรมเจ้าท่าได้เสียค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปในการแก้ไขสิ่งเป็นพิษเป็นจำนวนเท่าใด มิได้ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายส่วนนี้จำนวนเท่าใด และข้อเท็จจริงก็ไม่ปรากฏว่ากรมเจ้าท่าได้เสียค่าใช้จ่ายในการแก้ไขสิ่งเป็นพิษเป็นจำนวนเท่าใด จึงไม่อาจกำหนดค่าเสียหายส่วนนี้ให้แก่กรมเจ้าท่าได้ แม้ปัญหาข้อนี้จำเลยทั้งสองจะมิได้ฎีกาขึ้นมาก็ตาม เนื่องจากเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้
of 102