คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 195 วรรคสอง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,014 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5100/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนกระทำชำเราต่อเนื่อง – การปรับบทลงโทษ – ข้อจำกัดการฎีกาข้อเท็จจริง – ทำร้ายร่างกาย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำเลยข้อหาทำร้ายร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 จำคุก 20 วันเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลล่างให้ลงโทษจำคุกไม่เกินห้าปี ซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218บัญญัติห้ามมิให้คู่ความฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง จำเลยฎีกาว่าไม่ได้กระทำความผิดตามฟ้องเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว จำเลยข่มขืนกระทำชำเราโจทก์ร่วมสองครั้งในเวลาใกล้เคียงกันและสถานที่เกิดเหตุครั้งแรกกับครั้งหลังห่างกันเพียงประมาณ 300 เมตรเจตนาในการข่มขืนกระทำชำเราทั้งสองครั้งยังต่อเนื่องกันอยู่หาได้ขาดตอนไม่ จึงเป็นความผิดกรรมเดียว แม้จำเลยไม่ฎีกาในปัญหาข้อนี้แต่การปรับบทลงโทษจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1197/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาจัดหางานหรือไม่: ศาลฎีกาชี้ขาดคดีฉ้อโกงหลอกลวงจัดหางานต่างประเทศ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันจัดหางานให้ผู้เสียหายซึ่ง เป็นคนหางานไปทำงานในประเทศ สิงคโปร์ โดย เรียกและรับค่าบริการ แต่ ในความผิดฐาน ฉ้อโกงโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสองโดย ทุจริตร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหายด้วย การแสดงข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดความจริง ซึ่ง ควรบอกให้แจ้งว่ามีงานให้ทำและจำเลยทั้งสองจะจัดให้ผู้เสียหายทำงานที่ประเทศ สิงคโปร์ อันเป็นความเท็จ ซึ่ง ความจริงแล้วไม่มีงานให้ทำ จำเลยไม่มีเจตนาและไม่สามารถที่จะส่งผู้เสียหายไปทำงานที่ประเทศ สิงคโปร์ ได้ เพราะจำเลยทั้งสองมิได้รับอนุญาตให้จัดหางานเช่นนี้ แสดงว่าจำเลยทั้งสองมิได้มีเจตนาจะจัดหางานให้แก่ผู้เสียหายแต่ อย่างใดจำเลยทั้งสองเพียงแต่อ้างการจัดหางานเพื่อให้ได้ เงินค่าบริการจากผู้เสียหายเท่านั้นการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐาน จัดหางานโดย มิได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ. จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528ดัง โจทก์ฟ้อง ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นว่ากล่าวศาลก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ เอง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3997/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลฎีกาแก้ไขคำพิพากษาเกินคำขอในฟ้อง อาศัยอำนาจแก้ไขข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย
กรณีที่ศาลพิพากษาเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้อง อันเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคแรก ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ว่าคู่ความไม่ได้ยกขึ้นฎีกาศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 138/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บันดาลโทสะจากการถูกทำร้ายและการข่มเหง: ศาลฎีกายกข้อกฎหมายขึ้นวินิจฉัยเองได้ แม้มิได้ยกขึ้นต่อสู้
การกระทำโดยบันดาลโทสะเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในคำให้การ ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
การที่ผู้ตายละทิ้งจำเลยไปมีภรรยาใหม่ แล้วเสพสุรามึนเมามาหาจำเลยที่บ้านเพื่อจะนำบุตรไปอยู่กับภรรยาใหม่ของผู้ตาย เมื่อจำเลยไม่ยินยอม ก็ทำร้ายตบตีจำเลยถือได้ว่าจำเลยถูกข่มเหงอย้างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม เมื่อจำเลยใช้มีดพร้าฟันศีรษะผู้ตายในขณะนั้นโดยแรงเพียง 1ครั้ง การที่จำเลยฆ่าผู้ตายจึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4641/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปรับบทลงโทษให้ถูกต้องตามวรรคของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 และการไม่อาจแก้ไขเพิ่มเติมฎีกาที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาต
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 225 ตั้งแต่สองอนุมาตราขึ้นไป เข้าองค์ประกอบของมาตรา 335 วรรคสามศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามบทมาตราดังกล่าวโดยไม่ได้ระบุวรรคศาลอุทธรณ์มีอำนาจพิพากษาแก้ระบุวรรคให้ถูกต้องและชัดเจนยิ่งขึ้นได้ แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ถึงปัญหานี้เพราะมิได้เป็นการเพิ่มโทษจำเลยแต่อย่างใด แต่ที่แก้เป็นมาตรา 335 วรรสองนั้นยังไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาย่อมแก้ให้ถูกต้องเป็นมาตรา 335 วรรคสามได้
จำเลยขอแก้ไขเพิ่มเติมฎีกาข้อ ก. มาในกำหนดระยะเวลาที่จะฎีกาได้ แต่เมื่อศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยในข้อ ก. แล้ว จึงไม่มีฎีกาในข้อ ก. ที่จะให้จำเลยขอแก้ไขเพิ่มเติมได้ ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาติให้จำเลยแก้ไขเพิ่มเติมฎีกาในข้อ ก. มาจึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4641/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปรับบทมาตราในความผิดอาญาและการแก้ไขเพิ่มเติมฎีกาที่ศาลชั้นต้นไม่รับ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335ตั้งแต่สองอนุมาตราขึ้นไป เข้าองค์ประกอบของมาตรา 335 วรรคสามศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามบทมาตราดังกล่าวโดยไม่ได้ระบุวรรค ศาลอุทธรณ์มีอำนาจพิพากษาแก้ระบุวรรคให้ถูกต้องและชัดเจนยิ่งขึ้นได้ แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ถึงปัญหานี้ เพราะมิได้เป็นการเพิ่มโทษจำเลยแต่อย่างใด แต่ที่แก้เป็นมาตรา 335 วรรคสองนั้นยังไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาย่อมแก้ให้ถูกต้องเป็นมาตรา335 วรรคสามได้ จำเลยขอแก้ไขเพิ่มเติมฎีกาข้อ ก. มาในกำหนดระยะเวลาที่จะฎีกาได้ แต่เมื่อศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยในข้อ ก. แล้วจึงไม่มีฎีกาในข้อ ก. ที่จะให้จำเลยขอแก้ไขเพิ่มเติมได้ ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยแก้ไขเพิ่มเติมฎีกาในข้อ ก.มาจึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1345/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานช่วยซ่อนเร้นของหนีภาษี, การคำนวณค่าปรับ, และอำนาจศาลในการแก้ไขโทษ
ขณะถูกจับกุมพร้อมของหนีภาษี จำเลยที่ 3 นั่งรถยนต์ไปกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 โดยจำเลยที่ 2 เป็นคนขับรถ ของหนีภาษีที่บรรทุกรถยนต์มามีเป็นจำนวนมากและเป็นสินค้าที่นำมาจากต่างประเทศ ของหนีภาษีบรรทุกรถยนต์มามีเป็นจำนวนมากและเป็นสินค้าที่นำมาจากต่างประเทศ ของบางส่วนเอาไว้ที่เบาะที่นั่งตอนหลังเห็นได้ชัดเจน เช่นนี้นับได้ว่าจำเลยที่ 3 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ช่วยซ่อนเร้น ช่วยพาเอาไปเสีย หรือรับเอาไว้ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากรตาม พระราชบัญญัติ ศุลกากร พุทธศักราช 2469 มาตรา27 ทวิ แล้ว
พระราชบัญญัติ ศุลกากร พุทธศักราช 2469 มาตรา 27 ทวิ ให้ปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว ค่าปรับตามบทมาตราดังกล่าวหาได้หมายความรวมถึงภาษีการค้า ภาษีเทศบาลอันเป็นภาษีอากรฝ่ายสรรพากรด้วยไม่ การคิดคำนวนค่าปรับโดยนำภาษีการค้า ภาษีเทศบาล มารวมคำนวณด้วยจึงไม่ชอบ และศาลต้องปรับจำเลยที่ร่วมกระทำความผิดด้วยกันทุกคนไม่เกินสี่เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาปรับจำเลยทุกคนเรียงตามรายตัวบุคคลจึงเป็นการไม่ถูกต้อง แต่โจทก์พอใจมิได้อุทธรณ์โต้แย้งปัญหานี้ การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ปรับจำเลยที่ 1 ที่ 2 รวมกันย่อมมีผลทำให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ผู้ร่วมกระทำผิดด้วยกันได้รับโทษหนักขึ้น เป็นการต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา212 เนื่องจากปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ทั้งเป็นเหตุที่อยู่ในส่วนลักษณะคดี แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาศาลฎีกาย่อมมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยใหม่ให้จำเลยทุกคนได้รับโทษปรับเรียงตามรายตัวบุคคลรวมกันแล้วไม่เกินโทษตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ได้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3705/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลิขสิทธิ์ในงานที่มีเนื้อหาลามก ไม่สามารถอ้างสิทธิได้ และศาลมีอำนาจวินิจฉัยปัญหาความสงบเรียบร้อยของประชาชนได้
ลิขสิทธิ์ที่บุคคลสามารถเป็นเจ้าของได้ จะต้องเป็นลิขสิทธิ์ในงานที่ตน สร้างสรรค์ โดยชอบด้วยกฎหมาย แต่เมื่อปรากฏว่าวีดีโอเทปของกลาง 1 ที่โจทก์อ้างว่าเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ มีบทแสดงการร่วมเพศระหว่างหญิงและชาย บาง ตอนอันเป็นภาพลามก ซึ่งผู้ใดทำหรือมีไว้หรือมีส่วนเกี่ยวข้องในการค้า เป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 287 งานของโจทก์ดังกล่าวจึงมิใช่งานสร้างสรรค์ ตามความหมายแห่ง พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521 โจทก์จึงไม่ใช่เจ้าของลิขสิทธิ์ ไม่ใช่ผู้เสียหายตาม ป.วิ.อ. มาตรา 2(4) และไม่มีอำนาจฟ้อง วีดีโอเทปของกลาง 2 ที่จำเลยอ้างส่งต่อศาลในระหว่างการพิจารณาไม่ใช่ของกลางที่พนักงานสอบสวนได้ยึดไว้ในคดี และโจทก์มิได้มีคำขอให้ริบ แม้วีดีโอเทปดังกล่าวจะมีภาพลามกรวมอยู่ด้วยอย่างเดียวกันกับวีดีโอเทปของกลาง 1 ศาลก็ไม่มีอำนาจสั่งริบตาม ป.วิ.อ.มาตรา 192 ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จะไม่มีฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2776/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำกัดความผิดฐานทำร้ายร่างกายสาหัส: การพิจารณาอันตรายสาหัสตามหลักฐานทางการแพทย์
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ใช้มีดแทงผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่า ถูกบริเวณท้องทำให้กระเพาะอาหารทะลุ แพทย์ลงความเห็นว่าต้องใช้เวลารักษาตัว 30 วัน โดยไม่มีข้อความว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสอย่างไร เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีเจตนาฆ่าคงมีแต่เจตนาทำร้ายจึงลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 ไม่ได้ คงลงโทษได้ตามมาตรา 295 เท่านั้น
การที่ศาลล่างพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 เกินกว่าที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2776/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกาย: ข้อหาที่ถูกต้องและการลงโทษตามบทบัญญัติที่เหมาะสม
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ใช้มีดแทงผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่า ถูกบริเวณท้องทำให้กระเพาะอาหารทะลุ แพทย์ลงความเห็นว่าต้องใช้เวลารักษาตัว 30 วัน โดยไม่มีข้อความว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสอย่างไร เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีเจตนาฆ่าคงมีแต่เจตนาทำร้ายจึงลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 ไม่ได้ คงลงโทษได้ตามมาตรา 295เท่านั้น
การที่ศาลล่างพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 เกินกว่าที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้.
of 102