คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 ม. 150

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 18 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1063/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจศาลล้มละลาย: จำเลยไม่มีภูมิลำเนาตามฟ้อง โจทก์ต้องยื่นฟ้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจเหนือลูกหนี้
คดีล้มละลายโจทก์ต้องยื่นฟ้องจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตหรือภายในกำหนดเวลาหนึ่งปีก่อนนั้นการที่ไม่ปรากฏหลักฐานใดยืนยันว่าจำเลยมีภูมิลำเนาตามฟ้องเป็นกรณีที่โจทก์ไม่ทราบภูมิลำเนาจำเลยมาก่อน มิใช่โจทก์ไม่อาจทราบภูมิลำเนาของจำเลยภายหลังที่โจทก์ได้ยื่นฟ้องแล้ว หรือจำเลยได้ย้ายภูมิลำเนาไปภายหลังโดยโจทก์ไม่อาจทราบที่อยู่ใหม่ จึงไม่อาจใช้วิธีส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องให้จำเลยทราบด้วยวิธีอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3538/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจศาลคดีล้มละลาย: การเพิกถอนคำสั่งรับฟ้องเมื่อศาลไม่มีอำนาจพิจารณาคดี
จำเลยไปอยู่อาศัยและประกอบอาชีพที่จังหวัดภูเก็ตตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2531 การที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2533 โดยส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยด้วยวิธีประกาศหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นที่จังหวัดเชียงใหม่ จึงมีเหตุให้เชื่อได้ว่าจำเลยไม่ทราบเรื่องที่ถูกฟ้อง ต้องถือว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดพิจารณา กรณีมีเหตุสมควรให้พิจารณาใหม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 209ประกอบพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153 การที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งมิใช่ศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตหรือประกอบธุรกิจอยู่ในเขตในขณะที่โจทก์ยื่นคำฟ้องหรือภายในกำหนดเวลา 1 ปี ก่อนนั้นรับคำฟ้องไว้พิจารณาในตอนแรกย่อมขัดต่อพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 150 และเมื่อคำสั่งศาลจังหวัดเชียงใหม่ที่อนุญาตให้พิจารณาใหม่เป็นคำสั่งที่ชอบต้องถือว่าคดีกลับไปอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลจังหวัดเชียงใหม่อีกครั้ง ศาลจังหวัดเชียงใหม่ย่อมมีอำนาจสั่งเพิกถอนคำสั่งรับฟ้องอันเป็นกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบนั้นเสียและมีคำสั่งใหม่เป็นไม่รับฟ้อง กับคืนคำฟ้องให้โจทก์เพื่อไปยื่นต่อศาลที่มีเขตอำนาจได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ประกอบมาตรา 209และพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2185/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภูมิลำเนาจำเลยคดีล้มละลาย: การจำหน่ายชื่อออกจากทะเบียนบ้าน ไม่ทำให้สิ้นภูมิลำเนา
เดิมจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพมหานคร จำเลยย้ายภูมิลำเนาไปอยู่จังหวัดลำพูนแล้วย้ายต่อไปอยู่ที่บ้านเลขที่ 15/8 หมู่ที่ 1ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ต่อมาอำเภอเมืองเชียงใหม่จำหน่ายชื่อจำเลยออกจากทะเบียนบ้านเดิมแล้วลงชื่อไว้ในทะเบียนคนบ้านกลาง การที่จำเลยย้ายไปอยู่จังหวัดเชียงใหม่ แสดงว่า จำเลยมีถิ่นอันเป็นสถานที่อยู่เป็นแหล่งสำคัญที่จังหวัดเชียงใหม่ ถือได้ว่าจังหวัดเชียงใหม่เป็นภูมิลำเนาของจำเลย ส่วนที่อำเภอเมืองเชียงใหม่ได้จำหน่ายชื่อจำเลยออกจากทะเบียนบ้านเดิม แล้วลงชื่อไว้ในทะเบียนคนบ้านกลางก็เนื่องจากไม่มีตัวอยู่ในบ้านและไม่ทราบที่อยู่ใหม่ มิใช่จำเลยได้ย้ายที่อยู่พร้อมด้วยเจตนาจะเปลี่ยนภูมิลำเนา จึงไม่อาจถือได้ว่าจำเลยได้เปลี่ยนภูมิลำเนาไปจากจังหวัดเชียงใหม่แล้ว ตามระเบียบสำนักงานกลางทะเบียนราษฎร กรมการปกครองว่าด้วยการจัดทำทะเบียนราษฎร สำหรับสำนักทะเบียนในเขตปฏิบัติการตามโครงการจัดทำเลขประจำตัวประชาชน พ.ศ. 2528 ข้อ 52 และ 53ที่ให้ถือว่าทะเบียนคนบ้านกลางไม่ใช่ทะเบียนบ้าน และบุคคลซึ่งมีรายการปรากฏอยู่ในทะเบียนคนบ้านกลาง ไม่อาจจะขอคัดหรือรับรองสำเนารายการเพื่อนำไปอ้างอิงหรือใช้สิทธิในกรณีต่าง ๆ ได้เป็นเรื่องเพื่อประโยชน์ในการจัดทำทะเบียนราษฎรตามโครงการจัดทำเลขประจำตัวประชาชนเท่านั้น จะถือว่าจำเลยมิได้มีภูมิลำเนาตามกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวกับการยื่นฟ้องคดีล้มละลายหาได้ไม่ จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ในขณะยื่นฟ้องจึงต้องด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 150 ที่จะต้องไปยื่นฟ้องจำเลยที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ แต่โจทก์ยื่นฟ้องที่ศาลจังหวัดแพร่ ซึ่งไม่ใช่ศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจแม้จะเป็นศาลมูลคดีเกิดก็ตาม ศาลจังหวัดแพร่ก็ไม่อาจรับคดีของโจทก์ไว้พิจารณาได้และกรณีมิใช่เป็นเรื่องจำเลยเป็นบุคคลที่ไม่มีภูมิลำเนาอันจะต้องนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4มาใช้บังคับ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153หรือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 4

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2185/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดเขตอำนาจศาลในคดีล้มละลาย: ภูมิลำเนาของลูกหนี้เป็นหลักเกณฑ์สำคัญ
ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 150 กำหนดให้ยื่นคำฟ้องคดีล้มละลายต่อศาลซึ่งลูกหนี้มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตส่วนลูกหนี้จะมีภูมิลำเนาอยู่ ณ ที่ใด ต้องถือตามถิ่นอันบุคคลนั้นมีสถานที่อยู่เป็นแหล่งสำคัญ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 44 ส่วนการเปลี่ยนภูมิลำเนาจะทำได้ด้วยการย้ายถิ่นที่อยู่พร้อมด้วยเจตนาปรากฏว่าจงใจจะเปลี่ยนภูมิลำเนาตาม มาตรา 48เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าเดิมจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพมหานครจำเลยย้ายภูมิลำเนาไปอยู่จังหวัดลำพูนแล้วย้ายต่อไปอยู่จังหวัดเชียงใหม่ แสดงว่าจำเลยมีถิ่นอันเป็นสถานที่อยู่เป็นแหล่งสำคัญที่จังหวัดเชียงใหม่ ถือได้ว่าจังหวัดเชียงใหม่เป็นภูมิลำเนาของจำเลย ส่วนที่อำเภอเมืองเชียงใหม่ได้จำหน่ายชื่อจำเลยออกจากทะเบียนบ้านเดิม แล้วลงชื่อไว้ในทะเบียนคนบ้านกลางก็เนื่องจากไม่มีตัวอยู่ในบ้านและไม่ทราบที่อยู่ใหม่ ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ย้ายที่อยู่พร้อมด้วยเจตนาจะเปลี่ยนภูมิลำเนาแต่อย่างใด จึงไม่อาจถือได้ว่าจำเลยได้เปลี่ยนภูมิลำเนาไปจากจังหวัดเชียงใหม่แล้วแม้ตามระเบียบสำนักงานกลางทะเบียนราษฎร กรมการปกครองว่าด้วยการจัดทำทะเบียนราษฎรสำหรับสำนักทะเบียนในเขตปฏิบัติการตามโครงการจัดทำเลขประจำตัวประชาชน พ.ศ. 2528 ข้อ 52 และ 53จะถือว่าทะเบียนคนบ้านกลางไม่ใช่ทะเบียนบ้าน และบุคคลซึ่งมีรายการปรากฏอยู่ในทะเบียนคนบ้านกลาง ไม่อาจจะขอคัดหรือรับรองสำเนารายการเพื่อนำไปใช้อ้างอิงหรือใช้สิทธิในกรณีต่าง ๆ ได้ก็ตามก็เป็นเรื่องเพื่อประโยชน์ในการจัดทำทะเบียนราษฎรตามโครงการจัดทำเลขประจำตัวประชาชนเท่านั้น จะถือว่าจำเลยมิได้มีภูมิลำเนาตามกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวกับการยื่นฟ้องคดีอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่หาได้ไม่ ดังนั้น เมื่อจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ในขณะยื่นฟ้อง จึงต้องด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 150 ที่จะต้องไปยื่นฟ้องจำเลยที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ แต่โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้ที่ศาลจังหวัดแพร่ ซึ่งมิใช่ศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจ แม้จะเป็นศาลที่มูลคดีเกิดก็ตาม ศาลจังหวัดแพร่ก็ไม่อาจรับคดีของโจทก์ไว้พิจารณาได้ กรณีดังกล่าวจึงมิใช่เป็นเรื่องจำเลยเป็นบุคคลที่ไม่มีภูมิลำเนาอันจะต้องนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาใช้บังคับ ตามพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153 หรือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 4 ดังที่โจทก์ฎีกาแต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4338/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอแก้คำร้องอุทธรณ์หลังพ้นกำหนด และเขตอำนาจศาลตาม พ.ร.บ.ล้มละลายฯ กรณีประกอบธุรกิจ
คำร้องขอแก้อุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ซึ่งแม้จะไม่แก้ ศาลอุทธรณ์ก็สามารถอ่านเข้าใจและรู้ว่าถ้อยคำที่ขอแก้นั้นที่ถูกต้องเป็นอย่างไร ฉะนั้น จึงเป็นกรณีที่จำเลยที่ 1 จะขอแก้หรือไม่ก็ได้การที่จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอแก้อุทธรณ์เมื่อพ้นกำหนดเวลายื่นอุทธรณ์แล้ว และศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่อนุญาต จึงชอบด้วยเหตุผลแล้ว แม้จำเลยที่ 1 จะมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดชัยนาท แต่จำเลยที่ 1 ก็ได้ประกอบธุรกิจด้วยตนเองในรูปบริษัทจำกัดอยู่ในท้องที่เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ซึ่งอยู่ในเขตอำนาจของศาลแพ่งธนบุรีโจทก์จึงยื่นฟ้องจำเลยที่1ต่อศาลแพ่งธนบุรีซึ่งเป็นศาลที่จำเลยที่ 1 ประกอบธุรกิจอยู่ในเขตในขณะยื่นฟ้องได้ ตาม พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 150.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4338/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจศาลล้มละลาย: พิจารณาจากภูมิลำเนาและสถานที่ประกอบธุรกิจ
จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดชัยนาท แต่ได้ประกอบธุรกิจด้วยตนเองในรูปบริษัทจำกัด อยู่ในท้องที่เขตบางกอกน้อยกรุงเทพมหานคร จนถึงวันที่โจทก์ฟ้องจำเลยก็ยังคงดำเนินธุรกิจดังกล่าวอยู่ ดังนี้ เมื่อที่ตั้งบริษัทที่จำเลยประกอบธุรกิจอยู่นั้น อยู่ในเขตอำนาจของศาลแพ่งธนบุรี โจทก์จึงฟ้องจำเลยต่อศาลแพ่งธนบุรีได้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 150.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2221/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจศาลฟ้องล้มละลาย: จำเลยมีสิทธิไต่สวนเมื่ออ้างภูมิลำเนาต่างจากที่ฟ้อง
หากโจทก์ยื่นคำฟ้องขอให้ล้มละลายต่อศาลซึ่งลูกหนี้มิได้มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตการยื่นคำฟ้องของโจทก์ และการรับฟ้องไว้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปของศาล ย่อมขัดต่อบทบัญญัติของกฎหมาย พระราชบัญญัติล้มละลาย เป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนมีผลในทางตัดสิทธิเสรีภาพของจำเลย ควรให้โอกาสจำเลยต่อสู้คดีได้เต็มที่เมื่อจำเลยกล่าวอ้างสำเนาทะเบียนบ้านเป็นหลักฐานสนับสนุนขอให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้อง ที่ศาลล่างสั่งยกคำร้อง โดยไม่ฟังข้อเท็จจริงตามข้อกล่าวอ้างของจำเลยก่อน ย่อมไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 291/2485

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสันนิษฐานหนี้สินล้นพ้นตัว และการสืบพยานนอกประเด็นในคดีล้มละลาย
จำเลยไม่ใช้หนี้โจทก์และเจ้าหนี้อื่น กับไม่ปรากฏว่าจำเลยมีทรัพย์สมบัติเท่าไรแน่ดังนี้ สันนิษฐานว่ามีหนี้สินล้นพ้นตัวได้
ในคดีล้มละลายโจทก์ฟ้องว่าจำเลยตั้งบ้านเรือนอยู่จังหวัดพระนครเมื่อจำเลยต่อสู้ว่ามีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดอื่น โจทก์สืบว่า พักอยู่ในจังหวัดพระนครและประกอบธุรกิจในจังหวัดพระนครได้ ไม่เป็นการสืบนอกประเด็น
of 2