พบผลลัพธ์ทั้งหมด 614 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1397-1398/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ – การฟ้องเคลือบคลุม – การแต่งตั้งตำแหน่งโดยไม่มีประโยชน์ตอบแทน
บุคคลที่นายอำเภอท้องที่แต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าชลประทานตามพระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์ ย่อมเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย
จำเลยเป็นผู้แทนราษฎร กฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพ.ศ.2492 มาตรา 80 ห้ามมิให้รับตำแหน่งหรือหน้าที่ใดๆจากรัฐโดยมีประโยชน์ตอบแทน จำเลยได้รับแต่งตั้งจากนายอำเภอให้เป็นหัวหน้าการชลประทานราษฎร์ แต่ไม่ปรากฏว่าเป็นตำแหน่งที่ได้รับประโยชน์ตอบแทน เช่นนี้จึงไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ถือว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานโดยชอบด้วยกฎหมาย
การที่โจทก์บรรยายในฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน 2493 ถึงวันที่ 17 ตุลาคม 2493 จำเลยเบิกเงินคลังไป3 งวด 100,000 บาท ครั้นระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน 2493. ถึง 2 ธันวาคม 2493 เวลากลางวันและกลางคืนจำเลยบังอาจสมคบกันกระทำหลักฐานเท็จและปลอมหนังสือหลายครั้ง โดยทำใบสำคัญจ่ายเงินค่าซ่อมฝายปลอมหลายฉบับ เป็นเงิน 65,744 บาท แสดงต่อกรมชลประทาน ซึ่งความจริงจำเลยหาได้จ่ายเงินไปตามใบสำคัญเหล่านั้นไม่ จำเลยกลับบังอาจมีเจตนาทุจริตคิดยักยอกเงิน 65,744 บาท และต่อไปก็บรรยายถึง วันเดือนปีใบสำคัญที่จำเลยทำทุจริตทุกฉบับเป็นข้อๆ เช่นนี้ไม่เป็นการเคลือบคลุม
อนึ่ง การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าระหว่างวัน....ถึงวัน..... จำเลยได้บังอาจยักยอกสิ่งของ แต่วันต้นของฟ้องเป็นวันที่จำเลยยังไม่ได้รับมอบสิ่งของที่ถูกหายักยอก เพราะความพลั้งเผลอ แต่โจทก์มีพยานสืบว่าจำเลยได้รับของในระหว่างวันในฟ้องนั้น และจำเลยยักยอกไประหว่างนั้น เช่นนี้ยังไม่เป็นการฟ้องเคลือบคลุม
จำเลยเป็นผู้แทนราษฎร กฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพ.ศ.2492 มาตรา 80 ห้ามมิให้รับตำแหน่งหรือหน้าที่ใดๆจากรัฐโดยมีประโยชน์ตอบแทน จำเลยได้รับแต่งตั้งจากนายอำเภอให้เป็นหัวหน้าการชลประทานราษฎร์ แต่ไม่ปรากฏว่าเป็นตำแหน่งที่ได้รับประโยชน์ตอบแทน เช่นนี้จึงไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ถือว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานโดยชอบด้วยกฎหมาย
การที่โจทก์บรรยายในฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน 2493 ถึงวันที่ 17 ตุลาคม 2493 จำเลยเบิกเงินคลังไป3 งวด 100,000 บาท ครั้นระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน 2493. ถึง 2 ธันวาคม 2493 เวลากลางวันและกลางคืนจำเลยบังอาจสมคบกันกระทำหลักฐานเท็จและปลอมหนังสือหลายครั้ง โดยทำใบสำคัญจ่ายเงินค่าซ่อมฝายปลอมหลายฉบับ เป็นเงิน 65,744 บาท แสดงต่อกรมชลประทาน ซึ่งความจริงจำเลยหาได้จ่ายเงินไปตามใบสำคัญเหล่านั้นไม่ จำเลยกลับบังอาจมีเจตนาทุจริตคิดยักยอกเงิน 65,744 บาท และต่อไปก็บรรยายถึง วันเดือนปีใบสำคัญที่จำเลยทำทุจริตทุกฉบับเป็นข้อๆ เช่นนี้ไม่เป็นการเคลือบคลุม
อนึ่ง การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าระหว่างวัน....ถึงวัน..... จำเลยได้บังอาจยักยอกสิ่งของ แต่วันต้นของฟ้องเป็นวันที่จำเลยยังไม่ได้รับมอบสิ่งของที่ถูกหายักยอก เพราะความพลั้งเผลอ แต่โจทก์มีพยานสืบว่าจำเลยได้รับของในระหว่างวันในฟ้องนั้น และจำเลยยักยอกไประหว่างนั้น เช่นนี้ยังไม่เป็นการฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1388/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในทรัพย์สินระหว่างสามีภรรยาและการบังคับคดี: สินบริคณห์ผูกพันหนี้โดยชอบธรรม
ผู้ร้องเป็นภรรยาจำเลยซึ่งถูกยึดทรัพย์จะมายื่นคำร้องขอให้งดขายทอดตลาดทรัพย์จำเลยที่ถูกยึด โดยอ้างว่าตนกำลังฟ้องขอแบ่งทรัพย์จากจำเลย โดยไม่ปรากฏว่ามีการหย่าขาดจากกัน หรือไม่ปรากฏในคำร้องว่า ผู้ร้องกับสามีมีสัญญาตกลงให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการสินบริคณฑ์อย่างใด ไม่ได้ เพราะอย่างไรๆ หนี้ของจำเลยก็ผูกพันมาถึงสินบริคณฑ์ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1386/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: คดีใหม่เรียกค่าเสียหายจากสัญญาเดิมที่ไม่สามารถบังคับได้ ศาลวินิจฉัยว่าไม่เป็นการฟ้องซ้ำ
โจทก์ฟ้องจำเลยกับผู้รับโอนที่ดินจากจำเลย ขอให้เพิกถอนการโอน เพราะโจทก์มีสัญญาจะซื้อขายที่ดินไว้กับจำเลยก่อนแล้ว ศาลพิพากษายกฟ้องเพราะสิทธิของโจทก์เป็นบุคคลสิทธิ ไม่มีทรัพยสิทธิที่จะติดตามเอาที่ดินคืนจากบุคคลภายนอก โจทก์จึงมาฟ้องจำเลยเรียกค่าเสียหายไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1282/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าเกิน 3 ปี ไม่ทำหนังสือ/จดทะเบียน สิทธิบังคับคดีมีจำกัด
เช่าอสังหาริมทรัพย์เกิน 3 ปี โดยมิได้ทำหนังสือและจดทะเบียนนั้น แม้ไม่ได้ฟ้องร้องเป็นแต่เพียงจำเลยอ้างเพื่อขอบังคับเกิน 3 ปีก็ไม่ได้เหมือนกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1282/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์เกิน 3 ปี ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียน มิฉะนั้นบังคับคดีได้แค่ 3 ปี
เช่าอสังหาริมทรัพย์เกิน 3 ปี โดยมิได้ทำหนังสือและจดทะเบียนนั้น แม้ไม่ได้ฟ้องร้องเป็นแต่เพียงจำเลยอ้างเพื่อขอบังคับเกิน 3 ปีก็ไม่ได้เหมือนกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1268/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งให้พ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาจังหวัดเมื่อคดีความถึงที่สุด แม้มีการนิรโทษกรรมภายหลัง ก็ไม่ทำให้คำสั่งเดิมเป็นโมฆะ
โจทก์ถูกศาลชั้นต้นพิพากษาว่ามีความผิดฐานให้ทรัพย์สินแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ปรับ 200 บาท กับให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 8 ปี คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ จำเลยซึ่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด ได้มีคำสั่งให้โจทก์ออกจากตำแหน่งสมาชิกสภาจังหวัด ต่อมาคดีที่โจทก์ถูกฟ้องนั้นถึงที่สุดโดยศาลอุทธรณ์พิพากษายืน เช่นนี้ ต้องถือว่า คำสั่งจำเลยดังกล่าวเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย
พ.ร.บ.ลบล้างมลทินโทษ พ.ศ.2500 ไม่มีผลทำให้คำสั่งของจำเลยที่สั่งไว้ก่อนแล้วเช่นนั้นเป็นคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมายไปด้วย
พ.ร.บ.ลบล้างมลทินโทษ พ.ศ.2500 ไม่มีผลทำให้คำสั่งของจำเลยที่สั่งไว้ก่อนแล้วเช่นนั้นเป็นคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมายไปด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1268/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งเพิกถอนสมาชิกสภาจังหวัดชอบด้วยกฎหมายเมื่อคดีอาญาถึงที่สุด แม้มีการอ้างนิรโทษกรรม
โจทก์ถูกศาลชั้นต้นพิพากษาว่ามีความผิดฐานให้ทรัพย์สินแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ปรับ 200 บาทกับให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 8 ปี คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ จำเลยซึ่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด ได้มีคำสั่งให้โจทก์ออกจากตำแหน่งสมาชิกสภาจังหวัด ต่อมาคดีที่โจทก์ถูกฟ้องนั้นถึงที่สุดโดยศาลอุทธรณ์พิพากษายืน เช่นนี้ ต้องถือว่าคำสั่งจำเลยดังกล่าวเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย
พระราชบัญญัติลบล้างมลทินโทษ พ.ศ.2500 ไม่มีผลทำให้คำสั่งของจำเลยที่สั่งไว้ก่อนแล้วเช่นนั้นเป็นคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมายไปด้วย
พระราชบัญญัติลบล้างมลทินโทษ พ.ศ.2500 ไม่มีผลทำให้คำสั่งของจำเลยที่สั่งไว้ก่อนแล้วเช่นนั้นเป็นคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมายไปด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1266/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องอาญาฐานสมคบกันทำผิด และการลงโทษเฉพาะผู้ลงมือ กระบวนการพิจารณาคดีอาญา
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยแต่ละคนได้บังอาจใช้มีดแทงเขาตายโดยเจนาจะฆ่า เมื่อนำสืบได้ว่าใครแทง ศาลก็ลงโทษเฉพาะผู้นั้น ส่วนที่โจทก์สืบได้เพียงว่าไปอยู่ในที่วิวาทช่วยกลุ้มรุม แต่ไม่มีมีด ไม่มีพยานเห็นแทงจึงลงโทษไม่ได้ เพราะโจทก์ไม่ได้ฟ้องว่าสมคบกัน เพียงแต่อ้างกฎหมายลักษณะอาญา ม.63 ฐานสมคบมาอย่างเดียวไม่พอ ลงโทษไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1266/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องอาญาฐานสมคบกันทำผิด ต้องมีการบรรยายฟ้องระบุการสมคบ หากไม่มีการบรรยายฟ้อง ศาลลงโทษฐานสมคบไม่ได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยแต่ละคนได้บังอาจใช้มีดแทงเขาตายโดยเจตนาจะฆ่า เมื่อนำสืบได้ว่าใครแทง ศาลก็ลงโทษเฉพาะผู้นั้น ส่วนที่โจทก์สืบได้เพียงว่าไปอยู่ในที่ วิวาทช่วยกลุ้มรุม แต่ไม่มีมีด ไม่มีพยานเห็นแทงจึงลงโทษไม่ได้ เพราะโจทก์ไม่ได้ฟ้องว่าสมคบกัน เพียงแต่อ้างกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 63 ฐานสมคบอย่างเดียวไม่พอ ลงโทษไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1261/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ: การใช้กำลังเพื่อตอบโต้การประจันหน้าด้วยอาวุธ
ผู้ตายเป็นผู้ก่อเหตุระรานจำเลย โดยแสดงวาจาท้าทายจะทำร้าย พร้อมทั้งมีมีดดาบขยับอยู่ในมือรุกประชิดจำเลยเข้าไปทุกทีจำเลยก็ได้แต่ถอยหลังไปทางเรือนเมื่อเป็นการจวนตัวใกล้อันตรายจากผู้ตายเต็มทีเช่นนี้ จำเลยจึงใช้มีดขอฟันผู้ตายไปเพียงทีเดียว ผู้ตายถึงตาย เป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ