พบผลลัพธ์ทั้งหมด 614 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 700/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้คดีอาญาเรื่องทำร้ายร่างกาย: การคัดค้านข้อเท็จจริงเกินขอบเขตการฎีกา
การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยฟังว่าจำเลยทำร้ายผู้เสียหายโดยทางป้องกันพอสมควรแก่เหตุเช่นนี้ โจทก์จะฎีกาว่าเป็นการกระทำเกินสมควรแก่เหตุก็เป็นการคัดค้านในข้อเท็จจริงต้องห้าม (อ้างฎีกาที่ 931/2494)
เมื่อศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยใช้ขวดทำร้ายผู้เสียหาย และศาลอุทธรณ์อาศัยหลักฐานในสำนวนวินิจฉัยต่อไป แต่ไม่ฟังว่าบาดแผลที่หน้าแข้งของผู้เสียหายเกิดจากการกระทำของจำเลย ดังนี้หาใช่เป็นการฟังข้อเท็จจริงนอกเหนือตรงกันข้ามกับหลักฐานไม่แต่เป็นข้อเท็จจริง โจทก์จะฎีกาหาได้ไม่.
เมื่อศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยใช้ขวดทำร้ายผู้เสียหาย และศาลอุทธรณ์อาศัยหลักฐานในสำนวนวินิจฉัยต่อไป แต่ไม่ฟังว่าบาดแผลที่หน้าแข้งของผู้เสียหายเกิดจากการกระทำของจำเลย ดังนี้หาใช่เป็นการฟังข้อเท็จจริงนอกเหนือตรงกันข้ามกับหลักฐานไม่แต่เป็นข้อเท็จจริง โจทก์จะฎีกาหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 700/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้คดีอาญาเรื่องทำร้ายร่างกาย ศาลฎีกาไม่รับฎีกาเมื่อเป็นการโต้แย้งข้อเท็จจริง
การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยฟังว่าจำเลยทำร้ายผู้เสียหายโดยทางป้องกันพอสมควรแก่เหตุเช่นนี้โจทก์จะฎีกาว่าเป็นการกระทำเกินสมควรแก่เหตุก็เป็นการคัดค้านในข้อเท็จจริงต้องห้าม (อ้างฎีกาที่ 931/2494)
เมื่อศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยใช้ขวดทำร้ายผู้เสียหาย และศาลอุทธรณ์อาศัยหลักฐานในสำนวนวินิจฉัยต่อไปแต่ไม่ฟังว่าบาดแผลที่หน้าแข้งของผู้เสียหายเกิดจากการกระทำของจำเลยดังนี้หาใช่เป็นการฟังข้อเท็จจริงนอกเหนือตรงกันข้ามกับหลักฐานไม่แต่เป็นข้อเท็จจริงโจทก์จะฎีกาหาได้ไม่
เมื่อศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยใช้ขวดทำร้ายผู้เสียหาย และศาลอุทธรณ์อาศัยหลักฐานในสำนวนวินิจฉัยต่อไปแต่ไม่ฟังว่าบาดแผลที่หน้าแข้งของผู้เสียหายเกิดจากการกระทำของจำเลยดังนี้หาใช่เป็นการฟังข้อเท็จจริงนอกเหนือตรงกันข้ามกับหลักฐานไม่แต่เป็นข้อเท็จจริงโจทก์จะฎีกาหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 685/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธอันตราย ศาลฎีกาวินิจฉัยจากบาดแผลและการกระทำ
ใช้ขวานฟันและตีเขาถูกที่ศีรษะอันเป็นที่สำคัญ มีบาดแผลลึกจดกระโหลกศีรษะถึง 2 แผลบาดเจ็บสาหัส และที่ขมับอีกหนึ่งแผลผู้ถูกทำร้ายหมดสติทันทีดังนี้ ฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาจะฆ่า ย่อมมีผิดฐานพยายามฆ่าคน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 639/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสินเดิมให้ผู้อื่นโดยความยินยอมของคู่สมรส และการใช้สินสมรสชดใช้สินเดิม
การที่สามีโอนสินเดิมของตนให้ผู้อื่นด้วยความรู้เห็นยินยอมของภรรยา ภายหลังทรัพย์นั้นกลับมาเป็นของสามีอีกดังนี้แม้จะถือว่าทรัพย์นั้นเป็นสินสมรสเพราะได้โอนเด็ดขาดไปแล้วก็ต้องเอาสินสมรสมาใช้ทดแทนสินเดิมตาม ป.พ.พ. ม.1473,1513,1514
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 639/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินเดิมแปลงเป็นสินสมรส: การใช้สินสมรสทดแทนสินเดิมที่โอนด้วยความยินยอม
การที่สามีโอนสินเดิมของตนให้ผู้อื่นด้วยความรู้เห็นยินยอมของภรรยาภายหลังทรัพย์นั้นกลับมาเป็นของสามีอีกดังนี้แม้จะถือว่าทรัพย์นั้นเป็นสินสมรสเพราะได้โอนเด็ดขาดไปแล้วก็ต้องเอาสินสมรสมาใช้ทดแทนสินเดิมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1473,1513,1514
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 570/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดหลายบท vs. หลายกระทง และการเพิ่มโทษตามกฎหมายอาญา
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษตาม กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 73 แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่าจะต้องเพิ่มโทษจำเลยตาม มาตรา 72 ศาลก็เพิ่มโทษจำเลยตาม มาตรา 72 ได้ไม่เป็นการเกินคำขอ
จำเลยทำการชิงทรัพย์และได้ทำให้ทรัพย์ของเจ้าทรัพย์เสียหายด้วยเมื่อปรากฏว่าการกระทำของจำเลยเกิดขึ้นในสถานที่เดียวกันในเวลาติดต่อเนื่องกันด้วยเจตนามุ่งหวังในทรัพย์ไม่ขาดตอนกันเช่นนี้การกระทำของจำเลยถือว่าเป็นความผิดหลายบทไม่ใช่หลายกระทง
จำเลยทำการชิงทรัพย์และได้ทำให้ทรัพย์ของเจ้าทรัพย์เสียหายด้วยเมื่อปรากฏว่าการกระทำของจำเลยเกิดขึ้นในสถานที่เดียวกันในเวลาติดต่อเนื่องกันด้วยเจตนามุ่งหวังในทรัพย์ไม่ขาดตอนกันเช่นนี้การกระทำของจำเลยถือว่าเป็นความผิดหลายบทไม่ใช่หลายกระทง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 570/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษความผิดหลายบทจากการกระทำต่อเนื่องในที่เกิดเหตุเดียวกัน
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษ ก.ม.อาญา ม.73 แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่าจะต้องเพิ่มโทษจำเลยตาม ม.72 ศาลก็เพิ่มโทษจำเลยตาม ม.72 ได้ไม่เป็นการเกินคำขอ
จำเลยทำการชิงทรัพย์และได้ทำให้ทรัพย์ของเจ้าของทรัพย์เสียหายด้วย เมื่อปรากฏว่าการกระทำของจำเลยเกิดขึ้นในถานที่เดียวกันในเวลาติดต่อเนื่องกันด้วยเจตนามุ่งหวังในทรัพย์ไม่ขาดตอนกันเช่นนี้การกระทำของจำเลยถือว่าเป็นความผิดหลายบทไม่ใช่หลายกะทง.
จำเลยทำการชิงทรัพย์และได้ทำให้ทรัพย์ของเจ้าของทรัพย์เสียหายด้วย เมื่อปรากฏว่าการกระทำของจำเลยเกิดขึ้นในถานที่เดียวกันในเวลาติดต่อเนื่องกันด้วยเจตนามุ่งหวังในทรัพย์ไม่ขาดตอนกันเช่นนี้การกระทำของจำเลยถือว่าเป็นความผิดหลายบทไม่ใช่หลายกะทง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 553/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองลูกระเบิดของเจ้าพนักงาน: การกระทำนอกหน้าที่ราชการไม่ถือเป็นความผิด
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีลูกระเบิดไว้ในครอบครอง ศาลทั้ง 2 พิพากษายกฟ้องโจทก์ โจทก์ฎีกาในข้อ ก.ม.ว่าการที่จำเลยนำเอาลูกระเบิดของกลางที่เก็บมาใช้คุกคามต่อ ความปลอดภัยต่อผู้อื่น (นำมาวางบนโต๊ะ)ของเพื่อนทำข้าราชการแล้วพูดว่าใครอวดดีก็มา) แม้จะกระทำในสถานที่ราชการนั้นเองก็หาอาจจะถือได้ว่เป็นการกระทำในหน้าที่ได้ไม่
เมื่อข้อเท็จจริงเป็นอันยุติตามศาลล่างทั้งสองว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่เก็บรักษาลูกระเบิดของกลางนี้ ฎีกาของโจทก์จึงเห็นได้ว่าเป็นกรรมอีกอันหนึ่งที่ไม่เกี่ยวกับการที่ลูกระเบิดของกลางตกอยู่ในครอบครองของจำเลยโดยชอบด้วย ก.ม.ข้อเท็จจริงนี้ศาล++ฟังมาซึ่ง++ความผิดต้องยกฎีกาโจทก์ พิพากษายืน.
เมื่อข้อเท็จจริงเป็นอันยุติตามศาลล่างทั้งสองว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่เก็บรักษาลูกระเบิดของกลางนี้ ฎีกาของโจทก์จึงเห็นได้ว่าเป็นกรรมอีกอันหนึ่งที่ไม่เกี่ยวกับการที่ลูกระเบิดของกลางตกอยู่ในครอบครองของจำเลยโดยชอบด้วย ก.ม.ข้อเท็จจริงนี้ศาล++ฟังมาซึ่ง++ความผิดต้องยกฎีกาโจทก์ พิพากษายืน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 553/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองลูกระเบิดของเจ้าพนักงานและขอบเขตความผิด การกระทำนอกหน้าที่
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีลูกระเบิดไว้ในครอบครอง ศาลทั้ง 2 พิพากษายกฟ้องโจทก์ โจทก์ฎีกาในข้อกฎหมายว่าการที่จำเลยนำเอาลูกระเบิดของกลางจากที่เก็บมาใช้คุกคามต่อความปลอดภัยของผู้อื่น (นำมาวางบนโต๊ะของเพื่อนข้าราชการแล้วพูดว่าใครอวดดีก็มา) แม้จะกระทำในสถานที่ราชการนั้นเองก็หาอาจจะถือได้ว่าเป็นการกระทำในหน้าที่ได้ไม่
เมื่อข้อเท็จจริงเป็นอันยุติตามศาลล่างทั้งสองว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่เก็บรักษาลูกระเบิดของกลางนี้ฎีกาของโจทก์จึงเห็นได้ว่าเป็นกรรมอีกอันหนึ่งที่ไม่เกี่ยวกับการที่ลูกระเบิดของกลางตกอยู่ในครอบครองของจำเลยโดยชอบด้วยกฎหมายดังข้อเท็จจริงที่ศาลล่างฟังมา ซึ่งไม่เป็นความผิดต้องยกฎีกาโจทก์พิพากษายืน
เมื่อข้อเท็จจริงเป็นอันยุติตามศาลล่างทั้งสองว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่เก็บรักษาลูกระเบิดของกลางนี้ฎีกาของโจทก์จึงเห็นได้ว่าเป็นกรรมอีกอันหนึ่งที่ไม่เกี่ยวกับการที่ลูกระเบิดของกลางตกอยู่ในครอบครองของจำเลยโดยชอบด้วยกฎหมายดังข้อเท็จจริงที่ศาลล่างฟังมา ซึ่งไม่เป็นความผิดต้องยกฎีกาโจทก์พิพากษายืน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 523/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะ 'เจ้าพนักงาน' ของพนักงานรายวัน: การแต่งตั้งเป็นกรรมการตรวจรับงานไม่ทำให้เป็นเจ้าพนักงานตามความหมายกฎหมายอาญา
ได้ความตามทางพิจารณาว่าจำเลยทั้ง 3 เป็นพนักงานรายวันของกรมทางหลวงแผ่นดิน กระทรวงคมนาคม ได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการตรวจรับหินซึ่งผู้รับเหมานำส่งแล้วรายงานจำนวนหินไม่ตรงกับความจริงเช่นนี้ไม่ถือว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานตามความหมายแห่ง กฎหมายลักษณะอาญา จำเลยจึงไม่มีความผิดตามม.230ที่โจทก์ฟ้อง
โดยปกติจะถือว่าผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานผู้นั้นต้องเป็นข้าราชการตามกฎหมายเว้นแต่จะมีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นพิเศษให้เป็นเจ้าพนักงานดังเช่นพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496มาตรา 44 บัญญัติว่าให้พนักงานเทศบาลมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานตามความหมายแห่ง กฎหมายลักษณะอาญาเป็นต้นและใน พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2495 มาตรา17 ซึ่งบัญญัติถึงข้าราชการพลเรือนว่ามีอยู่ 7 ประเภทก็ไม่กินความถึงจำเลยทั้งสามคนนี้เพราะจำเลยไม่ได้รับเงินเดือนหากเป็นเพียงพนักงานรายวัน
โดยปกติจะถือว่าผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานผู้นั้นต้องเป็นข้าราชการตามกฎหมายเว้นแต่จะมีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นพิเศษให้เป็นเจ้าพนักงานดังเช่นพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496มาตรา 44 บัญญัติว่าให้พนักงานเทศบาลมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานตามความหมายแห่ง กฎหมายลักษณะอาญาเป็นต้นและใน พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2495 มาตรา17 ซึ่งบัญญัติถึงข้าราชการพลเรือนว่ามีอยู่ 7 ประเภทก็ไม่กินความถึงจำเลยทั้งสามคนนี้เพราะจำเลยไม่ได้รับเงินเดือนหากเป็นเพียงพนักงานรายวัน