พบผลลัพธ์ทั้งหมด 614 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 42/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาการยื่นคำให้การในกรณีฉุกเฉินและอำนาจศาล การพิสูจน์การครอบครองที่ดิน
เมื่อกรณีมีเหตุสุดวิสัยและฉุกเฉินจำเลยไม่อาจจะไปยื่นคำให้การต่อศาลที่รับประทับฟ้องไว้ทันตามกำหนดและจำเลยได้ยื่นคำร้องขอต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่เพื่อขออนุญาตขยายกำหนดเวลายื่นคำให้การ ศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่นั้นมีอำนาจที่จะสั่งอนุญาตให้ขยายกำหนดเวลายื่นคำให้การได้
โจทก์ฟ้องอ้างการครอบครองจำเลยให้การว่า โจทก์อาศัยแต่ไม่แจ้งชัดว่าอาศัยผู้ใด ประเด็นคงมีว่าโจทก์อาศัยหรือไม่นั้นจำเลยมีหน้าที่สืบก่อนคำให้การจำเลยจึงไม่เคลือบคลุม
โจทก์ฟ้องอ้างการครอบครองจำเลยให้การว่า โจทก์อาศัยแต่ไม่แจ้งชัดว่าอาศัยผู้ใด ประเด็นคงมีว่าโจทก์อาศัยหรือไม่นั้นจำเลยมีหน้าที่สืบก่อนคำให้การจำเลยจึงไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 34/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมคบกันทำร้ายร่างกาย: พฤติการณ์ร่วมแสดงเจตนา แม้ไม่ได้ลงมือโดยตรงก็มีความผิด
จำเลยทั้งสามไปด้วยกัน จำเลยที่ 1 แทง ภ. บาดเจ็บสาหัสแล้วหนีไปทางจำเลยที่ 2,3 จำเลยที่ 2,3 สกัด ภ. ไว้โดยจำเลยที่ 3 ชักมีดออกมา ภ.ปัดมีดตกจำเลยที่2,3ชกต่อยภ. จำเลยทั้งสามมีความผิดฐานสมคบกันทำร้ายร่างกาย ภ. บาดเจ็บสาหัส
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 30/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุมทำให้จำเลยเสียเปรียบ: การบรรยายฟ้องที่ขัดแย้งกันในข้อหาลักทรัพย์และรับของโจร
ในคดีความผิดฐานลักทรัพย์และรับของโจรนั้นเมื่อโจทก์ฟ้องกล่าวขัดแย้งกันในตัวโดยบรรยายฟ้องข้อ 1 ยืนยันว่าจำเลยลักทรัพย์โจทก์ แต่ในข้อ 2 กลับกล่าวแถมว่าจำเลยทำผิดฐานรับของโจรมิหนำซ้ำยังเพิ่มความในวงเล็บอันทำให้เข้าใจไปได้ว่าทรัพย์เหล่านั้นได้หายมาก่อนวันตามฟ้องข้อ 1 ดังนี้เป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่อาจทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 30/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุมทำให้จำเลยเสียเปรียบ: ลักทรัพย์ vs. รับของโจร
ในคดีความผิดฐานลักทรัพย์และรับของโจรนั้น เมื่อโจทก์ฟ้องกล่าวขัดแย้งกันในตัวโดยบรรยายฟ้องข้อ 1.ยืนยันว่าจำเลยลักทรัพย์โจทก์ แต่ในข้อ 2 กลับกล่าวแถมว่าจำเลยทำผิดฐานรับของโจรมิหนำซ้ำยังเพิ่มความในวงเล็บอันทำให้เข้าใจไปได้ว่าทรัพย์เหล่านั้นได้หายมาก่อนวันตามฟ้องข้อ 1 ดีงนี้เป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่อาจทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 29/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย: การป้องกันตัวและดุลพินิจลดโทษ
ถ้าโดยเหตุผลทั่วๆ ไปในท้องสำนวน ศาลเห็นว่าจำเลยควรได้รับความปราณีศาลจะใช้ดุลพินิจลดโทษให้จำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 59 ก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 29/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย: การป้องกันตัวและการลดโทษ
ถ้าโดยเหตุผลทั่วๆ ไปในท้องสำนวน ศาลเห็นว่าจำเลยควรได้รับความปราณีศาลจะใช้ดุลยพินิจลดโทษให้จำเลยตามกฏหมายลักษณะอาญามาตรา 59 ก็ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2087/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่านาสิ้นสุดก่อนใช้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่านา สิทธิการฟ้องคดีละเมิดยังคงมี
ผู้เช่านาได้ยอมให้เจ้าของนาเอานาให้ผู้อื่นเช่าแล้วทางราชการจึงได้ประกาศใช้ พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านาในท้องที่นั้น ผู้เช่าเดิมจะอ้างสิทธิขอต่ออายุสัญญาเช่าตาม พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านาไม่ได้ เพราะขณะประกาศใช้ พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านานั้น การเช่าระหว่างผู้เช่าเดิมกับเจ้าของนาไม่มีเสียแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2087/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าสิ้นสุดก่อนบังคับใช้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่านา สิทธิการฟ้องละเมิดยังคงมี
ผู้เช่านาได้ยอมให้เจ้าของนาเอานาให้ผู้อื่นเช่าแล้วทางราชการจึงได้ประกาศใช้ พระราชบัญญัติควบคุมการเช่านาในท้องที่นั้น ผู้เช่าเดิมจะอ้างสิทธิขอต่ออายุสัญญาเช่าตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านาไม่ได้ เพราะขณะประกาศใช้พระราชบัญญัติควบคุมการเช่านานั้น การเช่าระหว่างผู้เช่าเดิมกับเจ้าของนาไม่มีเสียแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2078/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเสียหายจากการเช่าค้างและละเมิดสิทธิของผู้ให้เช่า ศาลพิจารณาจากสัญญาและเหตุผลประกอบ
ค่าเสียหายที่ผู้ให้เช่าฟ้องเรียกจากผู้เช่าเนื่องจากผู้เช่าละเมิดไม่ยอมออกเมื่อครบกำหนดเช่าสำหรับค่าเสียหายนั้นเมื่อผู้ให้เช่าสืบว่าถ้าผู้ให้เช่าได้ฉายภาพยนต์ในตึกพิพาทแล้ว กะว่าจะได้ประโยชน์วันละ 2,000 บาท เมื่อปรากฎว่าตึกพิพาทเป็นโรงงิ้วจะต้องทำการดัดแปลงสถานที่และร้องขออนุญาตต่อเจ้าหน้าที่ แต่จำเลยก็ยังมิได้ขออนุญาตนั้นเป็นค่าเสียหายที่ห่างไกลกว่าเหตุจึงให้ยกเสีย
แต่การที่ผู้เช่าไม่ยอมออกตามกำหนดนั้นได้ชื่อว่าละเมิดสิทธิของผู้ให้เช่า และผู้ให้เช่าก็ได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายในเรื่องนี้ไว้แล้ว (ฟ้องเรียกค่าเสียหายหมื่นบาทกับค่าเสียหายอีกวันละ 2,000 บาท) ศาลก็มีอำนาจกำหนดให้ตามที่เห็นสมควร
แต่การที่ผู้เช่าไม่ยอมออกตามกำหนดนั้นได้ชื่อว่าละเมิดสิทธิของผู้ให้เช่า และผู้ให้เช่าก็ได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายในเรื่องนี้ไว้แล้ว (ฟ้องเรียกค่าเสียหายหมื่นบาทกับค่าเสียหายอีกวันละ 2,000 บาท) ศาลก็มีอำนาจกำหนดให้ตามที่เห็นสมควร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2078/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเสียหายจากการเช่าช่วงเกินกำหนด ศาลพิจารณาจากค่าเช่าจริง ไม่ใช่ประโยชน์ที่คาดหวัง
ค่าเสียหายที่ผู้ให้เช่าฟ้องเรียกจากผู้เช่าเนื่องจากผู้เช่าละเมิดไม่ยอมออกเมื่อครบกำหนดเช่า สำหรับค่าเสียหายนั้นเมื่อผู้ให้เช่าสืบว่าถ้าผู้ให้เช่าได้ฉายภาพยนต์ในตึกพิพาทแล้ว กะว่าจะได้ประโยชน์วันละ 2,000 บาท เมื่อปรากฏว่าตึกพิพาทเป็นโรงงิ้วจะต้องทำการดัดแปลงสถานที่และร้องขออนุญาตต่อเจ้าหน้าที่ แต่จำเลยก็ยังมิได้ขออนุญาตนั้นเป็นค่าเสียหายที่ห่างไกลกว่าเหตุจึงให้ยกเสีย
แต่การที่ผู้เช่าไม่ยอมออกตามกำหนดนั้นได้ชื่อว่าละเมิดสิทธิของผู้ให้เช่า และผู้ให้เช่าก็ได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายในเรื่องนี้ไว้แล้ว(ฟ้องเรียกค่าเสียหายหมื่นบาทกับค่าเสียหายอีกวันละ 2,000 บาท)ศาลก็มีอำนาจกำหนดให้ตามที่เห็นสมควร
แต่การที่ผู้เช่าไม่ยอมออกตามกำหนดนั้นได้ชื่อว่าละเมิดสิทธิของผู้ให้เช่า และผู้ให้เช่าก็ได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายในเรื่องนี้ไว้แล้ว(ฟ้องเรียกค่าเสียหายหมื่นบาทกับค่าเสียหายอีกวันละ 2,000 บาท)ศาลก็มีอำนาจกำหนดให้ตามที่เห็นสมควร