คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 249.

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 16 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1398/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงและการออกเช็คเด้งเป็นความผิดต่างกรรมกัน โจทก์ฎีกาฟังขึ้น ศาลนับโทษเฉพาะคดีที่มีคำพิพากษาแล้ว
จำเลยหลอกลวงและได้ไปซึ่งทรัพย์ตามที่หลอกลวงจากผู้เสียหายอันเป็นความผิดสำเร็จฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 แล้ว ในวันต่อมาจึงได้ออกเช็คมอบให้ผู้เสียหายเพื่อเป็นการชำระหนี้โดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คซึ่งถือได้ว่าเป็นการกระทำต่างหากจากการกระทำอันเป็นความผิดฐานฉ้อโกงในตอนต้น เมื่อธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินจำเลยจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2497 มาตรา 3 อีกกรรมหนึ่ง
ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์บรรยายฟ้องกำกวมก็ดี จำเลยไม่มีความผิดฐานฉ้อโกงก็ดี เมื่อฎีกาของจำเลยไม่มีสาระว่าฟ้องโจทก์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5)อย่างไร ทั้งจำเลยก็รับสารภาพตามฟ้อง ศาลฎีกาจึงไม่วินิจฉัยให้
โจทก์ขอให้นับโทษต่อจากคดีอื่นของศาลชั้นต้นหลายคดี แต่ปรากฏจากคำร้องของโจทก์ว่าศาลพิพากษาลงโทษจำเลยแล้วเพียงคดีเดียว จึงนับโทษต่อได้เฉพาะคดีดังกล่าวเท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2190/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสัมพันธ์จ้างแรงงาน: คนงานเหมาประจำมีสิทธิได้รับค่าชดเชยเมื่อเกษียณอายุ
โจทก์ทำงานกับจำเลยเป็นคนงานเหมาประจำได้ค่าจ้างเป็นรายเทการทำงานต้องเซ็นชื่อไปและกลับแม้ไม่มีงานให้ทำการ ลางานต้องยื่นใบลาการบังคับบัญชาขึ้นต่อหมวดพัสดุมี สิทธิได้รับค่าครองชีพเบิกค่ารักษาพยาบาลและค่าเล่าเรียนบุตร ได้ มีสิทธิทำงานไปจนเกษียณอายุคนงานประเภท เหมาชั่วคราวของจำเลยไม่มีสิทธิต่าง ๆ ดังกล่าว การจ่ายค่าแรงของคนงานเหมาประจำหากได้ค่าแรงน้อยกว่าเดือนละ 530 บาท ก็จะได้รับ 530 บาท แสดงว่าจำเลยมิได้คำนึงถึงผลสำเร็จ แห่งงานที่โจทก์ทำให้จำเลยแม้การจ่ายค่าแรงจำเลยจะคิด ให้แก่ผู้ทำหน้าที่บรรจุสุราจากจำนวนเทของสุราที่บรรจุขวดและผู้ทำหน้าที่ล้างขวดสุราจำเลยจ่ายค่าแรงให้เท่ากับ ผู้ทำหน้าที่บรรจุสุรา การคิดค่าแรงตามจำนวนเทจึงเป็นเพียงวิธีการคำนวณค่าจ้างเท่านั้นไม่ใช่การคิดค่าแรงงานตาม ผลงานที่คนงานประจำทำได้ในแต่ละวันความสัมพันธ์ระหว่าง โจทก์กับจำเลยจึงเป็นการจ้างแรงงาน
เมื่อโจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลย ปัญหาว่าการที่โจทก์จะมีสิทธิรับบำเหน็จหรือไม่จ่ายเงินเข้าสมทบกองทุนบำเหน็จหรือไม่ ก็ไม่ทำให้สภาพการเป็นลูกจ้างของโจทก์เปลี่ยน ไปเป็นไม่ใช่ลูกจ้างปัญหาที่จำเลยอุทธรณ์ดังกล่าวจึงมิได้คัดค้านคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง จึงไม่เป็นสาระแก่การ วินิจฉัย
ข้อที่จำเลยอุทธรณ์ว่าการพ้นจากตำแหน่งเพราะเกษียณอายุไม่ใช่การเลิกจ้างนั้นเป็นข้อที่จำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การทั้งมิใช่ข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์เป็นลูกจ้างประจำที่ได้รับค่าจ้างตามผลงาน การคำนวณค่าชดเชยของโจทก์จึงต้องคิดจากค่าจ้างของการทำงานที่ โจทก์ได้รับจริงในหนึ่งร้อยแปดสิบวันสุดท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 49/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขาย: เหตุสุดวิสัยและการหาแหล่งนุ่นทดแทน
ปัญหาที่ว่าสัญญารายพิพาทเป็นนิติกรรมมีเงื่อนไขบังคับก่อนแล้วแต่ใจลูกหนี้ฝ่ายเดียวหรืออย่างไร นั้นไม่ใช่ปัญหาที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
การที่ไม่มีนุ่นตามตัวอย่างที่ตกลงกัน เพราะโรงงานที่จำเลยตกลงจะซื้อนุ่นเพื่อขายให้โจทก์ต้องเลิกล้มไปเช่นนี้ ไม่ถือเป็นเหตุสุดวิสัย อันจะทำให้จำเลยพ้นจากความรับผิด เพราะปรากฎว่าขณะทำสัญญาซื้อขายนุ่นกันนี้ มีโรงงานทำนุ่นหลายแห่งที่จำเลยสามารถหาซื้อนุ่นได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1309/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีโรงค้าใหม่ต้องเป็นไปตามประมวลรัษฎากรมาตรา 19, 20 หากไม่มีเหตุอันควรเชื่อว่ารายการที่ยื่นไม่ถูกต้อง การประเมินใหม่จึงเป็นการกระทำที่มิชอบ
ภาษีโรงค้านั้นเมื่อทางอำเภอได้ประเมินและผู้เสียภาษีได้ชำระไปแล้ว เจ้าพนักงานจะประเมินใหม่ได้ ก็แต่กรณีที่บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากรมาตรา 19 และ 20 กล่าวคือ เมื่อเจ้าพนักงานประเมินมีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้ใดแสดงรายการตามแบบที่ยื่นไม่ถูกต้องตามความจริง หรือไม่บริบูรณ์ เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจออกหมายเรียกตัวผู้อื่นรายการนั้นมาไต่สวนและเมื่อได้จัดการเช่นว่านี้ และทราบข้อความแล้ว ก็มีอำนาจที่จะแก้จำนวนเงินที่ประเมินหรือที่ยื่นรายการไว้เดิมโดยอาศัยพยานหลักฐานที่ปรากฎได้ เจ้าพนักงานประเมินาจะประเมินค่าภาษีโรงค้าใหม่โดยไม่ปฏิบัติตามมาตรา 19, 20 ประมวลรัษฎากร ย่อมเป็นการมิชอบด้วยกฎหมาย
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยประเมินค่าภาษีโรงค้าจากโจทก์ เป็นการสมควรแล้ว จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์ที่ฟ้องเรียกเงินค่าภาษีที่ชำระแล้ว คืนบางส่วน โจทก์อุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยประเมินภาษีมากเกินไป แต่ที่จำเลยเสียภาษีตามที่ประเมินไว้ครั้งแรกก็น้อยเกินไป จึงพิพากษาแก้ลดจำนวนเงินลงมาจากที่จำเลยประเมินไว้ จำเลยฎีกาในข้อเท็จจริงโดยมีผู้พิพากษาศาลชั้นต้นรับรองให้ฎีกาข้อเท็จจริงได้ดังนี้ ศาลฎีกาก็มีอำนาจที่จะยกข้อกฎหมายขึ้นวินิจฉัยว่า การที่จำเลยประเมินค่าภาษีใหม่นั้น เป็นการผิดกฎหมายประมวลรัษฎากร จึงไม่มีอำนาจประเมินใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 756/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอไถ่คืนทรัพย์หลังขายทอดตลาด: ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยประเด็นใหม่ที่ยกขึ้นในชั้นฎีกา
จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า เจ้าพนักงานศาลขายทอดตลาดฝนกำลังตกหนัก จำเลยมาสายไป 20 นาที จะขอชำระเงินให้โจทก์ตามคำพิพากษา เจ้าพนักงานแจ้งว่า ขายแล้ว จึงขอให้จำเลยวางเงินชำระหนี้ โจทก์และคืนทรัพย์ที่ยึดให้จำเลย
ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์อ้างเหตุว่า ในวันขายทรัพย์ยังไม่หมดเวลาทำงาน จำเลยมีความชอบธรรมที่จะนำเงินมาชำนะหนี้ได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่า แม้ศาลขายทอดตลาดแล้ว แต่ทรัพย์ที่ขายเป็นอสังหาริมทรัพย์ ยังมิได้ทำนิติกรรมซื้อขายต่อกรมการอำเภอ จำเลยชอบที่จะขอไถ่คืนทรัพย์ที่ขายได้ ดังนี้ วินิจฉัยว่า จำเลยเพิ่งมากล่าวในชั้นฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 199/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อทรัพย์สินจากผู้ไม่มีสิทธิโอน กรรมสิทธิไม่ตกแก่ผู้ซื้อ แม้จะซื้อโดยสุจริต เจ้าของเดิมมีสิทธิเรียกคืนได้
ซื้อเรือมาดไว้จากผู้ที่ยักยอกเจ้าของมา แม้จะซื้อไว้โดยสุจริต ก็ไม่ได้กรรมสิทธิเจ้าของย่อมมีสิทธิติดตามเอาคืนได้
โจทก์ฟ้องเรียกเรือคืนจากจำเลย ๆ ให้การต่อสู้คดีแต่เพียงว่า เรือพิพาทเป็นทรัพย์ของผู้อื่น และจำเลยซื้อจากผู้นั้น โดยเสียค่าตอบแทนโดยสุจริตเท่านั้น ดังนี้ ประเด็นข้อที่ว่า ผู้ขายเป็นพ่อค้าขายเรือหรือไม่ จึงไม่ต้องวินิจฉัยและจำเลยไม่มีสิทธิจะยกประเด็นข้อนี้ขึ้นอ้างอิงในชั้นฎีกาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1906/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เรือนฝากระดานบนที่ดินผู้อื่น: ไม่เป็นส่วนควบของที่ดิน, ประเด็นต้องยกขึ้นต่อสู้ตั้งแต่ต้น
ข้อกฎหมายที่จำเลยยกขึ้นต่อสู้ จำเลยจะต้องยกขึ้นต่อสู้ไว้โดยตรง แต่ในชั้นยื่นคำให้การ มิฉะนั้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
เรือนฝากระดานซึ่งปลูกอยู่ในที่ของผู้อื่น อาจเข้าบทมาตรา 109 ป.ม.แพ่งฯ ซึ่งไม่ถือเป็นส่วนควบของที่ดิน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1454/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขนสุราข้ามเขตและแหล่งที่มาของสุรา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการยกลังสุราเข้าร้านไม่ใช่การขนข้ามเขต
จำเลยได้รับอนุญาตให้ขายสุราที่ผลิตขึ้นในจังหวัดฉะเชิงเทราจำเลยได้ขนเหล้าที่ผลิตจากที่อื่นไม่ใช่ผลิตจากจังหวัดฉะเชิงเทราซึ่งอยู่ในลังวางอยู่บนบาทวิถี จะเอาเข้าร้านนั้น ไม่เป็นการขนสุราจากตำบลหนึ่งถึงอีกตำบลหนึ่งหรือจากจังหวัดหนึ่งถึงอีกจังหวัดหนึ่ง จำเลยจึงไม่มีผิดฐานขนสุรา โดยไม่ได้รับอนุญาต
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีสุรา โดยแสดงไม่ได้ว่าซื้อมาจากผู้ที่ควรขายตามมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.ภาษีชั้นในแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2476 กับฐานขนสุราข้ามตำบลตามมาตรา 11, 12 แห่ง พ.ร.บ.ภาษีชั้นใน จ.ศ. 1248 ศาลชั้นต้นลงโทษฐานขนสุราข้ามเขตต์ตามมาตรา 11, 12 จำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง ดังนี้ โจทก์จะฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานซื้อสุราจากผู้ที่ไม่ควรขายตามมาตรา 4 พ.ร.บ.ภาษีชี้นในแก้ไขเพิ่มเติม 2476 ไม่ได้ เพราะโจทก์ไม่ได้อุทธรณ์ไว้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 584/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิในที่ดิน: โอนโดยสุจริตและจดทะเบียน vs. ครอบครองปรปักษ์ที่ยังไม่ได้จดทะเบียน
ที่พิพาทเป็นที่มีโฉนดแผนที่แล้ว และโจทก์ได้รับโอนกรรมสิทธิมาจนบัดนี้ ยังไม่ถึง 10 ปี ฉะนั้นแม้จำเลยจะเป็นผู้ครอบครองติดต่อมาตลอดเวลากว่า 30 ปีแล้ว แต่เมื่อสิทธิการครอบครองของจำเลยยังมิได้จดทะเบียนแล้ว จำเลยจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับโจทก์ซึ่งได้รับโอนกรรมสิทธิที่พิพาทมาโดยเสียค่าตอบแทนโดยสุจริต และจดทะเบียนการรับโอนนั้นแล้วไม่ได้ ดังที่บัญญัติไว้ตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 1299.
ข้อที่ว่าโจทก์ซื้อโดยไม่สุจริตนั้น เมื่อจำเลยไม่ได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้นจะยกขึ้นมากล่าวอ้างในชั้นฎีกาไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 486/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตกลงเลิกหุ้นส่วนและการยกข้อต่อสู้ใหม่ในชั้นฎีกา
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์จำเลยเป็นหุ้นส่วนกันตกลงเลิกหุ้นส่วนและคิดบัญชีแล้ว ขอให้จำเลยจ่ายเงินค่าหุ้นและกำไรให้โจทก์ จำเลยให้การว่า หุ้นส่วนยังไม่ได้เลิกกัน ดังนี้ จำเลยจะยกข้อต่อสู้ขึ้นกล่าวอ้างในชั้นฎีกาว่า การตกลงนั้นไม่สมบูรณ์ เพราะหุ้นส่วนไม่ได้มาประชุมพร้อมกันหมดไม่ได้ เพราะมิได้ยกข้อนี้ขึ้นต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้น.
of 2