พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,307 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 797/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนนิติกรรมปลดหนี้ที่ทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ และสิทธิของเจ้าหนี้ในการเรียกร้องแทนลูกหนี้
เมื่อปรากฏว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษาทำนิติกรรมปลดหนี้ให้บุคคลที่ 3 ซึ่งเป็นแม่ลูกกันโดยที่ต่างก็รู้อยู่ว่าเป็นการทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบเจ้าหนี้ก็ชอบที่จะร้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมปลดหนี้นั้นเสียได้
การที่ลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้นไม่ยอมใช้สิทธิเรียกร้องแก่บุคคลที่ 3อันเป็นเหตุให้เจ้าหนี้เสียประโยชน์เจ้าหนี้ย่อมร้องแทนลูกหนี้ได้
การที่ลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้นไม่ยอมใช้สิทธิเรียกร้องแก่บุคคลที่ 3อันเป็นเหตุให้เจ้าหนี้เสียประโยชน์เจ้าหนี้ย่อมร้องแทนลูกหนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 797/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนนิติกรรมปลดหนี้ระหว่างลูกหนี้และบุตรเพื่อคุ้มครองสิทธิเจ้าหนี้
เมื่อปรากฎว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษาทำนิติกรรมปลดหนี้ให้บุคคลที่ 3 ซึ่งเป็นแม่ลูกกันโดยที่ต่างก็รู้อยู่ว่าเป็นการทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ เจ้าหนี้ก็ชอบที่จะร้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมปลดหนี้นั้นเสียได้
การที่ลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้นไม่ยอมใช้สิทธิเรียกร้องแก่บุคคลที่ 3 อันเป็นเหตุให้เจ้าหนี้เสียประโยชน์เจ้าหนี้ย่อมร้องแทนลูกหนี้ได้
การที่ลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้นไม่ยอมใช้สิทธิเรียกร้องแก่บุคคลที่ 3 อันเป็นเหตุให้เจ้าหนี้เสียประโยชน์เจ้าหนี้ย่อมร้องแทนลูกหนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 791/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกทำกินในที่ดินของผู้อื่น แม้เจ้าของไม่ได้เข้าทำเอง ก็ถือเป็นการละเมิดและเรียกค่าเสียหายได้
เมื่อปรากฏว่านาพิพาทเป็นของโจทก์ แม้โจทก์จะมิได้เข้าทำด้วยตนเองก็ดีการที่จำเลยบุกรุกเข้าทำในที่นาพิพาทจึงเป็นการละเมิดโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 791/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกทำนาในที่ดินของผู้อื่น แม้เจ้าของที่ดินมิได้เข้าทำเอง ก็ถือเป็นการละเมิดและมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายได้
เมื่อปรากฎว่านาพิพาทเป็นของโจทก์ แม้โจทก์จะมิได้เข้าทำด้วยตนเองก็ดี การที่จำเลยบุกรุกเข้าทำในที่พิพาทจึงเป็นการละเมิดโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 743/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแย้งต้องมีข้อพิพาทเกิดขึ้นแล้ว ศาลไม่อนุญาตฟ้องแย้งเผื่อไว้
การเสนอคำฟ้องหรือคำฟ้องแย้งต่อศาลต้องมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นแล้วเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคลตาม ก.ม.
การที่จำเลยให้การว่า การซื้อขายห้องพิพาท ระหว่างโจทก์กับเจ้าของเดิมเป็นการสมยอม โจทก์ไม่ใช่คู่สัญญา เมื่อศาลยังมิได้ชี้ขาด อย่างใดจำเลยจะมาฟ้องแย้งว่า แม้เจ้าของเดิมทำสัญญาซื้อขายห้องพิพาทกับโจทก์โดยชอบ สัญญาเช่าห้องพิพาทที่เจ้าของเดิมทำให้จำเลยย่อมติดตามมาอยู่กับโจทก์ จำเลยยังได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ. ควบคุมค่าเช่า ฯ ขอให้บังคับโจทก์ยอมให้จำเลยเช่าต่อไปตามสัญญาเช่าเดิมดังนี้ไม่ได้
การที่จำเลยให้การว่า การซื้อขายห้องพิพาท ระหว่างโจทก์กับเจ้าของเดิมเป็นการสมยอม โจทก์ไม่ใช่คู่สัญญา เมื่อศาลยังมิได้ชี้ขาด อย่างใดจำเลยจะมาฟ้องแย้งว่า แม้เจ้าของเดิมทำสัญญาซื้อขายห้องพิพาทกับโจทก์โดยชอบ สัญญาเช่าห้องพิพาทที่เจ้าของเดิมทำให้จำเลยย่อมติดตามมาอยู่กับโจทก์ จำเลยยังได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ. ควบคุมค่าเช่า ฯ ขอให้บังคับโจทก์ยอมให้จำเลยเช่าต่อไปตามสัญญาเช่าเดิมดังนี้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 743/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแย้งต้องมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นแล้ว ศาลไม่รับฟ้องแย้งเผื่อไว้
การเสนอคำฟ้องหรือคำฟ้องแย้งต่อศาลต้องมีข้อโต้แย้งต่อศาลต้องมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นแล้วเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคลตามกฎหมาย
การที่จำเลยให้การว่าการซื้อขายห้องพิพาทระหว่างโจทก์กับเจ้าของเดิมเป็นการสมยอมโจทก์ไม่ใช่คู่สัญญา เมื่อศาลยังมิได้ชี้ขาดอย่างใดจำเลยจะมาฟ้องแย้งว่าแม้เจ้าของเดิมทำสัญญาซื้อขายห้องพิพาทกับโจทก์โดยชอบสัญญาเช่าห้องพิพาทที่เจ้าของเดิมทำให้จำเลยย่อมติดตามมาอยู่กับโจทก์จำเลยยังได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯขอให้บังคับโจทก์ยอมให้จำเลยเช่าต่อไปตามสัญญาเช่าเดิมดังนี้ไม่ได้
การที่จำเลยให้การว่าการซื้อขายห้องพิพาทระหว่างโจทก์กับเจ้าของเดิมเป็นการสมยอมโจทก์ไม่ใช่คู่สัญญา เมื่อศาลยังมิได้ชี้ขาดอย่างใดจำเลยจะมาฟ้องแย้งว่าแม้เจ้าของเดิมทำสัญญาซื้อขายห้องพิพาทกับโจทก์โดยชอบสัญญาเช่าห้องพิพาทที่เจ้าของเดิมทำให้จำเลยย่อมติดตามมาอยู่กับโจทก์จำเลยยังได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯขอให้บังคับโจทก์ยอมให้จำเลยเช่าต่อไปตามสัญญาเช่าเดิมดังนี้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 724/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกล้างสัญญาและการผิดสัญญา ทำให้ผู้ให้กู้มีสิทธิเรียกเงินต้นและดอกเบี้ยทั้งหมดได้
กู้เงิน สัญญาผ่อนชำระเป็นรายเดือนผู้กู้ปฏิเสธสัญญาก่อนครบกำหนดชำระงวดแรกผู้ให้กู้ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้ได้ทั้งหมดพร้อมด้วยดอกเบี้ย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 714/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย: เกณฑ์การพิจารณาจากประวัติการกระทำความผิดซ้ำ
จำเลยเคยต้องโทษมาแล้ว 2 ครั้ง ฐานลักทรัพย์พ้นโทษเมื่อ 5 มิ.ย.94 และ 7 มิ.ย.95 ตามลำดับแล้วมาต้องโทษครั้งหลังฐานลักทรัพย์อันเป็นเหตุร้าย ในคดีนี้อีกย่อมถือได้ว่าจำเลยมีสันดานเป็นผู้ร้ายตามความประสงค์ ของ พ.ร.บ. กักกันฯ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 714/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกักกันผู้กระทำผิดซ้ำ: การตีความ 'ไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง' ตาม พ.ร.บ.กักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย
จำเลยเคยต้องโทษมาแล้ว 2 ครั้งฐานลักทรัพย์พ้นโทษเมื่อ 5 มิ.ย. 94 และ 7 มิ.ย. 95 ตามลำดับแล้วมาต้องโทษครั้งหลังฐานลักทรัพย์อันเป็นเหตุร้าย ในคดีนี้อีกย่อมถือได้ว่าจำเลยมีสันดานเป็นผู้ร้ายตามความประสงค์ของพระราชบัญญัติกักกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 661/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินสมรสหลังใช้ บรรพ 5 ไม่จดทะเบียนสมรส สิทธิในทรัพย์สินมรดก
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์จำเลยเป็นสามีภรรยากันมาก่อนใช้บรรพ 5 จึงขอให้ศาลแสดงว่าทรัพย์ที่พิพาทเป็นสินสมรส โจทก์มีสิทธิสองส่วนจำเลยหนึ่งส่วน
จำเลยต่อสู้ว่าทรัพย์พิพาทเป็นสินส่วนตัวจำเลยจำเลยเป็นภรรยาโจทก์หลังใช้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ภายหลังได้หย่าขาดและแบ่งทรัพย์กันแล้วดังนี้แม้ในคดีก่อนที่จำเลยฟ้องโจทก์ว่าลักตัดยางในสวนพิพาทศาลจะฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์จำเลยเป็นสามีภรรยากันก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ก็ดีในคดีใหม่นี้ศาลก็ฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์จำเลยเป็นสามีภรรยากันเมื่อใช้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 แล้วและไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันได้เพราะคดีใหม่นี้มูลกรณีเป็นคนละอย่างหาได้เกี่ยวเนื่องมาจากคดีอาญาที่หากันว่าลักตัดยางในสวนพิพาทไม่ คู่ความมาพิพาทกันด้วยสิทธิในครอบครัวและทรัพย์สินในทางแพ่งเป็นเรื่องใหม่อีกโสดหนึ่งต่างหาก
จำเลยต่อสู้ว่าทรัพย์พิพาทเป็นสินส่วนตัวจำเลยจำเลยเป็นภรรยาโจทก์หลังใช้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ภายหลังได้หย่าขาดและแบ่งทรัพย์กันแล้วดังนี้แม้ในคดีก่อนที่จำเลยฟ้องโจทก์ว่าลักตัดยางในสวนพิพาทศาลจะฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์จำเลยเป็นสามีภรรยากันก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ก็ดีในคดีใหม่นี้ศาลก็ฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์จำเลยเป็นสามีภรรยากันเมื่อใช้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 แล้วและไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันได้เพราะคดีใหม่นี้มูลกรณีเป็นคนละอย่างหาได้เกี่ยวเนื่องมาจากคดีอาญาที่หากันว่าลักตัดยางในสวนพิพาทไม่ คู่ความมาพิพาทกันด้วยสิทธิในครอบครัวและทรัพย์สินในทางแพ่งเป็นเรื่องใหม่อีกโสดหนึ่งต่างหาก