คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ชวน สิงหลกะ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,307 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1878/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาบุกรุก - การครอบครองที่ดินโดยสุจริต - ที่ดินสงวน - การพิพาทแพ่ง
จำเลยเข้าไปปลูกต้นยางพาราในที่ดินซึ่งกรมทางหลวงจองและขึ้นทะเบียนเป็นที่สงวนของทางราชการ โดยมีพฤติการณ์ต่าง ๆ ที่ทำให้จำเลยหลงเข้าใจโดยสุจริตคิดว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย โดยจำเลยไม่ทราบว่าเป็นที่ดินสงวนหวงห้ามมาก่อน เห็นได้ว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะเข้าถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์อันเป็นของผู้อื่นซึ่งจะเป็นความผิดทางอาญาฐานบุกรุก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1810/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตัดไม้ได้รับอนุญาต แม้ยังไม่ได้รับใบอนุญาตก่อนตัดฟัน ไม่ถือเป็นความผิด
จำเลยขออนุญาตตัดฟันไม้หวงห้าม เจ้าพนักงานป่าไม้แขวงออกไปตรวจคัดเลือกตีตราประจำต้นที่จะอนุญาตให้ตัดฟันได้และก่อนที่จำเลยจะตัดฟันไม้นายอำเภอผู้มีอำนาจก็ได้มีคำสั่งอนุญาตตามที่ขอแล้วด้วย ต่อมาจำเลยตัดไม้นั้น แต่นายอำเภอออกใบอนุญาตให้หลังวันตัดไม้ เช่นนี้เห็นว่า จำเลยยังไม่มีเจตนาฝ่าฝืนตัดฟันไม้ไม่รับอนุญาต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1754/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระจำยอมต้องเกิดเมื่อกรรมสิทธิ์แยกขาด การใช้ทางเดินต่อเนื่องหลังแบ่งแยกที่ดินยังไม่ทำให้เกิดภาระจำยอม
ทางเดินพิพาทอยู่ในที่ดินโฉนดแปลงเดียวกัน ซึ่งมีเจ้าของรวม 2 ฝ่ายครอบครองร่วมกันมาโดยมิได้แยกกันครอบครองเป็นส่วนสัด และในระหว่างนั้น ถึงแม้ผู้เช่าห้องแถวของเจ้าของรวมอีกฝ่ายหนึ่งจะได้ใช้ทางเดินพิพาทนั้นมาเป็นเวลา 20 ปีเศษก็ตาม และภายหลังเมื่อได้แบ่งแยกโฉนดครอบครองกันเป็นส่วนสัดแล้ว แต่ก็ยังใช้ทางเดินพิพาทนั้นไม่ถึง 10 ปี นับแต่ได้แยกกันครอบครองทางเดินพิพาทย่อมไม่เป็นทางภาระจำยอม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1754/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทางภารจำยอมต้องเกิดจากการใช้สิทธิอย่างเปิดเผยต่อเนื่องหลังแบ่งแยกที่ดิน
ทางเดินพิพาทอยู่ในที่ดินโฉนดแปลงเดียวกัน ซึ่งมีเจ้าของรวมสองฝ่ายครอบครองร่วมกันมา โดยมิได้แยกกันครอบครองเป็นส่วนสัดและในระหว่างนั้น แม้ผู้เช่าห้องแถวของเจ้าของรวมอีกฝ่ายหนึ่งจะได้ใช้ทางเดินพิพาทนั้นมาเป็นเวลา 20 ปีเศษ ก็ตาม แต่ภายหลังเมื่อได้แบ่งแยกโฉนดครอบครองกันเป็นส่วนสัดแล้ว ยังใช้ทางเดินพิพาทนั้นต่อมาไม่ถึง 10 ปี นับแต่ได้แยกกันครอบครอง ทางเดินพิพาทย่อมไม่เป็นทางภารจำยอม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1674/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีเพื่อต่อสู้สิทธิจากการอ้างหนี้ปลอม ไม่เข้าข่ายการฉ้อฉลตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 240 และไม่ขาดอายุความ
ในคดีที่โจทก์ฟ้องจำเลยว่าสมคบกันทำสัญญากู้ปลอมขึ้นฟ้องร้องโดยมิได้เป็นหนี้ต่อกัน เพื่ออาศัยสิทธิตามคำพิพากษามาขอเฉลี่ยในคดีที่โจทก์เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษานั้น โจทก์ย่อมฟ้องได้และมิใช่เป็นเรื่องฟ้องขอให้เพิกถอนการฉ้อฉลดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 240

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1648/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระจำยอมโดยอายุความและสิทธิในการรักษา/ใช้ประโยชน์ แม้ไม่มีคำพิพากษา
คำพิพากษาที่ให้บุคคลหนึ่งเปิดทางภาระจำยอมผ่านที่ดินนั้น ย่อมไม่ผูกพัน เจ้าของที่ดินข้างเคียงคนอื่นซึ่งเป็นบุคคลภายนอก แม้ขณะทำแผนที่พิพาทจะปรากฎเส้นทางภาระจำยอมผ่านที่ดินของบุคคลนั้น และบุคคลนั้นได้มาอยู่รู้เห็นในการทำแผนที่พิพาทอยู่ด้วยก็ตาม
ผู้ที่ได้ทางภาระจำยอมมาโดยอายุความแล้วนั้น ย่อมมีสิทธิขุดโค่นหัวคันนาซึ่งอยู่ในเส้นทางอันเป็นภาระจำยอมนั้นได้เท่าที่จำเป็นเพื่อรักษาและใช้ภาระจำยอมนั้น โดยไม่จำเป็นต้องให้มีคำพิพากษาว่าที่ดินนั้นตกเป็นภาระจำยอมเสียก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1627/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าต่างตอบแทนที่มีกำหนดระยะเวลา และการบังคับตามสัญญาแม้มีข้อโต้แย้ง
ที่ดินเป็นของ ผ. โจทก์ปลูกตึกรายพิพาทลงในที่ดินนี้ให้สามีจำเลยเช่า ได้ทำสัญญาเช่าตึกระหว่างโจทก์ผู้ให้เช่ากับสามีจำเลยผู้เช่า มีข้อสัญญาว่าให้เช่ามีกำหนดเวลา 3 ปี ค่าเช่าเดือนละ 100 บาท เมื่อครบ 3 ปีแล้ว ถ้าผู้เช่าหรือทายาทจะเช่าต่อไป ผู้ให้เช่าจะต้องต่ออายุสัญญาคราวละ 3 ปีจนกว่าอายุสัญญาจะร่วมกันเป็น 14 ปี ผู้ให้เช่าและเจ้าของที่ดินสัญญาว่าจะไปจดทะเบียนการเช่าภายในเวลาอันสมควร ผ.ผู้เป็นเจ้าของที่ดินและตึกก็บันทึกข้อความยอมตกลงตามข้อสัญญานี้ด้วย ในการทำสัญญานี้ สามีจำเลยและจำเลยได้ชำระเงินให้โจทก์ 56,000 บาท เป็นค่าช่วยการก่อสร้างด้วย ดังนี้ เป็นสัญญาต่างตอบแทน เมื่อเช่ากันได้ราว 1 ปีแล้ว สามีจำเลยตาย แต่ได้มีการบันทึกของโจทก์จำเลยไว้หลังสัญญาเช่าให้จำเลยเช่าต่อไป จำเลยผู้เช่าย่อมมีอำนาจฟ้องโจทก์ให้ไปจดทะเบียนการเช่าตามสัญญานั้นได้ และแม้โจทก์จะไม่ใช่เจ้าของที่ดินกับตึก และ ผ.เจ้าของที่ดินก็เป็นคู่สัญญาร่วมด้วย จำเลยก็ไม่จำเป็นต้องฟ้อง ผ.หรือเรียกเข้ามาเป็นโจทก์ร่วม (ในคดีที่จำเลยฟ้องแย้ง) การฟ้องขอให้บังคับโจทก์เช่นนี้ แม้จำเลยปล่อยให้ล่วงเลยมาถึง 6 ปี (นับแต่วันทำสัญญาเช่า)
ก็ไม่ขาดอายุความ แม้จำเลยจะได้เช่าห้องพิพาทมาแล้ว 6 ปี โดยไม่ได้ต่ออายุสัญญาเช่า สัญญาเช่าก็ไม่หมดอายุ เพราะต้องถือตามสัญญาต่างตอบแทน และเมื่อจำเลยมีสิทธิเช่าตามสัญญาต่างตอบแทนแล้ว ก็ไม่ต้องวินิจฉัยข้อที่ว่าจำเลยไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1627/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าช่วยค่าก่อสร้าง ต่ออายุได้ แม้ไม่ทำสัญญาต่ออายุ แต่สัญญายังไม่สิ้นสุด ผู้เช่ามีสิทธิฟ้องขอจดทะเบียน
สัญญาเช่าตึกแถว ซึ่งผู้เช่าเสียเงินแก่ผู้ให้เช่าเป็นการช่วยค่าก่อสร้างและทั้งสองฝ่ายทำสัญญาเช่ากันไว้ 3 ปี โดยผู้ให้เช่ายอมจะต่ออายุสัญญาเช่าให้อีกคราวละ 3 ปีรวม 14 ปี และจะไปจดทะเบียนการเช่าต่อเจ้าพนักงานนั้น เป็นสัญญาต่างตอบแทน แม้ผู้เช่าจะได้เช่ามาแล้ว6 ปีโดยไม่มีการต่ออายุสัญญา สัญญานั้นก็ไม่หมดอายุผู้เช่ามีอำนาจฟ้องขอให้จดทะเบียนตามสัญญาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1429/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยินยอมของคู่สมรสในการทำนิติกรรม การยกข้อกฎหมายใหม่ในชั้นฎีกา
สามีฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมที่ภรรยาทำขึ้นโดยมิได้รับความยินยอม ครั้นศาลชั้นต้นฟังว่าสามีรู้เห็นยินยอมและอนุญาต สามีกลับอุทธรณ์ฎีกาว่าสามีจะต้องให้ความยินยอมเป็นหนังสือ การลงลายพิมพ์นิ้วมือโดยมีพยานรับรองเพียงคนเดียวใช้ไม่ได้นั้น เมื่อข้อกฎหมายนี้มิได้ยกขึ้นอ้างมาแต่ศาลชั้นต้น และมิใช่ข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแล้ว ศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1429/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความยินยอมในการทำนิติกรรมของภริยา: ข้ออ้างเรื่องรูปแบบความยินยอมที่ไม่ถูกต้องและการไม่ยกขึ้นสู่ศาลชั้นต้น
สามีฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมที่ภรรยาทำโดยมิได้รับความยินยอม ครั้นศาลชั้นต้นฟังว่าสามีรู้เห็นยินยอมและอนุญาต สามีกลับอุทธรณ์ฎีกาว่าสามีจะต้องให้ความยินยอมเป็นหนังสือ การลงลายพิมพ์นิ้วมือโดยมีพยานรับรองเพียงคนเดียวใช้ไม่ได้นั้น เมื่อข้อกฎหมายนี้มิได้ยกขึ้นอ้างมาแต่ศาลชั้นต้นและมิใช่ข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแล้ว ศาลฎีกาย่อมไม่วินิจฉัยให้
of 131