คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ชวน สิงหลกะ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,307 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 381/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานยักยอกทรัพย์ของเจ้าพนักงาน: การจำกัดความรับผิดตาม ม.147 และความผิดตาม ม.158
จำเลยเป็นตำรวจกองบังคับการตำรวจรถไฟมีหน้าที่อารักขาพนักงานรถไฟสืบสวนคดี และถ่ายรูปประกอบคดีในเขตการรถไฟแต่กองบังคับการไม่มีปืนพกและกล้องถ่ายรูปใช้จึงให้จำเลยเบิกจากกองกำกับการตำรวจรถไฟเพื่อใช้ในราชการ เจ้าหน้าที่ได้มอบปืนพก 1 กระบอกและกล้องถ่ายรูป 1 กล้องให้แก่จำเลยไปเพื่อใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ของจำเลย ต่อมาจำเลยหลบหนีราชการและได้เบียดบังเอาปืนและกล้องถ่ายรูปนั้นไว้เป็นของตนโดยทุจริตดังนี้จำเลยมิใช่เจ้าพนักงานซึ่ง ทำจัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด ดังบัญญัติไว้ในมาตรา 147แห่งประมวลกฎหมายอาญา จำเลยจึงไม่ผิดตามมาตรานี้แต่ผิดตามมาตรา 158

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 230/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอพิจารณาคดีใหม่หลังขาดนัด ต้องแสดงเหตุผลความจำเป็นและคัดค้านคำตัดสิน
การขอให้พิจารณาคดีใหม่ ในกรณีขาดนัดนั้น จะต้องบรรยายให้เห็นได้ว่ากรณีขาดนัดของตนนั้น ไม่ใช่เป็นไปโดยจงใจหรือไม่มีเหตุอันสมควรและต้องกล่าวคัดค้านคำตัดสินของศาลด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 230/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีหลังต่อสู้คดีแล้ว คำขอพิจารณาใหม่ต้องแสดงเหตุคัดค้านคำตัดสินชัดเจน
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยใช้เงิน ตามเช็คที่จำเลยสั่งจ่ายจากธนาคารให้โจทก์แล้วบอกห้ามจ่ายเงิน จำเลยให้การรับว่าได้ออกเช็คให้โจทก์เพื่อนายธน (นายธนขอยืมเงินไปซื้อรถโจทก์) และเพื่อให้โจทก์โอนรถยนต์ให้นายธน ๆ จะได้เอารถคันนั้นมาเป็นประกันเงินที่นายธนยืมจากจำเลยไป แต่แล้วทราบว่า โจทก์ไม่มีรถโอนให้นายธน จำเลยจึงห้ามธนาคารจ่ายเงินตามเช็ค เป็นเรื่องกลฉ้อฉลจำเลยไม่ต้องรับผิดใช้เงินให้โจทก์ ต่อมาจำเลยขาดนัดพิจารณาและศาลพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี จำเลยขอให้พิจารณาใหม่ โดยกล่าวในคำขอว่า ตามรายงานพิจารณาของศาลและคำพิพากษาของศาลจังหวัดภูเก็ตยังไม่ชอบด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายของรูปคดี แล้วบรรยายถึงเหตุที่ตนได้ขาดนัดว่าไม่มีเจตนาหลักเหลี่ยงหรือขัดอำนาจของศาลแต่ประการใด ในที่สุดได้บรรยายว่า ประเด็นที่จะนำสืบก็ตกแก่ฝ่ายจำเลย จะต้องสืบพยานหักล้างหลักฐานก่อนโจทก์ ทั้งรูปคดีของโจทก์ก็เป็นกลฉ้อฉล มีทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ดังนี้ ที่ ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเห็นว่า การขาดนัดนี้เกิดขึ้นเมื่อจำเลยให้การต่อสู้คดีไว้แล้ว ข้อความในคำขอก็อนุมานได้ว่าจำเลยหมายถึงเหตุผลดังที่จำเลยได้ต่อสู้คดีในคำให้การ พอที่จะถือได้ว่าจำเลยได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 แล้ว (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 4/2505 ระเบียบวาระพิเศษ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 151/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางอาญาจากการปล่อยสุนัขทำอันตรายต่อทรัพย์สินของผู้อื่น
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 377 แบ่งสัตว์ได้เป็น 2 จำพวก คำว่า สัตว์ร้าย หมายความว่า โดยธรรมชาติของสัตว์นั้นเองเป็นสัตว์ที่มีนิสัยทั้งดุและร้ายกาจเป็นปกติอยู่ในตัว และเป็นสัตว์ที่เป็นภัยอันตรายอันน่าสพึงกลัวต่อบุคคลผู้ได้พบเห็น เช่น เสือ จรเข้หรืองูพิษเป็นต้น ส่วนคำว่า สัตว์ดุ หมายความว่า โดยธรรมชาติของสัตว์นั้นเองมิใช่สัตว์ร้าย แต่อาจะเป็นสัตว์ดุซึ่งเจ้าของจะต้องมีการควบคุมดูแลเป็นพิเศษ ผิดจากปกติธรรมดา โดยล่ามโซ่หรือขังกรงไว้ เช่น สุนักข์ เป็นต้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 151/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางอาญาเจ้าของสัตว์ดุ ปล่อยปละละเลยให้สัตว์ทำอันตรายผู้อื่น
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 377 แบ่งสัตว์ไว้เป็น 2 พวกคำว่า 'สัตว์ร้ายหมายความว่าโดยธรรมชาติของสัตว์นั้นเองเป็นสัตว์ที่มีนิสัยทั้งดุและร้ายกาจเป็นปกติอยู่ในตัวและเป็นสัตว์ที่เป็นภัยอันตรายอันน่าสพึงกลัวต่อบุคคลผู้ได้พบเห็นเช่นเสือจรเข้ หรืองูพิษเป็นต้นส่วนคำว่า 'สัตว์ดุ' หมายความว่า โดยธรรมชาติของสัตว์นั้นเองมิใช่สัตว์ร้าย แต่อาจเป็นสัตว์ดุซึ่งเจ้าของจะต้องมีการควบคุมดูแลเป็นพิเศษผิดจากปกติธรรมดา โดยล่ามโซ่หรือขังกรงไว้ เช่น สุนัข เป็นต้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 86/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความจำเป็นในการสร้างทางผ่านตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 1349 วรรค 3
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349 วรรค 3 ที่บัญญัติว่าที่และวิธีทำทางผ่านนั้นต้องเลือกให้พอควรแก่ความจำเป็นของผู้มีสิทธิจะผ่าน กับให้คำนึงถึงที่ดินที่ล้อมอยู่ ให้เสียหายน้อยที่สุดที่จะเป็นได้ถ้าจำเป็นผู้มีสิทธิจะผ่านจะสร้างถนนเป็นทางผ่านก็ได้นั้นความพอควรแก่ความจำเป็นของผู้มีสิทธิจะผ่าน จะมีแค่ไหนเพียงไร เป็นข้อเท็จจริงเป็นเรื่องๆไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 81/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจริบปืนมีทะเบียน: แม้มีอนุญาตก็ริบได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371
การที่ผู้ใดพาปืนไปโดยกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 แม้ปืนของกลางจะเป็นปืนมีทะเบียน โดยจำเลยได้รับอนุญาตให้มีไว้ในความครอบครองก็ดี ศาลก็ยังมีอำนาจริบได้ตามมาตรานี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 81/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจริบปืนของศาล แม้มีทะเบียนและอนุญาต
การที่ผู้ใดพาปืนไปโดยกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 แม้ปืนของกลางจะเป็นปืนมีทะเบียนโดยจำเลยได้รับอนุญาตให้มีไว้ในความครอบครองก็ดี ศาลก็ยังมีอำนาจริบได้ตามมาตรานี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิทายาทฟ้องเรียกคืนทรัพย์มรดกจากผู้ไม่มีอำนาจ แม้ฟ้องคดีก่อนหน้านี้แล้ว
ทายาทของเจ้ามรดก ฟ้องเรียกที่ดินของเจ้ามรดกจากภรรยาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของเจ้ามรดกเป็นคดีหนึ่งแล้วบัดนี้ยังมีที่ดินมรดกอีกทายาทจึงฟ้องเรียกจากภรรยาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นอีกดังนี้ ไม่ใช่เป็นการฟ้องแบ่งมรดกแต่เป็นการฟ้องเรียกทรัพย์คืนจากผู้ไม่มีอำนาจยึดถือไว้และเป็นที่ดินต่างแปลงกับในคดีก่อนทายาทจึงมีสิทธิฟ้องเรียกได้อีก ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 173(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการเรียกคืนทรัพย์มรดกจากผู้ไม่มีสิทธิ แม้มีการฟ้องร้องเรื่องเดียวกันไปแล้ว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นพี่สาวและน้องสาวของเจ้ามรดก จำเลยเป็นภรรยาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของเจ้ามรดก ที่ดิน 3 แปลงท้ายฟ้อง เป็นสินเดิมของเจ้ามรดก ที่ดิน 3 แปลงท้ายฟ้องเป็นสินเดิมของเจ้ามรดก เมื่อเจ้ามรดกตายทรัพย์ดังกล่าวจึงเป็นมรดกตกทอดแก่โจทก์และทายาท จำเลยไม่ใช่ภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมายวจึงไม่มีสิทธิรับมรดก โจทก์ได้แจ้งให้จำเลยส่งมอบทรัพย์มรดกให้แล้ว จำเลยปฏิเสธ โจทก์จึงฟ้องจำเลยให้ส่งมอบทรัพย์มรดกให้แล้ว จำเลยปฏิเสธ โจทก์จึงฟ้องจำเลยให้ส่งมอบทรัพย์มรดกเป็นคดีหนึ่งแล้ว บัดนี้ ยังมีทรัพย์มรดกตามบัญชีท้ายฟ้องอีก 3 แปลง ขอให้ศาลพิพากษาว่าเป็นสินเดิมของเจ้ามรดก โจทก์และทายาทเป็นผู้มีสิทธิรับมรดกทรัพย์นี้ ให้จำเลยส่งมอบทรัพย์ให้ ดังนี้ เป็นการฟ้องแต่ ฟ้องเรียกทรัพย์คืนจากผู้ไม่มีอำนาจยึดถือไว้ และเป็นที่ดินต่างแปลง เป็นทรัพย์คนละอย่างกับทรัพย์ในคดีก่อน โจทก์จึงมีสิทธิเรียกได้อีก ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173 (1)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 40/2504)
of 131