พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,307 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1009/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาของผู้ต้องหากับพวกเจ้าพนักงานตำรวจที่ไม่เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และการพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของการชันสูตรพลิกศพ
ในกรณีที่ผู้ต้องหาถูกจับและควบคุมตัวฐานกบฏไว้แล้ว ไม่ได้ทำอะไรขึ้นอีกระหว่างนั้น ผู้ใดร่วมกันเพทุบายควบคุมตัวเขาไปฆ่าเสียนั้น ย่อมไม่ใช่เป็นการกระทำอันเกี่ยวเนื่องจากการป้องกัน ระงับหรือปราบปราม อันจะถือว่าไม่เป็นความผิด ตามพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมในโอกาสครบ 25 พุทธศตวรรษ พ.ศ. 2499 มาตรา 4
ในกรณีที่จำเลยกับพวกเจ้าพนักงานตำรวจได้กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่ โดยนำผู้ต้องหาไปฆ่าเสีย นั้น ไม่เข้าลักษณะเป็นการกระทำของเจ้าพนักงานในขณะปฏิบัติราชการตามหน้าที่ การชันสูตรพลิกศพผู้ตายจึงไม่ต้องมีผู้พิพากษาร่วมด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 วรรค 2
ขณะเกิดเหตุ ยังมิได้ใช้ประมวลกฎหมายอาญา นั้น จะเอาความในมาตรา 289 (4) มาใช้ไม่ได้ เพราะมาตรานี้ไม่เป็นคุณแก่จำเลยผู้กระทำผิดในทางใด
เมื่อพยานหลักฐานไม่ได้ความชัดว่า จำเลยได้ร่วมรู้ในแผนการณ์ที่จะกำจัดผู้ตายมาก่อน ไม่เคยมีสาเหตุกับผู้ตาย บางคนก็ไม่รู้จักกัน การกระทำของจำเลยเห็นได้ว่าเป็นเครื่องมือของผู้อื่นที่ใช้ให้กระทำ จึงถือไม่ได้ว่า กระทำโดยพยายามด้วยความพยาบาทมาดหมาย อนึ่งปรากฎว่าผู้ตายถูกยิงด้วยปืนกลตายทันที จึงถือไม่ได้ว่ากระทำโดยทรมานหรือแสดงความโหดร้ายให้ผู้ตายได้รับความลำบากอย่างสาหัส
ในกรณีที่จำเลยกับพวกเจ้าพนักงานตำรวจได้กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่ โดยนำผู้ต้องหาไปฆ่าเสีย นั้น ไม่เข้าลักษณะเป็นการกระทำของเจ้าพนักงานในขณะปฏิบัติราชการตามหน้าที่ การชันสูตรพลิกศพผู้ตายจึงไม่ต้องมีผู้พิพากษาร่วมด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 วรรค 2
ขณะเกิดเหตุ ยังมิได้ใช้ประมวลกฎหมายอาญา นั้น จะเอาความในมาตรา 289 (4) มาใช้ไม่ได้ เพราะมาตรานี้ไม่เป็นคุณแก่จำเลยผู้กระทำผิดในทางใด
เมื่อพยานหลักฐานไม่ได้ความชัดว่า จำเลยได้ร่วมรู้ในแผนการณ์ที่จะกำจัดผู้ตายมาก่อน ไม่เคยมีสาเหตุกับผู้ตาย บางคนก็ไม่รู้จักกัน การกระทำของจำเลยเห็นได้ว่าเป็นเครื่องมือของผู้อื่นที่ใช้ให้กระทำ จึงถือไม่ได้ว่า กระทำโดยพยายามด้วยความพยาบาทมาดหมาย อนึ่งปรากฎว่าผู้ตายถูกยิงด้วยปืนกลตายทันที จึงถือไม่ได้ว่ากระทำโดยทรมานหรือแสดงความโหดร้ายให้ผู้ตายได้รับความลำบากอย่างสาหัส
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1009/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำของเจ้าพนักงานที่เกินอำนาจ และการพิจารณาความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
ในกรณีที่ผู้ต้องหาถูกจับและควบคุมตัวฐานกบฎไว้แล้วไม่ได้ทำอะไรขึ้นอีกระหว่างนั้น ผู้ใดร่วมกันเพทุบายควบคุมตัวเขาไปฆ่าเสียนั้น ย่อมไม่ใช่เป็นการกระทำอันเกี่ยวเนื่องจากการป้องกัน ระงับ หรือปราบปรามอันจะถือว่าไม่เป็นความผิด ตามพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมในโอกาสครบ 25 พุทธศตวรรษ พ.ศ.2499 มาตรา 4
ในกรณีที่จำเลยกับพวกเจ้าพนักงานตำรวจได้กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่โดยนำผู้ต้องหาไปฆ่าเสียนั้น ไม่เข้าลักษณะเป็นการกระทำของเจ้าพนักงานในขณะปฏิบัติราชการตามหน้าที่ การชันสูตรพลิกศพผู้ตายจึงไม่ต้องมีผู้พิพากษาร่วมด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 วรรคสอง
ขณะเกิดเหตุยังมิได้ใช้ประมวลกฎหมายอาญา นั้น จะเอาความในมาตรา 289(4) มาใช้ไม่ได้ เพราะมาตรานี้ไม่เป็นคุณแก่จำเลยผู้กระทำผิดในทางใด
เมื่อพยานหลักฐานไม่ได้ความชัดว่า จำเลยได้ร่วมรู้ในแผนการณ์ที่จะกำจัดผู้ตายมาก่อน ไม่เคยมีสาเหตุกับผู้ตาย บางคนก็ไม่รู้จักกัน การกระทำของจำเลยเห็นได้ว่าเป็นเครื่องมือของผู้อื่นที่ใช้ให้กระทำ จึงถือไม่ได้ว่ากระทำโดยพยายามด้วยความพยาบาทมาดหมาย อนึ่งปรากฏว่าผู้ตายถูกยิงด้วยปืนกลตายทันที จึงถือไม่ได้ว่ากระทำโดยทรมานหรือแสดงความโหดร้ายให้ผู้ตายได้รับความลำบากอย่างสาหัส
ในกรณีที่จำเลยกับพวกเจ้าพนักงานตำรวจได้กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่โดยนำผู้ต้องหาไปฆ่าเสียนั้น ไม่เข้าลักษณะเป็นการกระทำของเจ้าพนักงานในขณะปฏิบัติราชการตามหน้าที่ การชันสูตรพลิกศพผู้ตายจึงไม่ต้องมีผู้พิพากษาร่วมด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 วรรคสอง
ขณะเกิดเหตุยังมิได้ใช้ประมวลกฎหมายอาญา นั้น จะเอาความในมาตรา 289(4) มาใช้ไม่ได้ เพราะมาตรานี้ไม่เป็นคุณแก่จำเลยผู้กระทำผิดในทางใด
เมื่อพยานหลักฐานไม่ได้ความชัดว่า จำเลยได้ร่วมรู้ในแผนการณ์ที่จะกำจัดผู้ตายมาก่อน ไม่เคยมีสาเหตุกับผู้ตาย บางคนก็ไม่รู้จักกัน การกระทำของจำเลยเห็นได้ว่าเป็นเครื่องมือของผู้อื่นที่ใช้ให้กระทำ จึงถือไม่ได้ว่ากระทำโดยพยายามด้วยความพยาบาทมาดหมาย อนึ่งปรากฏว่าผู้ตายถูกยิงด้วยปืนกลตายทันที จึงถือไม่ได้ว่ากระทำโดยทรมานหรือแสดงความโหดร้ายให้ผู้ตายได้รับความลำบากอย่างสาหัส
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1008/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอุทธรณ์ของผู้ไม่เป็นคู่ความ: การยกประเด็นใหม่ในชั้นอุทธรณ์ขัดต่อหลักวิธีพิจารณา
โจทก์จำเลยทำสัญญายอมความต่อศาลว่า จำเลยยอมไปทำนิติกรรมโอนที่นาให้โจทก์ ศาลพิพากษาให้เป็นไปตามยอมแล้ว ผู้เป็นเจ้าของร่วมในที่นาที่จำเลยทำยอมโอนให้โจทก์ จะร้องสอดเข้ามาในคดีเพื่อใช้สิทธิอุทธรณ์ในอายุความอุทธรณ์ เพื่อขอทำลายสัญญายอมความระหว่างโจทก์จำเลยดังกล่าวไม่ได้ เพราะเหตุที่ผู้ร้องสอดยกขึ้นอุทธรณ์เป็นการตั้งประเด็นใหม่ ไม่ใช่ข้อที่ยกขึ้นว่ากล่าวมาแล้วในศาลชั้นต้นจึงขัดกับ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1008/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร้องสอดในชั้นอุทธรณ์ฎีกาต้องเป็นประเด็นที่เคยยกขึ้นในศาลชั้นต้น การตั้งประเด็นใหม่ทำไม่ได้
มีส่วนได้เสียเพราะเป็นเจ้าของร่วมในทรัพย์ที่จำเลยทำยอมความโอนให้โจทก์ไปและศาลได้พิพากษาตามยอมแล้ว ดังนี้ จะร้องสอดเข้ามาในคดีเพื่อใช้สิทธิอุทธรณ์และฎีกาในอายุความอุทธรณ์ฎีกาเพื่อทำลายสัญญายอมความไม่ได้ เพราะเหตุที่ผู้ร้องยกขึ้นอุทธรณ์เป็นการตั้งประเด็นใหม่ ไม่ใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาแล้วในศาลชั้นต้น จึงขัดกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 966/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหักวันต้องขังจากกรณีควบคุมตัวตามประกาศคณะปฏิวัติไม่เกี่ยวเนื่องกับคดีปัจจุบัน
การที่จำเลยถูกควบคุมในข้อหาประพฤติตนเป็นคนอันธพาลตามประกาศหัวหน้าคณะปฏิวัติ แต่ไม่ถูกควบคุมในคดีที่ศาลพิจารณาพิพากษานั้น จะเอาวันต้องถูกควบคุมฐานเป็นอันธพาลมาหักไม่ได้ เพราะกรณีไม่เข้าประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 22
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 966/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหักวันต้องขังจากกรณีถูกควบคุมตัวในข้อหาอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีที่ศาลพิจารณา
การที่จำเลยถูกควบคุมในข้อหาประพฤติตนเป็นคนอันธพาลตามประกาศหัวหน้าคณะปฏิวัติ แต่ไม่ถูกควบคุมในคดีที่ศาลพิจารณาพิพากษานั้น จะเอาวันต้องถูกควบคุมฐานเป็นอันธพาลมาหักไม่ได้ เพราะกรณีไม่เข้าประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 22
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 947/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบทรัพย์จากความผิดป่าไม้: สิทธิขอคืนของผู้ไม่รู้เห็นการกระทำผิด
ศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยฐานมีไม้แปรรูปไม่รับอนุญาตและริบรถยนต์ของกลาง ที่ใช้บรรทุกไม้นั้น ผู้ร้องยื่นคำร้องว่ารถยนต์ของกลางเป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องมิได้มีส่วนรู้เห็นในการกระทำผิดของจำเลย ขอให้ศาลสั่งคืน โจทก์แถลงรับว่าเป็นความจริงแต่จะมาขอคืนไม่ได้
ข้อความตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503มาตรา 18 บัญญัติเฉพาะเรื่องริบทรัพย์และมิได้มีข้อความอย่างไรเป็นพิเศษว่าการริบนั้นไม่ต้องคำนึงว่าเป็นของบุคคลใด และเจ้าของจะได้รู้เห็นในการกระทำผิดนั้นหรือไม่ ผู้ร้องจึงขอคืนรถยนต์ของกลางได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36
ข้อความตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503มาตรา 18 บัญญัติเฉพาะเรื่องริบทรัพย์และมิได้มีข้อความอย่างไรเป็นพิเศษว่าการริบนั้นไม่ต้องคำนึงว่าเป็นของบุคคลใด และเจ้าของจะได้รู้เห็นในการกระทำผิดนั้นหรือไม่ ผู้ร้องจึงขอคืนรถยนต์ของกลางได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 947/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบทรัพย์ในความผิดป่าไม้: เจ้าของที่ไม่มีส่วนรู้เห็นมีสิทธิขอคืนทรัพย์ได้ตามประมวลกฎหมายอาญา
ศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยฐานมีไม้แปรรูปไม่รับอนุญาตและริบรถยนต์ของกลางที่ใช้บรรทุกไม้นั้น ผู้ร้องยื่นคำร้องว่ารถยนต์ของกลางเป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องมิได้มีส่วนรู้เห็นในการกระทำผิดของจำเลยขอให้ศาลสั่งคืน โจทก์แถลงรับว่าเป็นความจริง แต่จะมาขอคืนไม่ได้
ข้อความตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 18 บัญญัติเฉพาะเรื่องริบทรัพย์และมิได้มีข้อความอย่างไรเป็นพิเศษว่าการริบนั้นไม่ต้องคำนึงว่าเป็นของบุคคลใด และเจ้าของจะได้รู้เห็นในการกระทำผิดนั้นหรือไม่ ผู้ร้องจึงขอคืนรถยนต์ของกลางได้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 36
ข้อความตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 18 บัญญัติเฉพาะเรื่องริบทรัพย์และมิได้มีข้อความอย่างไรเป็นพิเศษว่าการริบนั้นไม่ต้องคำนึงว่าเป็นของบุคคลใด และเจ้าของจะได้รู้เห็นในการกระทำผิดนั้นหรือไม่ ผู้ร้องจึงขอคืนรถยนต์ของกลางได้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 36
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 882/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิจำหน่ายยาต่างประเทศ: ผู้รับมอบหมายจำหน่ายย่อมไม่มีสิทธิผูกขาดเหนือผู้อื่น
การที่โจทก์ได้รับมอบหมายจากบริษัทต่างประเทศให้จำหน่ายยาชนิดหนึ่งในประเทศไทยแต่ผู้เดียวนั้น เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับบริษัทต่างประเทศ มิได้ก่อให้เกิดสิทธิเหนือคนทั่วไปที่จะไม่ให้ใครจำหน่ายยาของบริษัทต่างประเทศนั้นในประเทศไทย ฉะนั้น การที่จำเลยสั่งยาชนิดนั้นจากต่างประเทศมาขายในประเทศไทยบ้าง แม้ยาที่จำเลยสั่งมาขายจะมีสลากใส่กล่อง และใช้สำลีปลอม ก็ไม่ใช่เรื่องโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ซึ่งเป็นแต่ผู้จำหน่ายเท่านั้นโจทก์จะฟ้องหาว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ให้ใช้ค่าเสียหายและทำลายยากับกล่องบรรจุยา ห้ามจำหน่ายยาต่อไปไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 882/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฟ้องคดีแทน, ยาปลอม, การละเมิดเครื่องหมายการค้า: โจทก์ต้องมีอำนาจฟ้องชัดเจน และการแจ้งความโดยสุจริตไม่ถือเป็นการละเมิด
เมื่อโจทก์อ้างว่าได้รับมอบอำนาจให้ฟ้องคดีแทนผู้อื่นมีเอกสารยืนยัน แต่กลับปรากฎแก่ศาลว่า เอกสารที่ว่านี้หามีการมอบอำนาจเช่นนั้นไม่ สิทธิฟ้องคดีแทนก็ตกไป คงเหลือแต่ที่ฟ้องในนามของตัวเอง
ในฟ้องโจทก์กล่าวแต่เพียงว่าสลาก กล่องใส่ยา สำลีในชวด ปลอมแต่ไม่กล่าวว่ายกที่จำเลยสั่งเข้ามาขายนั้นปลอม ดังนี้ เรื่องยาปลอมก็ไม่เป็นประเด็น กลับต้องถือว่าเป็นยาแท้
การที่โจทก์รับมอบให้ขายยาแต่ผู้เดียวนั้น เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับบริษัทผู้มอบ โจทก์หามีสิทธิห้ามคนอื่นมิให้จำหน่ายยาเช่นนั้นไม่
อนึ่ง แม้ยาที่จำเลยจำหน่ายจะมีสลาก กล่อง และสำลีปลอม ก็ไม่ใช่เรื่องโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ซึ่งเป็นแต่ผู้จำหน่ายฟ้องโจทก์จึงไม่มีมูลที่จะว่ากล่าวกับจำเลย
การปลอมและเลียนแบบเครื่องหมายการค้า เป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานจะจับกุมเอง แม้ไม่มีผู้แจ้งความ ฉะนั้น การที่โจทก์ไปแจ้งความ จึงเป็นการช่วยเหลือให้ความสดวกแก่เจ้าพนักงาน ถ้าทำโดยสุจริตไม่มีเจตนากลั่นแกล้ง ย่อมไม่ต้องรับผิด การที่ตำรวจยึดยา เป็นเรื่องใช้ดุลพินิจของเขา การยึดยาก่อนพิพากษาก็เป็นอำนาจของศาลจะถือว่าโจทก์ละเมิดมิได้
ในฟ้องโจทก์กล่าวแต่เพียงว่าสลาก กล่องใส่ยา สำลีในชวด ปลอมแต่ไม่กล่าวว่ายกที่จำเลยสั่งเข้ามาขายนั้นปลอม ดังนี้ เรื่องยาปลอมก็ไม่เป็นประเด็น กลับต้องถือว่าเป็นยาแท้
การที่โจทก์รับมอบให้ขายยาแต่ผู้เดียวนั้น เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับบริษัทผู้มอบ โจทก์หามีสิทธิห้ามคนอื่นมิให้จำหน่ายยาเช่นนั้นไม่
อนึ่ง แม้ยาที่จำเลยจำหน่ายจะมีสลาก กล่อง และสำลีปลอม ก็ไม่ใช่เรื่องโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ซึ่งเป็นแต่ผู้จำหน่ายฟ้องโจทก์จึงไม่มีมูลที่จะว่ากล่าวกับจำเลย
การปลอมและเลียนแบบเครื่องหมายการค้า เป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานจะจับกุมเอง แม้ไม่มีผู้แจ้งความ ฉะนั้น การที่โจทก์ไปแจ้งความ จึงเป็นการช่วยเหลือให้ความสดวกแก่เจ้าพนักงาน ถ้าทำโดยสุจริตไม่มีเจตนากลั่นแกล้ง ย่อมไม่ต้องรับผิด การที่ตำรวจยึดยา เป็นเรื่องใช้ดุลพินิจของเขา การยึดยาก่อนพิพากษาก็เป็นอำนาจของศาลจะถือว่าโจทก์ละเมิดมิได้