พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,307 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 42/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่า พิจารณาจากลักษณะอาวุธและบาดแผล การพิสูจน์เจตนาจากพฤติการณ์
จำเลยใช้มีดยาว 4 นิ้วฟุต กว้าง 2 เซนติเมตร ด้ามเป็นเหล็กแบนติดต่อกับตัวมีด ยาว 5 นิ้วฟุตเศษ แทงเลือกไปแถวหน้าอกผู้ตายในขณะที่ผู้ตายเดินมาหาโดยมิได้ระวังตัว แผลทะลุของปอด เช่นนี้ จำเลยมีความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา
ประชุมใหญ่ครั้งที่ 24/2503
ประชุมใหญ่ครั้งที่ 24/2503
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 42/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากลักษณะอาวุธและบาดแผล: ศาลฎีกาตัดสินคดีทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย
จำเลยใช้มีดยาว 4 นิ้วฟุต กว้าง 2 เซนติเมตรด้ามเป็นเหล็กแบนติดต่อกับตัวมีดยาว 5 นิ้วฟุตเศษ แทงเสือกไปแถวหน้าอกผู้ตายในขณะที่ผู้ตายเดินมาหาโดยมิได้ระวังตัว แผลทะลุช่องปอด เช่นนี้จำเลยมีความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 24/2503)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 24/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1640/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาล: ฟ้องหลายกระทง ศาลพิจารณาเฉพาะกระทงที่อยู่ในอำนาจตนได้ แม้ฟ้องรวมกระทงที่ต้องส่งไปศาลทหาร
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 และ 285 แต่ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์มีข้อเท็จจริงไม่เข้าลักษณะความผิดตาม มาตรา 285 ซึ่งอยู่ในอำนาจศาลทหารเลย แต่เข้าลักษณะการกระทำผิดตามมาตรา 276 ถึงแม้โจทก์จะอ้างมาตรา 285 มาด้วย ก็ไม่เป็นเหตุทำให้ฟ้องของโจทก์ต้องขึ้นศาลทหาร และศาลชั้นต้นก็ไต่สวนประทับฟ้องเฉพาะในข้อกล่าวหาตาม มาตรา 276 ศาลจึงมีอำนาจพิจารณาได้โดยไม่จำต้องสั่งให้โจทก์แก้ฟ้องมายื่นใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1640/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาล: ฟ้องผิดฐาน, ศาลสั่งรับเฉพาะข้อกล่าวหาที่อยู่ในอำนาจ และไม่จำต้องแก้ฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276, 285 แต่ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์มีข้อเท็จจริงไม่เข้าลักษณะความผิดตาม มาตรา 285 ซึ่งอยู่ในอำนาจศาลทหารเลย แต่เข้าลักษณะการกระทำผิดตามมาตรา 276 ถึงแม้โจทก์จะอ้างมาตรา 285 มาด้วย ก็ไม่เป็นเหตุทำให้ฟ้องของโจทก์ต้องขึ้นศาลทหารและศาลชั้นต้นก็ได้ สั่งประทับฟ้องเฉพาะในข้อกล่าวหาตาม มาตรา 276 ศาลจึงมีอำนาจพิจารณาได้ โดยไม่จำต้องสั่งให้โจทก์แก้ฟ้องมายื่นใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1370/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลอุทธรณ์: พิพากษาได้แม้โจทก์อุทธรณ์จำเลยบางส่วน
คดีอาญา ถ้าศาลอุทธรณ์จะพิพากษาไม่ลงโทษหรือลดโทษให้จำเลยหากเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ถึงแม้โจทก์อุทธรณ์ฝ่ายเดียวเฉพาะจำเลยอื่นที่ศาลชั้นต้นยกฟ้องก็ตาม ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยคนที่ถูกศาลชั้นต้นลงโทษในความผิดฐานเดียวกันหรือต่อเนื่องกันได้ คู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ไม่สำคัญตามฎีกาที่1031/2498(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 23/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1370/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลอุทธรณ์ในการแก้ไขโทษจำเลยอื่น แม้โจทก์อุทธรณ์เฉพาะบางจำเลย
คดีอาญา ถ้าศาลอุทธรณ์จะพิพากษาไม่ลงโทษหรือลดโทษให้จำเลย หากเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ถึงแม้โจทก์อุทธรณ์ฝ่ายเดียวเฉพาะจำเลยอื่นที่ศาลชั้นต้นยกฟ้องก็ตาม ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยคนที่ถูกศาลชั้นต้นลงโทษให้ความผิดฐานเดียวกัน หรือต่อเนื่องกันได้ คู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ไม่สำคัญตามฎีกาที่ 1031/2498 (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 23/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1363/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์ vs. ยักยอกทรัพย์สินหาย พิจารณาจากเจตนาและพฤติการณ์
ทรัพย์สินหายเป็นเรื่องที่ทรัพย์หลุดพ้นไปจากความยึดถือของเจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยมิได้ตั้งใจ ไม่ใช่เรื่องสละการครอบครอง ผู้ใดเก็บเอาทรัพย์นั้นไป จะเป็นลักทรัพย์หรือยักยอกทรัพย์สินหาย ต้องพิจารณาตามพฤติการณ์เป็นรายๆ ไป คือถ้าเก็บเอาไปโดยรู้หรือควรรู้ว่าทรัพย์นั้นเจ้าของกำลังติดตามหรือจะติดตามเพื่อเอาคืนก็เป็นลักทรัพย์ ถ้าไม่รู้หรือไม่มีเหตุอันควรรู้ก็เป็นยักยอกทรัพย์สินหาย
รถทหารคว่ำทำให้ปืนทหารตกน้ำ 1 กระบอก ทหารงมหา 2 ครั้งไม่พบ จึงไปแจ้งความที่อำเภอ ต่อมาตอนค่ำวันเดียวกันนั้นเอง จำเลยไปงมเอาปืนนั้นมาขายเสีย แสดงว่าจำเลยรู้หรือควรรู้ว่ารถทหารคว่ำปืนจมน้ำอยู่ แล้วถือโอกาสตอนปลอดผู้คนไปงมเอาปืนที่อยู่ในระหว่างเจ้าของกำลังติดตามเพื่อเอาคืน จึงผิดฐานลักทรัพย์ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 25/2503)
รถทหารคว่ำทำให้ปืนทหารตกน้ำ 1 กระบอก ทหารงมหา 2 ครั้งไม่พบ จึงไปแจ้งความที่อำเภอ ต่อมาตอนค่ำวันเดียวกันนั้นเอง จำเลยไปงมเอาปืนนั้นมาขายเสีย แสดงว่าจำเลยรู้หรือควรรู้ว่ารถทหารคว่ำปืนจมน้ำอยู่ แล้วถือโอกาสตอนปลอดผู้คนไปงมเอาปืนที่อยู่ในระหว่างเจ้าของกำลังติดตามเพื่อเอาคืน จึงผิดฐานลักทรัพย์ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 25/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1363/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงมทรัพย์สินที่ตกหล่น: ลักทรัพย์หรือยักยอกทรัพย์สินหาย พิจารณาจากเจตนาและสถานการณ์
ทรัพย์สินหายเป็นเรื่องที่ทรัพย์หลุดพ้น ไปจากความยึดถือของเจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยมิได้ตั้งใจ ไม่ใช่เรื่องสละการครอบครอง ผู้ใดเก็บเอาทรัพย์นั้นไป จะเป็นลักทรัพย์หรือยักยอกทรัพย์สินหาย ต้องพิจารณาตามพฤติการณ์เป็นราย ๆ ไป คือ ถ้าเก็บเอาไปโดยรู้หรือควรรู้ว่าทรัพย์นั้นเจ้าของกำลังติดตามหรือจะติดตามเพื่อเอาคืนเป็นลักทรัพย์ ถ้าไม่รู้หรือไม่มีเหตุอันควรรู้เป็นยักยอก ทรัพย์สินหาย
รถทหารคว่ำทำให้ปืนทหารตกน้ำ 1 กระบอก ทหารงมหา 2 ครั้งไม่พบ จึงไปแจ้งความที่อำเภอ ต่อมาค่ำวันเดียวกันนั้นเอง จำเลยไปจมเอาปืนนั้นมาขายเสียแสดงว่าจำเลยรู้หรือควรรู้ว่ารถทหารคว่ำปืนจมน้ำอยู่ แล้วถือโอกาสตอนปลอดผู้คนไปงมเอาปืนที่อยู่ในระหว่างเจ้าของกำลังติดตามเพื่อเอาคืน จึงผิดฐานลักทรัพย์
(ประชมใหญ่ครั้งที่ 25/2503)
รถทหารคว่ำทำให้ปืนทหารตกน้ำ 1 กระบอก ทหารงมหา 2 ครั้งไม่พบ จึงไปแจ้งความที่อำเภอ ต่อมาค่ำวันเดียวกันนั้นเอง จำเลยไปจมเอาปืนนั้นมาขายเสียแสดงว่าจำเลยรู้หรือควรรู้ว่ารถทหารคว่ำปืนจมน้ำอยู่ แล้วถือโอกาสตอนปลอดผู้คนไปงมเอาปืนที่อยู่ในระหว่างเจ้าของกำลังติดตามเพื่อเอาคืน จึงผิดฐานลักทรัพย์
(ประชมใหญ่ครั้งที่ 25/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1360/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายสินบริคณห์โดยความยินยอมของสามี: สัญญาไม่จำเป็นต้องทำเป็นหนังสือ
การที่ภริยาทำสัญญาจะขายที่ดินมีโฉนดอันเป็นสินบริคณห์ให้โจทก์โดยภริยาได้รับเงินราคาที่ดินบางส่วนแล้วและโดยสามีรู้เห็นยินยอมแล้วนั้น เป็นกรณีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 วรรคสอง ซึ่งไม่ต้องทำสัญญาเป็นหนังสือก็ใช้ได้ ฉะนั้นความยินยอมของสามีจึงไม่ต้องทำเป็นหนังสือตามมาตรา 1476 โจทก์ฟ้องขอให้บังคับภริยาโอนขายที่ดินให้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1360/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความยินยอมสามีขายสินบริคณห์: ไม่ต้องทำหนังสือหากได้รับเงินค่าขายแล้ว
การที่ภริยาทำสัญญาจะขายที่ดินมีโฉนดอันเป็นสินบริคณห์ให้โจทก์ โดยภริยาได้รับเงินราคาที่ดินบางส่วนแล้ว และโดยสามีรู้เห็นยินยอมแล้วนั้น เป็นกรณีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 วรรค 2 ซึ่งไม่ต้องทำสัญญาเป็นหนังสือก็ใช้ได้ ฉะนั้น ความยินยอมของสามีจึงไม่ต้องทำเป็นหนังสือตามมาตรา 1476 โจทก์ฟ้องขอให้บังคับภริยาโอนขายที่ดินได้