พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,307 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1255/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วันธรรมสวนะไม่ใช่ 'วันหยุดงาน' ตามพรบ.แรงงาน ลูกจ้างจึงไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้างในวันดังกล่าว
การหยุดงานวันธรรมสวนะตามประกาศสำนักคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2499 ถือว่าเป็นวันหยุดราชการปกติประจำสัปดาห์ ลูกจ้างไม่สิทธิได้รับเงินค่าจ้างสำหรับวันหยุดทำงานตามพระราชบัญญัติแรงงาน มาตรา 25
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1255/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วันธรรมสวนะไม่ใช่วันหยุดตามกฎหมายแรงงาน ลูกจ้างไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้าง
การหยุดงานวันธรรมสวนะตามประกาศสำนักคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2499 ถือว่า เป็นวันหยุดราชการปกติประจำสัปดาห์ลูกจ้างไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าจ้างสำหรับวันหยุดทำงานตามพระราชบัญญัติแรงงาน มาตรา 25
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1242/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บันดาลโทสะจากการถูกทำร้าย: ศาลลดหย่อนโทษจำเลยที่ถูกข่มเหงก่อนลงมือ
ผู้ตายไปลอบดักทำร้ายและได้ลงมือต่อยเตะจำเลยก่อนนั้นนับว่าจำเลยได้ถูกกดขี่ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมแล้ว ฉะนั้น เมื่อจำเลยชักหลาวออกมาไล่ทำร้ายและแทงผู้ตาย การกระทำของจำเลยจึงเข้าอยู่ในลักษณะบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมและได้กระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น
แม้จำเลยจะมิได้ยกเรื่องยั่วโทสะขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ เมื่อทางพิจารณาปรากฏว่า มีเหตุตามกฎหมายที่จำเลยจะได้รับการลดหย่อนโทษ ศาลก็มีอำนาจที่จะยกขึ้นวินิจฉัยให้จำเลยได้รับผลตามกฎหมายนั้นได้
แม้จำเลยจะมิได้ยกเรื่องยั่วโทสะขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ เมื่อทางพิจารณาปรากฏว่า มีเหตุตามกฎหมายที่จำเลยจะได้รับการลดหย่อนโทษ ศาลก็มีอำนาจที่จะยกขึ้นวินิจฉัยให้จำเลยได้รับผลตามกฎหมายนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1227/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเฉลี่ยทรัพย์ของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา: ศาลต้องพิจารณาหนี้สมยอมเพื่อคุ้มครองสิทธิโจทก์
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ที่โจทก์นำยึดทรัพย์ของจำเลยไว้เพื่อขายชำระหนี้ตามคำพิพากษา โดยผู้ร้องอ้างว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้จำเลยตามคำพิพากษาอีกคดีหนึ่งและว่า จำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นใดอีกแล้วเช่นนี้ แม้โจทก์จะยอมรับว่าผู้ร้องไม่มีทรัพย์สินอื่นใดอีกและยอมรับว่าผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้จำเลยตามคำพิพากษาในคดีที่ผู้ร้องอ้างจริงก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ยังคัดค้านอยู่ว่า หนี้ตามคำพิพากษาที่ผู้ร้องอ้างมาขอเฉลี่ยทรัพย์นั้นเป็นหนี้ที่เกิดจากการสมยอมกันระหว่างผู้ร้องกับจำเลย ดังนี้ศาลไม่ชอบที่จะสั่งงดไต่สวนและอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยทรัพย์ได้เลย เพราะคำพิพากษาในคดีระหว่างผู้ร้องกับจำเลยนั้นไม่มีผลผูกพันโจทก์ในคดีนี้ซึ่งมิได้เป็นคู่ความด้วยในคดีนั้น โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะโต้แย้งคัดค้านว่า หนี้ตามคำพิพากษาที่ผู้ร้องอ้างมาขอเฉลี่ยนั้น เป็นหนี้ที่ไม่ชอบไม่ควรอย่างใดก็ย่อมได้เพื่อศาลจะได้ไม่ยอมให้ผู้ร้องเฉลี่ย ศาลจะต้องดำเนินการพิจารณาไต่สวนคำขอเฉลี่ยทรัพย์ของผู้ร้องกับคำคัดค้านของโจทก์ แล้ววินิจฉัยสั่งไปตามประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1227/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเฉลี่ยทรัพย์: สิทธิเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา vs. การโต้แย้งหนี้สมยอม
ผู้ร้องยื่นคำร้อง ขอเฉลี่ย ทรัพย์ที่โจทก์นำยึดทรัพย์ของจำเลยไว้เพื่อขายชำระหนี้ ตามคำพิพากษา โดยผู้ร้องอ้างว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้จำเลยตามคำพิพากษาอีกคดีหนึ่งและว่า จำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นใดอีกแล้ว เช่นนี้ แม้โจทก์จะยอมรับว่าผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ จำเลยตามคำพิพากษาในคดีที่ผู้ร้องอ้างจริง ก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ยังคัดค้านอยู่ว่า หนี้ตามคำพิพากษาที่ผู้ร้องอ้างมาขอเฉลี่ยทรัพย์นั้น เป็นหนี้ ที่เกิดการสมยอมกันระหว่างผู้ร้องกับจำเลย ดังนี้ ศาลไม่ชอบที่จะสั่งงดไต่สวนและอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยทรัพย์ได้เลย เพราะคำพิพากษาในคดีระหว่างผู้ร้องกับจำเลยนั้นไม่มีผลพูกพันโจทก์ในคดีนี้ซึ่งมิได้เป็นคู่ความด้วยในคดีนั้น โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะโต้แย้งคัดค้านว่า หนี้ตามคำพิพากษาที่ผู้ร้องอ้างมาขอเฉลี่ยนั้น เป็นหนี้ที่ไม่ชอบไม่ควรอย่างใดก็ย่อมได้ ศาลจะต้องดำเนินการไต่สวนคำขอเฉลี่ยทรัพย์ของผู้ร้องกับคำคัดค้านของโจทก์ แล้ววินิจฉัยสั่งไปตามประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1217/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลำดับการนำสืบพยานในคดีอาญาที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เดียวกัน ศาลต้องให้โจทก์นำสืบก่อน
คดีอาญามูลกรณีเดียวกันซึ่งผู้ว่าคดีฯฟ้องโจทก์เป็นจำเลยสำนวนหนึ่งฐานทะเลาะวิวาทกับนายเจียวไซกับพวกในที่สาธารณสถานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 372 แล้ว โจทก์ยื่นฟ้องนายเจียวไซกับพวกเป็นจำเลยฐานทำร้ายร่างกายโจทก์ถึงอันตรายตามมาตรา 295 อีกสำนวนหนึ่ง ศาลชั้นต้นสั่งรวมพิจารณาโดยให้ผู้ว่าคดีฯในสำนวนแรกนำสืบก่อน นั้น จะสั่งให้จำเลยในสำนวนหลังซึ่งเป็นพยานของผู้ว่าคดีฯ สำนวนแรกนำสืบในฐานะเป็นจำเลยในสำนวนหลังไปเลยทีเดียว แล้วจึงให้โจทก์คดีนี้นำสืบทีหลังในฐานะเป็นโจทก์คดีนี้และเป็นจำเลยคดีแรกด้วยไม่ได้ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 174
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1217/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลำดับการนำสืบพยานในคดีอาญาที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เดียวกัน ศาลฎีกาเห็นชอบกับลำดับเดิมที่ศาลชั้นต้นสั่ง
คดีอาญามูลกรณีเดียวกัน ซึ่งผู้ว่าคดีฯ ฟ้องโจทก์เป็นจำเลยสำนวนหนึ่งฐานทะเลาะวิวาทกับนายเจียวไซกับพวกในที่สาธารณสถานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 372 แล้ว โจทก์ยื่นฟ้องนายเจียวไซ กับพวกเป็นจำเลยฐานทำร้ายร่างกาย โจทก์ถึงอันตรายตามมาตรา 295 ศาลชั้นต้นสั่งรวมพิจารณาโดยให้ผู้ว่าคดี ฯ ในสำนวนแรกนำสืบก่อน นั้น จะสั่งให้จำเลยในสำนวนหลังซึ่งเป็นพยานของผู้ว่าคดีฯ สำนวนแรกนำสืบในฐานะเป็นจำเลยในสำนวนหลังไปเลยทีเดียว แล้วจึงให้โจทก์คดีนี้นำสืบทีหลังในฐานะเป็นโจทก์คดีนี้และเป็นจำเลยคดีแรกด้วยไม่ได้ไม่ชอบด้วยประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 174
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1170/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องแย่งการครอบครองที่ดินมือเปล่า และสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายที่เกี่ยวข้อง
โจทก์ซื้อที่ดินมือเปล่าจากการขายทอดตลาดของศาลเมื่อพ.ศ.2492 โดยโจทก์มิได้เข้าครอบครองเลย โจทก์เคยถูกจำเลยที่ 1 ฟ้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดที่พิพาทดังกล่าว ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องคดีถึงที่สุดเพียงชั้นศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้คู่ความฟังเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2497 ต่อมาวันที่ 16 มิถุนายน 2499 โจทก์มาฟ้องว่าระหว่างพ.ศ.2492 ถึง 2499 จำเลยทั้งสามบุกรุกเข้าทำนาในที่พิพาท ขอให้ขับไล่และเรียกค่าเสียหาย จำเลยต่อสู้เรื่องอายุความ เช่น นี้ถือว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความเพราะโจทก์ไม่ฟ้องคดีเสียภายใน 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375
เมื่อศาลวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิจะเรียกร้องค่าเสียหายได้
ในกรณีดังกล่าวข้างต้น โจทก์จะอ้างว่าโจทก์มีสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 ว่า ชอบที่จะร้องได้ภายใน 10 ปี หาได้ไม่ เพราะมาตรา 271 เป็นบทบัญญัติถึงสิทธิของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาที่จะร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาตามที่โจทก์ถูกจำเลยที่ 1 ฟ้องในคดีก่อนและศาลยกฟ้องไปนั้น มิได้ทำให้โจทก์มีสิทธิในฐานะเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเหนือจำเลยในคดีนี้อย่างใด กรณีไม่เข้าบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271
เมื่อศาลวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิจะเรียกร้องค่าเสียหายได้
ในกรณีดังกล่าวข้างต้น โจทก์จะอ้างว่าโจทก์มีสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 ว่า ชอบที่จะร้องได้ภายใน 10 ปี หาได้ไม่ เพราะมาตรา 271 เป็นบทบัญญัติถึงสิทธิของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาที่จะร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาตามที่โจทก์ถูกจำเลยที่ 1 ฟ้องในคดีก่อนและศาลยกฟ้องไปนั้น มิได้ทำให้โจทก์มีสิทธิในฐานะเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเหนือจำเลยในคดีนี้อย่างใด กรณีไม่เข้าบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1142/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานคำเบิกความในชั้นไต่สวนมูลฟ้องใช้ได้ในการพิจารณาคดีได้ ศาลใช้ดุลพินิจรับฟัง
คำพยานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องซึ่งศาลต้องจดไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญานั้น เป็นพยานเอกสารอย่างหนึ่งซึ่งน่าจะพิสูจน์ได้ว่า จำเลยมีผิดหรือบริสุทธิ์จึงชอบที่จะอ้างเป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีได้ส่วนที่จะรับฟังหรือไม่เพียงใดเป็นดุลพินิจของศาลที่พิจารณาจะวินิจฉัยอีกชั้นหนึ่ง
ฉะนั้น เมื่อศาลล่างฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาโดยวินิจฉัยถึงคำเบิกความของโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องประกอบกับคำพยานอื่นที่ได้มาเบิกความในชั้นพิจารณาจึงไม่เป็นการผิดต่อกฎหมายแต่อย่างใด
ฉะนั้น เมื่อศาลล่างฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาโดยวินิจฉัยถึงคำเบิกความของโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องประกอบกับคำพยานอื่นที่ได้มาเบิกความในชั้นพิจารณาจึงไม่เป็นการผิดต่อกฎหมายแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1142/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานคำเบิกความในชั้นไต่สวนมูลฟ้องใช้ได้ในการพิจารณาคดี ศาลใช้ดุลพินิจในการรับฟัง
คำพยานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องซึ่งศาลต้องจดไว้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญานั้น เป็นพยานเอกสารอย่างหนึ่ง ซึ่งน่าจะพิสูจน์ได้ว่า จำเลยมีผิดหรือบริสุทธิ์จึงชอบที่จะอ้างเป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีได้ ส่วนที่จะรับฟังหรือไม่เพียงใดเป็นดุลพินิจของศาลที่พิจารณาจะวินิจฉัยอีกชั้นหนึ่ง
ฉะนั้น เมื่อศาลล่างฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาโดยวินิจฉัยถึงคำเบิกความของโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องประกอบกับคำพยานอื่นที่ได้มาเบิกความในชั้นพิจารณาจึงไม่เป็นการผิดต่อกฎหมาย แต่อย่างใด
ฉะนั้น เมื่อศาลล่างฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาโดยวินิจฉัยถึงคำเบิกความของโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องประกอบกับคำพยานอื่นที่ได้มาเบิกความในชั้นพิจารณาจึงไม่เป็นการผิดต่อกฎหมาย แต่อย่างใด