พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,307 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1279/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กระทำอนาจารต่อหน้าธารกำนัล แม้ไม่มีผู้เห็นเหตุการณ์หรือการร้องทุกข์ ก็ดำเนินคดีได้หากเป็นการประทุษร้าย
จำเลยกระทำอนาจารต่อหน้าธารกำนัล ซึ่งเป็นความผิดอันไม่อาจยอมความได้นั้น แม้ไม่มีการร้องทุกข์ เจ้าพนักงานก็ดำเนินคดีแก่จำเลยได้
จำเลยจับนมผู้เสียหายในรถประจำทางซึ่งมีคนโดยสารแน่นนั้น เป็นการกระทำต่อหน้าธารกำนัล แม้มิได้มีพยานรู้เห็นการกระทำของจำเลยมาเบิกความในชั้นศาล
การที่จำเลยจับนมผู้เสียหายโดยไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายได้อนุญาตยินยอมนั้น เป็นการใช้กำลังประทุษร้ายตามมาตรา 278 แล้ว
จำเลยจับนมผู้เสียหายในรถประจำทางซึ่งมีคนโดยสารแน่นนั้น เป็นการกระทำต่อหน้าธารกำนัล แม้มิได้มีพยานรู้เห็นการกระทำของจำเลยมาเบิกความในชั้นศาล
การที่จำเลยจับนมผู้เสียหายโดยไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายได้อนุญาตยินยอมนั้น เป็นการใช้กำลังประทุษร้ายตามมาตรา 278 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1260/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้มัสยิด แม้มัสยิดยังไม่ได้เป็นนิติบุคคลเมื่อยกให้ แต่เมื่อเป็นนิติบุคคลแล้ว ย่อมมีสิทธิเรียกร้องกรรมสิทธิ์คืน
การยกที่ดินให้มัสยิดโจทก์ขณะยังไม่มีสภาพเป็นนิติบุคคลจะสมบูรณ์หรือไม่ก็ตามหากต่อมามัสยิดโจทก์มีสภาพเป็นนิติบุคคลขึ้น และมีความประสงค์ให้จำเลยซึ่งมีฐานะเป็นเพียงผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินนั้นแทนมัสยิดส่งมอบที่ดินคืนจำเลยย่อมหมดหน้าที่ที่จะยึดถือที่ดินไว้แทนมัสยิดโจทก์อีกต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1231/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
งดสืบพยานผู้เชี่ยวชาญได้ หากมีพยานหลักฐานมั่นคงและเห็นได้ชัดว่าเป็นการประวิงคดี
พยานผู้เชี่ยวชาญนั้นเป็นพยานแสดงความคิดเห็นตามหลักวิชาแม้จะเป็นพยานที่ศาลรับฟัง แต่ก็มิใช่ว่าจะต้องเชื่อตามเสมอไปคำพยานชนิดนี้จะมีน้ำหนักยิ่งกว่าประจักษ์พยานหรือไม่นั้น ก็ต้องพิจารณาตามรูปเรื่องเหตุผลและพยานหลักฐานอื่นประกอบกัน ในกรณีที่โจทก์อ้างเอกสารที่มีลายมือชื่อของจำเลย แต่จำเลยปฏิเสธว่าไม่ใช่ลายมือชื่อของตน และจำเลยจะขอให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ (เมื่อได้สืบพยานอื่นๆ ของจำเลยแล้ว) ถ้าโจทก์มีพยานหลักฐานมั่นคงน่าเชื่อว่าเป็นลายมือชื่อของจำเลยแล้ว ทั้งการดำเนินกระบวนพิจารณาของจำเลยมีเค้ามูลน่าเชื่อว่าเป็นการประวิงคดีแล้ว ศาลมีอำนาจสั่งงดสืบพยานผู้เชี่ยวชาญที่จำเลยขออ้างนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1170/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำมั่นสัญญาเช่าต่ออายุต้องแสดงเจตนาภายในกำหนดสัญญาเช่า มิฉะนั้นสัญญาย่อมไม่ผูกพัน
คำมั่นที่ผู้ให้เช่าตกลงว่า เมื่อสัญญาเช่าครบกำหนดแล้วยินยอมจะให้ต่ออายุสัญญาเช่าต่อไปอีกได้นั้น ผู้เช่าต้องแสดงความจำนงขอปฏิบัติตามคำมั่นเสียก่อนครบกำหนดอายุสัญญาเช่า มิฉะนั้น หามีผลที่จะบังคับกันได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1170/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำมั่นสัญญาต่ออายุสัญญาเช่าต้องแสดงเจตนาภายในกำหนด หากพ้นกำหนดสัญญาเช่าแล้ว สิทธิเรียกร้องตามคำมั่นนั้นเป็นอันสิ้นไป
คำมั่นที่ผู้ให้เช่าตกลงว่า เมื่อสัญญาเช่าครบกำหนดแล้ว ยินยอมจะให้ต่ออายุสัญญาเช่าต่อไปอีกได้นั้น ผู้เช่าต้องแสดงความจำนงขอปฎิบัติตามคำมั่นเสียก่อน ครบกำหนดอายุสัญญาเช่า มิฉะนั้น หามีผลที่จะบังคับกันได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1137/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางอาญาของผู้เลี้ยงสัตว์ ปล่อยปละละเลยให้สัตว์ทำลายทรัพย์สินผู้อื่น
โคเป็นของจำเลยและพ่อตารวมกัน จำเลยเป็นผู้เลี้ยงดูรักษาแต่ผู้เดียว โดยเวลาเช้าจำเลยก็เปิดคอกปล่อยโคให้ออกหากินโดยลำพัง ไม่มีคนคอยควบคุมเลี้ยงดูรักษา ตกเวลาเย็นจำเลยจึงไปไล่กลับมาเข้าคอก ดังนี้ต้องถือว่าจำเลยเป็นผู้ควบคุมสัตว์ตามความหมายแพ่ง ประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 395แล้ว การที่จำเลยไม่ควบคุมปล่อยปละละเลยให้โคเข้าไปกัดกินพืชพันธุ์ในไร่ของผู้เสียหายปลูกไว้ จึงมีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1137/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้เลี้ยงสัตว์ปล่อยปละละเลย ทำให้สัตว์เข้าทำลายทรัพย์สินผู้อื่น
โคเป็นของจำเลยและพ่อตารวมกัน จำเลยเป็นผู้เลี้ยงดูรักษาแต่ผู้เดียว โดยเวลาเช้าจำเลยก็เปิดคอกปล่อยโคให้ออกหากินโดยลำพัง ไม่มีคนคอยควบคุมเลี้ยงดูรักษา ตกเวลาเย็นจำเลยจึงไปไล่กลับมาเข้าคอก ดังนี้ต้องถือว่าจำเลยเป็นผู้ควบคุมสัตว์ตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 395 แล้ว การที่จำเลยไม่ควบคุมปล่อยปละละเลยให้โคเข้าไปกัดกินพืชพันธุ์ในไร่ของผู้เสียหายปลูกไว้จึงมีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1122/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเล่นบิลเลียดเพื่อรื่นเริงในสมาคม แม้ผู้เล่นไม่ใช่สมาชิกก็ไม่ผิด หากสมาคมเก็บค่าเกมพอสมควร
แม้ผู้เล่นพนันบิลเลียดเพื่อความรื่นเริงในสมาคม โดยสมาคมเก็บค่าเกมพอสมควรจะมิใช่สมาชิกของสมาคมก็ตาม ผู้เล่นก็ไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1117/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการวินิจฉัยข้อเท็จจริงในชั้นอุทธรณ์และฎีกา: เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัย ศาลฎีกาไม่สามารถวินิจฉัยได้
คดีไม่มีทุนทรัพย์(คดีฟ้องขับไล่)ที่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงนั้น แม้จะไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงด้วย ศาลฎีกาก็รับพิจารณาข้อเท็จจริงที่ได้ว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์เท่านั้น
ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยข้อเท็จจริงให้เพราะต้องห้ามอุทธรณ์ต้องถือว่าข้อเท็จจริงนั้นมิได้ว่ากันมาในศาลอุทธรณ์ แม้คดีจะฎีกาข้อเท็จจริงได้ ศาลฎีกาก็ไม่วินิจฉัยข้อเท็จจริงนี้ให้
ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยข้อเท็จจริงให้เพราะต้องห้ามอุทธรณ์ต้องถือว่าข้อเท็จจริงนั้นมิได้ว่ากันมาในศาลอุทธรณ์ แม้คดีจะฎีกาข้อเท็จจริงได้ ศาลฎีกาก็ไม่วินิจฉัยข้อเท็จจริงนี้ให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1117/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาในประเด็นข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยเนื่องจากต้องห้าม
คดีไม่มีทุนทรัพย์ (คดีฟ้องขับไล่) ที่ต้องห้ามอุทธรณ์ ในปัญหาข้อเท็จจริงนั้น แม้จะไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงด้วย ศาลฎีกาก็รับพิจารณาข้อเท็จจริงที่ได้ว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์เท่านั้น
ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยข้อเท็จจริงให้เพราะต้องห้ามอุทธรณ์ ต้องถือว่าข้อเท็จจริงนั้นมิได้ว่ากันมาในศาลอุทธรณ์ แม้คดีจะฎีกาข้อเท็จจริงได้ ศาลฎีกาก็ไม่วินิจฉัยข้อเท็จจริงนี้ให้
ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยข้อเท็จจริงให้เพราะต้องห้ามอุทธรณ์ ต้องถือว่าข้อเท็จจริงนั้นมิได้ว่ากันมาในศาลอุทธรณ์ แม้คดีจะฎีกาข้อเท็จจริงได้ ศาลฎีกาก็ไม่วินิจฉัยข้อเท็จจริงนี้ให้