คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ชวน สิงหลกะ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,307 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 674/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องอาญาทางลัดโดยรายละเอียดการบาดเจ็บสาหัสเพียงพอต่อการดำเนินคดี
โจทก์ฟ้องด้วยวาจาและศาลบันทึกไว้ว่า จำเลยได้ขับรถยนต์ชนนายอุ้นไก่ซึ่งขับจักรยานยนต์สวนทางมา ล้มลงบาดเจ็บสาหัส รักษา 45 วันหายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 300 ดังนี้ ถือว่าโจทก์ได้ฟ้องด้วยวาจาโดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับบาดเจ็บสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 แล้ว ศาลจึงบันทึกไว้เช่นนั้น (อ้างฎีกาที่1121/2502)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 674/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาโดยการฟ้องด้วยวาจาและรายละเอียดบาดเจ็บสาหัสเพียงพอต่อการดำเนินคดี
โจทก์ฟ้องด้วยวาจาและศาลบันทึกไว้ว่า จำเลยได้ขับรถยนต์ ชนนายอุ้นไก่ ซึ่งขับรถจักรยานยนต์สวนทางมา ล้มลงบาดเจ็บสาหัส รักษา 45 วันหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา ม. 300 ดังนี้ ถือว่าโจทก์ได้ฟ้องด้วยวาจา โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับบาดเจ็บสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา ม.297 แล้ว ศาลจึงบันทึกไว้เช่นนั้น(อ้างฎีกาที่ 1121/2502)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 661/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญาหลังพนักงานสอบสวนสั่งไม่ฟ้อง แต่พนักงานอัยการสั่งฟ้อง
คดีอาญาอยู่ในอำนาจศาลแขวงพนักงานสอบสวนมีคำสั่งไม่ฟ้องและจำเลยมีประกันตัว แต่พนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้อง ดังนี้ กรณีต้องบังคับด้วยมาตรา 10 (2) และ 12 เท่านั้น หาตกอยู่ในบังคับมาตรา 7 และ 9 ไม่ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องโดยไม่ต้องขออนุญาตอธิบดีกรมอัยการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 661/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญาหลังพนักงานสอบสวนสั่งไม่ฟ้อง: การบังคับใช้มาตรา 10(2) และ 12 พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวง
คดีอาญาอยู่ในอำนาจศาลแขวงพนักงานสอบสวนมีคำสั่งไม่ฟ้องและจำเลยมีประกันตัว แต่พนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องดังนี้ กรณีต้องบังคับด้วยมาตรา 10(2) และ 12 แห่ง พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯเท่านั้นหาตกอยู่ในบังคับมาตรา 7 และ 9 ไม่โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องโดยไม่ต้องขออนุญาตอธิบดีกรมอัยการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 630/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่ทนายหลังถอนมอบอำนาจ: การแจ้งผลคำพิพากษาและการกระทำการแทนตัวความ
โจทก์แต่งให้จำเลยเป็นทนายฟ้องคดีให้โจทก์ จำเลยได้ดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลชั้นต้น เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์แพ้คดี โจทก์ขอถอนจำเลยออกจากการเป็นทนายใหม่เป็นผู้ดำเนินคดีชั้นอุทธรณ์ต่อมา ดังนี้ หน้าที่ทนายความระหว่างจำเลยกับโจทก์เป็นอันสิ้นสุดลง แต่ในแง่ที่เกี่ยวกับศาลและคนอื่น จำเลยยังเป็นทนายของโจทก์อยู่ เพราะโจทก์จำเลยยังหาได้แจ้งถอนหรือเลิกการแต่งตั้งไม่
การที่จำเลยเซ็นรับทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีซึ่งตนพ้นจากหน้าที่ทนายแล้ว มีผลเท่ากับจำเลยทำกิจการแทนโจทก์ โดยที่ตนไม่มีสิทธิ์ที่จะกระทำการนั้น จำเลยต้องบอกกล่าวแก่โจทก์โดยเร็ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 630/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่ทนายหลังถอนจากกรณี – การแจ้งผลคำพิพากษาและการปฏิบัติหน้าที่แทนตัวความ
โจทก์แต่งให้จำเลยเป็นทนายฟ้องคดีให้โจทก์จำเลยได้ดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลชั้นต้นเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์แพ้คดีโจทก์ขอถอนจำเลยออกจากการเป็นทนายโดยจำเลยยินยอมโจทก์ตั้งทนายใหม่เป็นผู้ดำเนินคดีชั้นอุทธรณ์ต่อมา ดังนี้ หน้าที่ทนายความระหว่างจำเลยกับโจทก์เป็นอันสิ้นสุดลง แต่ในแง่ที่เกี่ยวกับศาลและคนอื่น จำเลยยังเป็นทนายของโจทก์อยู่ เพราะโจทก์จำเลยยังหาได้แจ้งถอนหรือเลิกการการแต่งตั้งไม่
การที่จำเลยเซ็นรับทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีซึ่งตนพ้นจากหน้าที่ทนายแล้ว มีผลเท่ากับจำเลยทำกิจการแทนโจทก์ โดยที่ตนไม่มีสิทธิที่จะกระทำการนั้นจำเลยต้องบอกกล่าวแก่โจทก์โดยเร็ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 549/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลแขวงให้คดีมีมูลเด็ดขาด ไม่อุทธรณ์ฎีกาได้ แม้มีข้อโต้แย้งเรื่องอำนาจฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง
ศาลแขวงไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า คดีมีมูลและประทับฟ้องส่งสำนวนให้อัยการดำเนินการ คำสั่งของศาลแขวงที่ให้คดีมีมูลย่อมเด็ดขาด จำเลยจะอุทธรณ์ฎีกาว่า ผู้ว่าคดีโจทก์ฟ้องคดีพ้นระยะเวลาตามที่ กำหนดไว้ใน มาตรา 7 แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแขวงฯ พ.ศ. 2499 โดยไม่มีการขอและรับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการตาม มาตรา 9 แห่ง พ.ร.บ. นั้น โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ดังนี้ หาได้ไม่
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 549/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลแขวงให้คดีมีมูลเด็ดขาด ห้ามอุทธรณ์ฎีกา แม้มีข้อโต้แย้งเรื่องอำนาจฟ้อง
ศาลแขวงไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีมีมูลและประทับฟ้องส่งสำนวนให้อัยการดำเนินการ คำสั่งของศาลแขวงที่ให้คดีมีมูลย่อมเด็ดขาดจำเลยจะอุทธรณ์ฎีกาว่าผู้ว่าคดีโจทก์ฟ้องคดีพ้นระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ใน มาตรา 7 แห่ง พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ พ.ศ.2499โดยไม่มีการขอและรับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการตาม มาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัตินั้นโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องดังนี้ หาได้ไม่ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 536-537/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงจัดหางาน: สำนักงานส่งเสริมอาชีพเข้าข่ายสำนักงานจัดหางานต้องขออนุญาต
สำนักงานของจำเลยรับจัดหางานให้แก่ผู้มาสมัครเข้ารับการอบรมวิชาชีพโดยรับจะฝากเข้าทำงานในสำนักงาน องค์การหรือห้างร้านบริษัทต่าง ๆ การกระทำเช่นนี้ย่อมได้ชื่อว่า เป็นคนกลางระหว่างนายจ้างผู้ต้องการลูกจ้างผู้ต้องการหางานทำโดยคนกลางจะทำให้เปล่าหรือคิดสินจ้างก็ตาม หรือแม้จำเลยจะตั้งสำนักงานนี้เพี้ยนไปว่า สำนักงานส่งเสริมอาชีพ ก็ตาม หรือแม้ถึงว่าจำเลยจะอ้างว่าสำนักงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทจำกัด สำนักงานนี้ก็คงเป็นสำนักงานจัดหางาน ตามความหมายใน มาตรา 3 แห่ง พ.ร.บ. ว่าด้วย สำนักงานจัดหางาน พ.ศ. 2475
จำเลยวางแผนหลอกลวงเพื่อฉ้อโกงเอาเงินประชาชนทั่ว ๆ ไป โดยพิมพ์ใบปลิวโฆษณาข้อความอันเป็นเท็จให้ประชาชนหลงเชื่อเพื่อมาสมัครรับการอบรมวิชาชีพ โดยทุกคนต้องส่งมอบเงินให้แก่จำเลยด้วย เมื่อมีผู้หลงเชื่อมาสมัคร จำเลยก็ให้ส่งมอบเงินให้แก่จำเลย แล้วจำเลยก็หาได้ทำการอบรมเป็นกิจลักษณะอย่างใดไม่ จนเป็นที่เห็นว่าผู้สมัครเหล่านั้น จะไม่ได้งานทำตามที่จำเลยโฆษณาไว้ให้หลงเชื่อ ครั้นขอเงินคืน จำเลยก็ไม่มีเงินจะคืนให้ การกระทำของจำเลยก็ไม่มีความผิดฐานฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 463/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อของทั้งสองฝ่าย ศาลกำหนดค่าสินไหมทดแทนตามส่วนแห่งความยิ่งหย่อน
เมื่อความเสียหายเกิดขึ้นโดยความประมาทเลินเล่อของโจทก์จำเลยด้วยกันทั้งสองฝ่าย กฎหมายให้ศาลกำหนดค่าสินไหนทดแทนสูงค่ำตามส่วนแห่งความยิ่งหย่อนของผู้มีส่วนก่อให้เกิดความเสียหาย
of 131