พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,307 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 217/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ทางเดินโดยถือวิสาสะไม่ถือเป็นการได้สิทธิภารยทรัพย์โดยการครอบครองปรปักษ์
คำว่าวิสาสะพจนานุกรมวิเคราะห์ศัพท์ว่าความคุ้นเคยสนิทสนมการถือว่าเป็นกันเอง
เมื่อข้อเท็จจริงฟังว่าโจทก์ได้ถือวิสาสะใช้ทางเดินผ่านที่จำเลยทางพิพาทก็ไม่ตกเป็นภาระจำยอมตามกฎหมาย
เมื่อข้อเท็จจริงฟังว่าโจทก์ได้ถือวิสาสะใช้ทางเดินผ่านที่จำเลยทางพิพาทก็ไม่ตกเป็นภาระจำยอมตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 217/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ทางเดินโดยถือวิสาสะ ไม่ถือเป็นการใช้สิทธิโดยปรปักษ์ ไม่เกิดภาระจำยอม
คำว่า วิสาสะ พจนานุกรมวิเคราะห์ศัพท์ว่า ความคุ้นเคย สนิทสนม การถือว่าเป็นกันเอง
เมื่อข้อเท็จจริงฟังโจทก์ได้ถือวิสาสะใช้ทางเดินผ่านที่จำเลยทางพิพาทก็ไม่ตกเป็นภาระจำยอมตามกฎหมาย
เมื่อข้อเท็จจริงฟังโจทก์ได้ถือวิสาสะใช้ทางเดินผ่านที่จำเลยทางพิพาทก็ไม่ตกเป็นภาระจำยอมตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 216/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาและการถอนคำร้องขอสืบพยาน ทำให้ไม่อุทธรณ์ฎีกาได้ตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นสั่งให้ผู้ร้องขัดทรัพย์นำสืบก่อนถึงวันนัดผู้ร้องขัดทรัพย์ไม่ได้ระบุพยานและไม่มาศาล ศาลจึงมีคำสั่งว่าผู้ร้องขาดนัดพิจารณา สืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวผู้ร้องขัดทรัพย์ยื่นคำร้องแสดงเหตุขอให้ศาลรับระบุพยานเพื่อสืบพยานต่อไปแล้วกลับถอนคำร้องนั้นเสียถือว่าผู้ร้องมิได้โต้แย้งคำสั่งไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226จึงต้องห้ามอุทธรณ์ฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 216/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาและการถอนคำร้องขอสืบพยาน ทำให้ไม่อุทธรณ์ฎีกาได้ตาม ป.วิ.แพ่ง
ศาลชั้นต้นสั่งให้ผู้ร้องขัดทรัพย์นำสืบก่อน ถึงวันนัดผู้ร้องขัดทรัพย์ไม่ได้ระบุพยานและไม่มาศาล ศาลจึงมีคำสั่งว่าผู้ร้องขาดนัดพิจารณา สืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียว ผู้ร้องขัดทรัพย์ยื่นคำร้องแสดงเหตุขอให้ศาลรับระบุพยานเพื่อสืบพยานต่อไปแล้วกลับถอนคำร้องนั้นเสีย ถือว่าผู้ร้องมิได้โต้แย้งคำสั่งไว้ตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 226 จึงต้องห้ามอุทธรณ์ ฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 215/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมผูกพันคู่สัญญา โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องหากไม่ได้อ้างตามสัญญา
การที่โจทก์จำเลยทำสัญญากันไว้ เมื่อมีข้อโต้เถียงกันเรื่องที่นาที่บ้านว่าให้ที่ดังกล่าวเป็นของลูกจำเลยซึ่งเกิดด้วยนางเอิบบุตรีโจทก์ เป็นสัญญาที่ทำขึ้นเพื่อระงับข้อพิพาทระหว่างโจทก์จำเลย เป็นสัญญาประนีประนอมที่ใช้ได้ตามกฎหมาย มีผลผูกพันคู่สัญญา โจทก์ไม่มีอำนาจมาฟ้องเรียกทรัพย์พิพาทจากจำเลย เว้นแต่จะฟ้องตามสัญญาประนีประนอมนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 215/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมมีผลผูกพันคู่สัญญา โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์พิพาทไม่ได้ เว้นแต่ฟ้องตามสัญญา
การที่โจทก์จำเลยทำสัญญากันไว้ เมื่อมีข้อโต้เถียงกันเรื่องที่นาที่บ้านว่าให้ที่ดังกล่าวเป็นของลูกจำเลยซึ่งเกิดด้วยนางเอิบบุตรีโจทก์เป็นสัญญาที่ทำขึ้นเพื่อระงับข้อพิพาทระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาประนีประนอมที่ใช้ได้ตามกฎหมาย มีผลผูกพันคู่สัญญา โจทก์ไม่มีอำนาจมาฟ้องเรียกทรัพย์พิพาทจากจำเลยเว้นแต่จะฟ้องตามสัญญาประนีประนอมนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 214/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนลักษณะการยึดถือที่ดินต้องแจ้งเจ้าของ หากไม่แจ้งสิทธิครอบครองปรปักษ์เป็นโมฆะ
ผู้ครอบครองที่ดินโดยอาศัยอำนาจของเจ้าของที่ดินเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือได้จะต้องบอกกล่าวไปยังเจ้าของที่ดินทราบมิฉะนั้นจะอ้างว่าครอบครองโดยปรปักษ์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 214/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงลักษณะการยึดถือที่ดิน: จำเป็นต้องแจ้งเจ้าของเดิม หากไม่แจ้งสิทธิปรปักษ์ไม่สมบูรณ์
ผู้ครอบครองที่ดินโดยอาศัยอำนาจของเจ้าของที่ดิน จะเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือได้ จะต้องบอกกล่าวไปยังเจ้าของที่ดินทราบ มิฉะนั้นจะอ้างว่าครอบครองโดยปรปักษ์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 211/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานกระทำผิดเอง ไม่สามารถลงโทษฐานช่วยเหลือผู้อื่นกระทำผิดได้
แม้จำเลยเป็นตำรวจมีหน้าที่จับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายก็ตามก็ลงโทษจำเลยฐานใช้อำนาจและตำแหน่งหน้าที่ในทางทุจริตตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 142 ไม่ได้ ในเมื่อจำเลยสมคบกับพวกพยายามลักทรัพย์ทำให้เสียทรัพย์และลักทรัพย์เสียเอง จึงมิได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่ช่วยเหลือจำเลยอื่นกระทำผิดหรือช่วยเหลือให้พ้นอาญา
บทบัญญัติตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา142 เป็นกรณีเจ้าพนักงานช่วยเหลือผู้กระทำผิดมิให้ต้องรับอาญามิใช่เอาผิดแก่เจ้าพนักงานผู้กระทำผิดเสียเอง
บทบัญญัติตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา142 เป็นกรณีเจ้าพนักงานช่วยเหลือผู้กระทำผิดมิให้ต้องรับอาญามิใช่เอาผิดแก่เจ้าพนักงานผู้กระทำผิดเสียเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 211/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตำรวจสมคบร่วมกระทำผิดเอง ไม่ผิดฐานใช้อำนาจในทางทุจริตตาม ม.142
แม้จำเลยเป็นตำรวจมีหน้าที่จับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายก็ตาม ก็ลงโทษจำเลยฐานใช้อำนาจและตำแหน่งหน้าที่ในทางทุจริตตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 142 ไม่ได้ ในเมื่อจำเลยสมคบกับพวกพยายามลักทรัพย์ ทำให้เสียทรัพย์และลักทรัพย์เสียเอง จึงมิได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่ช่วยเหลือจำเลยอื่นกระทำผิดหรือช่วยเหลือให้พ้นอาญา
บทบัญญัติตามก.ม.ลักษณะอาญา ม.142 เป็นกรณีเจ้าพนักงานช่วยเหลือผู้กระทำผิดมิให้ต้องรับอาญา มิใช่เอาผิดแก่เจ้าพนักงานผู้กระทำผิดเสียเอง
บทบัญญัติตามก.ม.ลักษณะอาญา ม.142 เป็นกรณีเจ้าพนักงานช่วยเหลือผู้กระทำผิดมิให้ต้องรับอาญา มิใช่เอาผิดแก่เจ้าพนักงานผู้กระทำผิดเสียเอง