พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,307 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 479/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิโดยไม่สุจริตจากการยินยอมการขายทรัพย์สินและรับผลประโยชน์จากทรัพย์สินนั้น
มารดาโจทก์ทำสัญญามัดจำขายสวนยางมรดกพิพาทให้แก่จำเลย โจทก์ซึ่งเป็นทายาทร่วมกับมารดาได้รู้เห็นยินยอมด้วย ทั้งได้รับเงินส่วนแบ่งค่าขายสวนยางพิพาทไปจากมารดาด้วยแล้ว โจทก์กลับมาฟ้องจำเลยอ้างว่าสวนยางเป็นของโจทก์ ดังนี้ ย่อมเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 479/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิโดยไม่สุจริตจากการยินยอมการขายมรดกและรับเงินค่าขาย
มารดาโจทก์ทำสัญญามัดจำขายสวนยางมรดกพิพาทให้แก่จำเลยโจทก์ซึ่งเป็นทายาทร่วมกับมารดาได้รู้เห็นยินยอมด้วยทั้งได้รับเงินส่วนแบ่งค่าขายสวนยางพิพาทไปจากมารดาโจทก์ด้วยแล้วโจทก์กลับมาฟ้องจำเลยอ้างว่าสวนยางเป็นของโจทก์ ดังนี้ ย่อมเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 469/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนมือของเรือนเป็นเรือนหอและอำนาจยึดทรัพย์ การให้เงินค่าเรือนหอทำให้เรือนตกเป็นสินเดิมของจำเลย
เรือนพิพาทเดิมเป็นของผู้ร้องและปลูกอยู่ในที่ดินของผู้ร้องเมื่อจำเลยมาแต่งงานกับบุตรสาวของผู้ร้องฝ่ายผู้ร้องได้เรียกเอาเงินเป็นค่าเรือนหอและมอบเรือนนั้นให้เป็นที่อยู่อาศัยของคู่สมรสเรือนนั้นจึงเปลี่ยนมือจากผู้ร้องมาเป็นเรือนหออันเป็นสินเดิมของจำเลย กรณีมิใช่เรื่องซื้อขายหรือยกให้ไม่จำต้องมีการจดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 เรือนพิพาทเป็นของจำเลย ดังแบบอย่างฎีกาที่ 1693/2500
โจทก์ขอ และศาลสั่งให้เจ้าพนักงานศาลนำเอกสารพยานไปส่งกองวิทยาการ กรมตำรวจ เพื่อตรวจพิสูจน์ ค่าพาหนะและค่าป่วยการที่โจทก์เสียให้เจ้าพนักงานศาลนี้ นับเป็นค่าฤชาธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161ซึ่งผู้แพ้คดีจะต้องรับผิด
โจทก์ขอ และศาลสั่งให้เจ้าพนักงานศาลนำเอกสารพยานไปส่งกองวิทยาการ กรมตำรวจ เพื่อตรวจพิสูจน์ ค่าพาหนะและค่าป่วยการที่โจทก์เสียให้เจ้าพนักงานศาลนี้ นับเป็นค่าฤชาธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161ซึ่งผู้แพ้คดีจะต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 469/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนมือเรือนเป็นเรือนหอ: ไม่ต้องจดทะเบียนตามมาตรา 1299 หากไม่ใช่การซื้อขายหรือยกให้
เรือนพิพาทเดิมเป็นของผู้ร้องและปลูกอยู่ในที่ดินของผู้ร้อง เมื่อจำเลยมาแต่งงานกับบุตรสาวของผู้ร้อง ฝ่ายผู้ร้องได้เรียกเอาเงินเป็นค่าเรือนหอและมอบเรือนนั้นให้เป็นที่อยู่อาศัยของคู่สมรส เรือนนั้นจึงเปลี่ยนมือจากผู้ร้องมาเป็นเรือนหออันเป็นสินเดิมของจำเลย กรณีมิใช่เรื่องซื้อขายหรือยกให้ ไม่จำต้องมีการจดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 เรือนพิพาทเป็นของจำเลย ดังแบบอย่างฎีกาที่ 1693/2500
โจทก์ขอ และศาลสั่งให้เจ้าพนักงานศาลนำเอกสารไปส่งกองวิทยาการ กรมตำรวจ เพื่อตรวจพิสูจน์ ค่าพาหนะและค่าป่วยการที่โจทก์เสียให้เจ้าพนักงานศาลนี้ นับเป็นค่าฤชาธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 ซึ่งผู้แพ้คดีจะต้องรับผิด
โจทก์ขอ และศาลสั่งให้เจ้าพนักงานศาลนำเอกสารไปส่งกองวิทยาการ กรมตำรวจ เพื่อตรวจพิสูจน์ ค่าพาหนะและค่าป่วยการที่โจทก์เสียให้เจ้าพนักงานศาลนี้ นับเป็นค่าฤชาธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 ซึ่งผู้แพ้คดีจะต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 446/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบพยานแทนเอกสารสูญหายในคดีหย่าและการแบ่งสินสมรส ศาลต้องอนุญาตหากจำเลยพิสูจน์ความพยายามในการหาเอกสาร
โจทก์ฟ้องขอหย่ากับจำเลย จำเลยให้การว่า โจทก์กับจำเลยได้หย่ากันแล้วโดยทำหนังสือหย่า ในชั้นสืบพยาน จำเลยย่อมอ้างได้ว่าเอกสารการหย่าสูญหายไป ขอนำสืบพยานบุคคลแทนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94(ก) โดยสืบให้ฟังได้ด้วยว่าจำเลยไม่สามารถนำเอกสารนั้นมาแสดงเสียแล้วทั้งนี้โดยจำเลยไม่จำต้องกล่าวไว้ในคำให้การด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 446/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบเอกสารสูญหายในคดีหย่า: จำเลยมีสิทธิขอสืบพยานบุคคลแทนเอกสารได้ แม้ไม่ได้กล่าวไว้ในคำให้การ
โจทก์ฟ้องขอหย่ากับจำเลย จำเลยให้การว่าโจทก์กับจำเลยได้หย่ากันแล้วโดยทำหนังสือหย่า ในชั้นสืบพยาน จำเลยย่อมอ้างได้ว่าเอกสารการหย่าสูญหายไป ขอนำสืบพยานบุคคลแทนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94 (ก) โดยสืบให้ฟังได้ด้วยว่าจำเลยไม่สามารถนำเอกสารนั้นมาแสดงเสียแล้ว ทั้งนี้ โดยจำเลยไม่จำต้องกล่าวไว้ในคำให้การด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 404/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพในคดีอาวุธปืนสงคราม การอ้างเหตุเคยได้รับอนุญาตไม่ลบล้างกฎหมาย
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนสำหรับใช้เฉพาะในการสงครามตามกฎกระทรวงไว้โดยมิได้รับอนุญาตจำเลยรับสารภาพศาลสอบโจทก์ โจทก์แถลงว่าทางราชการเคยอนุญาตให้ผู้ที่ครอบครองปืนชนิดนี้จดทะเบียนให้มีและใช้ได้ ยังมีราษฎรที่ได้รับอนุญาตมีและใช้ปืนนี้ได้
เมื่อจำเลยรับสารภาพตามฟ้องย่อมหมายความว่า รับว่ามีปืนสำหรับใช้เฉพาะในการสงครามจะอ้างคำแถลงของโจทก์มาลบล้างกฎกระทรวงฯไม่ได้ คงมีผลเพียงเพื่อให้ศาลใช้ดุลพินิจในการลงโทษเท่านั้น
เมื่อจำเลยรับสารภาพตามฟ้องย่อมหมายความว่า รับว่ามีปืนสำหรับใช้เฉพาะในการสงครามจะอ้างคำแถลงของโจทก์มาลบล้างกฎกระทรวงฯไม่ได้ คงมีผลเพียงเพื่อให้ศาลใช้ดุลพินิจในการลงโทษเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 404/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองอาวุธปืนสงครามโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้เคยมีอนุญาตก่อนหน้าก็ไม่ลบล้างกฎหมาย
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนสำหรับใช้เฉพาะในการสงครามตามกฎกระทรวงไว้โดยมิได้รับอนุญาต จำเลยรับสารภาพ ศาลสอบโจทก์ โจทก์แถลงว่าทางราชการเคยอนุญาตให้ผู้ที่ครอบครองปืนชนิดนี้จดทะเบียนให้มีและใช้ได้ ยังมีราษฎรที่ได้รับอนุญาตมีและใช้ปืนนี้ได้อยู่
เมื่อจำเลยรับสารภาพตามฟ้อง ย่อมหมายความว่า รับว่ามีปืนสำหรับใช้เฉพาะในการสงคราม จะอ้างคำแถลงของโจทก์มาลบล้างกฎกระทรวงฯ ไม่ได้ คงมีผลเพียงเพื่อให้ศาลใช้ดุลพินิจในการลงโทษเท่านั้น
เมื่อจำเลยรับสารภาพตามฟ้อง ย่อมหมายความว่า รับว่ามีปืนสำหรับใช้เฉพาะในการสงคราม จะอ้างคำแถลงของโจทก์มาลบล้างกฎกระทรวงฯ ไม่ได้ คงมีผลเพียงเพื่อให้ศาลใช้ดุลพินิจในการลงโทษเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 392/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีโกงเจ้าหนี้, องค์ประกอบความผิด, และการยกฟ้องกระทบสิทธิโจทก์ร่วม
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43 มิได้บัญญัติให้อำนาจพนักงานอัยการเรียกทรัพย์สินหรือราคาคืนแทนผู้เสียหายในคดีอาญาฐานโกงเจ้าหนี้
ฟ้องไม่ปรากฏว่าในการที่จำเลยที่ 1 โอนขายที่ดินให้แก่จำเลยที่ 2, 3 นั้น จำเลยได้กระทำโดยรู้ว่าเจ้าหนี้ของตนหรือของผู้อื่นได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ ไม่ครบองค์ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 350
ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการโดยขอถือเอาคำฟ้องของอัยยการเป็นคำฟ้องของโจทก์ร่วมด้วย ฉะนั้น เมื่อศาลพิพากษายกฟ้อง จึงหมายความว่าได้ยกฟ้องของโจทก์ร่วมด้วย ศาลจึงใช้ดุลพินิจกำหนดให้โจทก์ร่วมใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยได้ แม้จะไม่ได้วินิจฉัยคดีทางแพ่งด้วยก็ตาม
เมื่อโจทก์นำสืบ จำเลยมิได้ถามค้านความข้อใดไว้ แล้วจำเลยมานำสืบพิสูจน์ภายหลังในความข้อนั้น โจทก์ก็ชอบที่จะโต้แย้งและขอให้ศาลจดข้อโต้แย้งนั้นไว้ การที่โจทก์เพิ่งมาคัดค้านในชั้นอุทธรณ์จึงต้องห้าม
ฟ้องไม่ปรากฏว่าในการที่จำเลยที่ 1 โอนขายที่ดินให้แก่จำเลยที่ 2, 3 นั้น จำเลยได้กระทำโดยรู้ว่าเจ้าหนี้ของตนหรือของผู้อื่นได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ ไม่ครบองค์ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 350
ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการโดยขอถือเอาคำฟ้องของอัยยการเป็นคำฟ้องของโจทก์ร่วมด้วย ฉะนั้น เมื่อศาลพิพากษายกฟ้อง จึงหมายความว่าได้ยกฟ้องของโจทก์ร่วมด้วย ศาลจึงใช้ดุลพินิจกำหนดให้โจทก์ร่วมใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยได้ แม้จะไม่ได้วินิจฉัยคดีทางแพ่งด้วยก็ตาม
เมื่อโจทก์นำสืบ จำเลยมิได้ถามค้านความข้อใดไว้ แล้วจำเลยมานำสืบพิสูจน์ภายหลังในความข้อนั้น โจทก์ก็ชอบที่จะโต้แย้งและขอให้ศาลจดข้อโต้แย้งนั้นไว้ การที่โจทก์เพิ่งมาคัดค้านในชั้นอุทธรณ์จึงต้องห้าม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 392/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจอัยการฟ้องคดีโกงเจ้าหนี้, องค์ประกอบความผิด ม.350, การเป็นโจทก์ร่วม และข้อจำกัดการต่อสู้คดี
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43 มิได้บัญญัติให้อำนาจพนักงานอัยการเรียกทรัพย์สินหรือราคาคืนแทนผู้เสียหายในคดีอาญาฐานโกงเจ้าหนี้
ฟ้องไม่ปรากฏว่าในการที่จำเลยที่ 1 โอนขายที่ดินให้แก่จำเลยที่ 2,3 นั้นจำเลยได้กระทำโดยรู้ว่าเจ้าหนี้ของตนหรือของผู้อื่นได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ ไม่ครบองค์ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 350
ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการโดยขอถือเอาคำฟ้องของอัยการเป็นคำฟ้องของโจทก์ร่วมด้วยฉะนั้น เมื่อศาลพิพากษายกฟ้อง จึงหมายความว่าได้ยกฟ้องของโจทก์ร่วมด้วย ศาลจึงใช้ดุลพินิจกำหนดให้โจทก์ร่วมใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยได้แม้จะไม่ได้วินิจฉัยคดีทางแพ่งด้วยก็ตาม
เมื่อโจทก์นำสืบ จำเลยมิได้ถามค้านความข้อใดไว้ แล้วจำเลยมานำสืบพิสูจน์ภายหลังในความข้อนั้นโจทก์ก็ชอบที่จะโต้แย้งและขอให้ศาลจดข้อโต้แย้งนั้นไว้การที่โจทก์เพิ่งมาคัดค้านในชั้นอุทธรณ์จึงต้องห้าม
ฟ้องไม่ปรากฏว่าในการที่จำเลยที่ 1 โอนขายที่ดินให้แก่จำเลยที่ 2,3 นั้นจำเลยได้กระทำโดยรู้ว่าเจ้าหนี้ของตนหรือของผู้อื่นได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ ไม่ครบองค์ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 350
ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการโดยขอถือเอาคำฟ้องของอัยการเป็นคำฟ้องของโจทก์ร่วมด้วยฉะนั้น เมื่อศาลพิพากษายกฟ้อง จึงหมายความว่าได้ยกฟ้องของโจทก์ร่วมด้วย ศาลจึงใช้ดุลพินิจกำหนดให้โจทก์ร่วมใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยได้แม้จะไม่ได้วินิจฉัยคดีทางแพ่งด้วยก็ตาม
เมื่อโจทก์นำสืบ จำเลยมิได้ถามค้านความข้อใดไว้ แล้วจำเลยมานำสืบพิสูจน์ภายหลังในความข้อนั้นโจทก์ก็ชอบที่จะโต้แย้งและขอให้ศาลจดข้อโต้แย้งนั้นไว้การที่โจทก์เพิ่งมาคัดค้านในชั้นอุทธรณ์จึงต้องห้าม