คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ชวน สิงหลกะ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,307 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 578/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจดทะเบียนยานพาหนะเท็จ แม้ซื้อรถโดยสุจริต ก็มีความผิดฐานบอกให้เจ้าพนักงานจดข้อความเท็จ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยลักจักรยานสามล้อหรือรับไว้โดยรู้ว่าเป็นของร้ายและนำความเท็จไปแจ้งแก่เจ้าพนักงานยานพาหนะว่าจำเลยซื้อมาจากร้านชนนิยมจำเลยต่อสู้ว่าซื้อมาโดยสุจริต
เมื่อข้อเท็จจริงฟังว่าจำเลยได้ซื้อมาโดยไม่รู้ว่าเป็นของร้ายจำเลยก็ไม่มีความผิดฐานรับของโจรแต่เมื่อจำเลยนำรถไปจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานจำเลยนำความเท็จไปแจ้งต่อเจ้าพนักงานทะเบียนว่าซื้อมาจากร้านชนนิยม ซึ่งความจริงจำลยหาได้ซื้อมาจากที่ร้านนี้ไม่ เพียงเท่านี้จำเลยก็มีความผิดตาม ม.226 แล้วเพราะการกระทำของจำเลยอาจเกิดความเสียหายแก่เจ้าทรัพย์และเจ้าพนักงานได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 578/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งเท็จต่อเจ้าพนักงานเกี่ยวกับที่มาของรถยนต์ แม้ซื้อมาโดยสุจริตก็มีความผิดฐานแจ้งเท็จ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยลักจักรยานสามล้อหรือรับไว้โดยรู้ว่าเป็นของร้ายและนำความเท็จไปแจ้งแก่เจ้าพนักงานยานพาหนะว่าจำเลยซื้อมาจากร้านชนนิยมจำเลยต่อสู้ว่าซื้อมาโดยสุจริต
เมื่อข้อเท็จจริงฟังว่าจำเลยได้ซื้อมาโดยไม่รู้ว่าเป็นของร้ายจำเลยก็ไม่มีความผิดฐานรับของโจรแต่เมื่อจำเลยนำรถไปจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานจำเลยนำความเท็จไปแจ้งต่อเจ้าพนักงานทะเบียนว่าซื้อมาจากร้านชนนิยมซึ่งความจริงจำเลยหาได้ซื้อมาจากที่ร้านนี้ไม่เพียงเท่านี้จำเลยก็มีความผิดตาม มาตรา 226 แล้วเพราะการกระทำของจำเลยอาจเกิดความเสียหายแก่เจ้าทรัพย์และเจ้าพนักงานได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 514/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การละเมิดสิทธิเข้าครอบครอง และหลักฐานการเช่าที่มีผลผูกพันตามกฎหมาย
การที่โจทก์ทราบมติของคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าฯ ให้จำเลยเข้าอยู่ได้แล้วกลับขัดขวางไม่ยอมออกไปดังนี้ย่อมเป็นการละเมิดสิทธิของจำเลยในอันที่จะเข้าอยู่ในห้องพิพาท
เมื่อในคำฟ้องซึ่งโจทก์ลงชื่อมีข้อความปรากฏชัดว่าได้มีการเช่าห้องรายนี้ทั้งระบุจำนวนเงินค่าเช่าระหว่างโจทก์ ผู้เช่า กับจำเลยจริงดังนี้ย่อมถือได้ว่าการเช่ารายนี้มีหลักฐานเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538 แล้ว
บรรยายฟ้องในเรื่องเรียกค่าเสียหายเป็นใจความว่าโจทก์ไม่ยอมออกจากบ้านเช่าของจำเลย จำเลยเข้าอยู่ไม่ได้ย่อมเสียหาย เช่นนี้ถือได้ว่าฟ้องนั้นแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาแล้ว หาเคลือบคลุมไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 514/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการเข้าอยู่อาศัยหลังมติคณะกรรมการควบคุมค่าเช่า และการมีหลักฐานการเช่าเป็นหนังสือ
การที่โจทก์ทราบมติของคณะกรรมการควบคุมค่าเช่า ฯ ให้จำเลยเข้าอยู่ได้แล้วกลับขัดขวางไม่ยอมออกไปดังนี้ย่อมเป็นการละเมิดสิทธิของจำเลยในอันที่จะเข้าอยู่ในห้องพิพาท
เมื่อในคำฟ้องซึ่งโจทก์ลงซึ่งมีข้อความปรากฏชัดว่าได้มีการเช่าห้องรายนี้ทั้งระบุจำนวนเงินค่าเช่าระหว่างโจทก์ ผู้เช่า กับจำเลยจริงดังนี้ย่อมถือได้ว่าการเช่ารายนี้มีหลักฐานเป็นหนังสือ ตาม ป.พ.พ. ม.538 แล้ว
บรรยายฟ้องในเรื่องเรียกค่าเสียหายเป็นใจความว่าโจทก์ไม่ยอมออกจากบ้านเช่าของจำเลย จำเลยเข้าไปอยู่ไม่ได้ย่อมเสียหายเช่นนี้ถือได้ว่าฟ้องนั้นแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาแล้ว หาเคลือบคลุมไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 486/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางอาญาจากการสมคบยิงผู้อื่น แม้กระสุนพลาดเป้าไปถูกบุคคลอื่น
การที่จำเลยกับพวกสมคบกันมาเจตนาจะยิงคู่ปรปักษ์ แม้กระสุนปืนของพวกจำเลยยิงไปจะพลาดพวกปรปักษ์แต่ไปถูกผู้เสียหายซึ่งมาดูเหตุการณ์เข้าเช่นนี้.จำเลยซึ่งเป็นฝ่ายพวกผู้ถูกยิงย่อมต้องมีผิดฐานพยายามฆ่าคนตายโดยเจตนาด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 486/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางอาญาจากการสมคบกันยิง แม้พลาดเป้าหมายแต่เป็นอันตรายถึงผู้อื่น
การที่จำเลยกับพวกสมคบกันมาเจตนาจะยิงคู่ปรปักษ์ แม้กระสุนปืนของพวกจำเลยยิงไปจะพลาดพวกปรปักษ์แต่ไปถูกผู้เสียหายซึ่งมาดูเหตุการณ์เข้าเช่นนี้จำเลยซึ่งเป็นฝ่ายพวกผู้ยิงย่อมต้องมีผิดฐานพยายามฆ่าคนตายโดยเจตนาด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 460/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องแย้งในคดีแพ่ง: หักกลบลบหนี้กับคำฟ้องเดิม ชอบที่รับไว้พิจารณา
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้ยืมจากจำเลยจำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์จำเลยตกลงหักกลบลบหนี้กันแล้ว และจำเลยยังเป็นเจ้าหนี้โจทก์ถ้าเป็นเงินจำนวนหนึ่ง จึงฟ้องแย้งเรียกเงินที่เกินจากโจทก์ได้ เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับคำฟ้องเดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 417/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าที่สมบูรณ์แม้มีการขึ้นค่าเช่าโดยความยินยอมของผู้เช่า มิถือเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
เดิมจำเลยเช่าห้องพิพาทไว้เดือนละ 60 บาทต่อมาห้องพิพาทโอนกรรมสิทธิไปยังบุคคลภายนอกจำเลยยินยอมเช่าจากบุคคลภายนอกเดือนละ 200 บาท ห้องพิพาทได้โอนต่อไปยังโจทก์ โจทก์ เรียกเก็บค่าเช่าเดิม 200 บาท ที่จำเลยยอมเสียให้จำเลยไม่ยอมชำระให้เป็นเวลากว่าปีเศษดังนี้จำเลยได้ชื่อว่าผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าติดต่อกันเกินกว่า2 เดือนโจทก์มีอำนาจให้จำเลยออกจากห้องพิพาทได้เพราะสัญญายอมเสียค่าเช่า 200 บาทเดิมนั้นเป็นสัญญาที่สมบูรณ์ไม่ขัดต่อ พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ 2489 มาตรา 10,11,13และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา113

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 417/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าที่ตกลงเพิ่มค่าเช่าโดยยินยอม แม้จะเกินบัญญัติ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ก็ไม่เป็นโมฆะ ผู้เช่ายินยอมถือเป็นการตกลงโดยชอบ
เดิมจำเลยเช่าห้องพิพาทไว้เดือนละ 60 บาท แต่มาห้องพิพาทโอนกรรมสิทธิไปยังบุคคลภายนอก จำเลยยินยอมเช่าจากบุคคลภายนอกเดือนละ 200 บาท ที่จำเลยยอมเสียให้ จำเลยไม่ยอมชำระให้เป็นเวลากว่าปีเศษดังนี้จำเลยได้ชื่อว่าผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าติดต่อกันเกินกว่า 2 เดือนโจทก์มีอำนาจให้จำเลยออกจากห้องพิพาทได้เพราะสัญญายอมเสียค่าเช่า 200 บาท - เดิมนั้น,เป็นสัญญาที่สมบูรณ์ไม่ขัดต่อ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ 2489 ม.10,11,13 และ ป.พ.พ. ม.113.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 391/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งมรดก: สิทธิของทายาทแต่ละคน และหลักการแบ่งทรัพย์สินโดยรวม
โจทก์ฟ้องว่าขอแบ่งมรดกจากจำเลยครึ่งหนึ่งของมรดก มีทายาทคนหนึ่งร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยร่วมด้วยอ้างว่ามีส่วนได้ส่วนเสียตาม ก.ม.ตามทางพิจารณาปรากฏว่าเจ้ามรดกรายนี้มีทายาทรวมทั้งหมด 5 คนคือโจทก์ จำเลย ผู้ร้องสอดและทายาทอื่นอีก 2 คน ที่มิได้เข้ามาเป็นคู่ความในคดีนี้ถือว่าการแบ่งทรัพย์มรดกรายนี้ต้องแบ่งให้เพียงเท่าที่คู่ความมีสิทธิควรจะได้จะแบ่งโดยเอาส่วนของทายาทอื่นไปให้ด้วยหาได้ไม่ เพราะไม่ใช่ส่วนได้ของคู่ความในคดีนี้และการแบ่งเช่นนี้มิใช่เป็นการกันส่วนแห่งทรัพย์มรดกไว้เพื่อทายาทอื่นตามความใน ป.พ.พ. ม.1749 ดังนั้นจะแบ่งเป็น 3 ส่วนโดยถือว่าทายาทอีก 2 คนฟ้องหรือร้องขึ้นมาอาจถูกยกอายุความฟ้องแบ่งมรดกหรือสิทธิอ้างอิงเหตุอื่นเป็นข้อต่อสู้อ้างอิงและไม่ให้ได้รับส่วนแบ่งหาได้ไม่ เพราะเหตุต่อสู้ผลของการต่อสู้ยังไม่ปรากฏมีขึ้นทั้งทายาทอาจตกลงแบ่งกันโดยดีหรือไม่ยกเหตุต่อสู้อะไรก็ได้จึงต้องแบ่งทรัพย์มรดกออกเป็น 5 ส่วนให้โจทก์จำเลยและผู้ร้องสอดได้คนละ 1 ส่วน.
of 131