พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,307 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1137/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในทรัพย์มรดกตกแก่ทายาทชั้นบุตร น้องชายไม่มีสิทธิ แม้จะอ้างอายุความมรดกก็ใช้ไม่ได้
เมื่อได้ความว่าโจทก์เป็นบุตรของเจ้ามรดก จำเลยเป็นแต่เพียงน้องของเจ้ามรดก และไม่ปรากฏว่าเจ้ามรดกได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้แก่ผู้ใดทรัพย์มรดกจึงตกได้แก่โจทก์ซึ่งเป็นทายาทชั้นบุตร จำเลยเป็นน้องเป็นทายาทอยู่ในอันดับถัดไปจึงไม่มีสิทธิในทรัพย์มรดกตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1630 ฉะนั้นจำเลยจึงยกอายุความมรดกตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1754 ขึ้นมาตัดฟ้องโจทก์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1122/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องเงินเกินสัญญาและการคืนเงินวาง เมื่อผลคดีไม่เป็นไปตามที่ตกลง
ตามสัญญาที่ตกลงทำกันไว้ไม่มีข้อความตัดสิทธิจำเลย เลยว่าเมื่อโจทก์กับพวกแพ้คดีจำเลยแล้วห้ามจำเลยเรียกเงินนอกจากที่วางไว้กับคนกลาง ภายหลังปรากฏว่าโจทก์กับพวกแพ้คดีจำเลยและต้องเสียเงินเกินกว่าจำนวนที่วางไว้แล้ว จำเลยย่อมมีสิทธิบังคับเอาอีกได้
ส่วนจำนวนเงินที่จำเลยวางไว้กับคนกลาง เผื่อว่าเมื่อจำเลยแพ้คดีจะได้ชำระแก่โจทก์กับพวกนั้นเมื่อจำเลยเป็นฝ่ายชนะจำเลยก็ย่อมมีสิทธิเรียกเงินนั้นคืนได้
ส่วนจำนวนเงินที่จำเลยวางไว้กับคนกลาง เผื่อว่าเมื่อจำเลยแพ้คดีจะได้ชำระแก่โจทก์กับพวกนั้นเมื่อจำเลยเป็นฝ่ายชนะจำเลยก็ย่อมมีสิทธิเรียกเงินนั้นคืนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1122/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องเงินเกินสัญญา: เมื่อฝ่ายชนะมีสิทธิบังคับหนี้ที่ค้างชำระ และเรียกคืนเงินที่วางไว้เป็นประกัน
ตามสัญญาที่ตกลงทำกันไว้ไม่มีข้อความตัดสิทธิจำเลย เลยว่าเมื่อโจทก์กับพวกแพ้คดีจำเลยแล้วห้ามจำเลยเรียกเงินนอกจากที่วางไว้กับคนกลาง ภายหลังปรากฏว่าโจทก์กับพวกแพ้คดีจำเลยและต้องเสียเงินเกินกว่าจำนวนที่วางไว้แล้ว จำเลยย่อมมีสิทธิบังคับเอาอีกได้
ส่วนจำนวนเงินที่จำเลยวางไว้กับคนกลาง เผื่อว่าเมื่อจำเลยแพ้คดีจะได้ชำระแก่โจทก์กับพวกนั้นเมื่อจำเลยเป็นฝ่ายชนะจำเลยก็ย่อมมีสิทธิเรียกเงินนั้นคืนได้
ส่วนจำนวนเงินที่จำเลยวางไว้กับคนกลาง เผื่อว่าเมื่อจำเลยแพ้คดีจะได้ชำระแก่โจทก์กับพวกนั้นเมื่อจำเลยเป็นฝ่ายชนะจำเลยก็ย่อมมีสิทธิเรียกเงินนั้นคืนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1122/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องเงินเกินสัญญาและการคืนเงินวางไว้เมื่อชนะคดี
ตามสัญญาที่ตกลงทำกันไว้ไม่มีข้อความตัดสิทธิจำเลยว่าเมื่อโจทก์กับพวกแพ้คดีจำเลยแล้วห้ามจำเลยเรียกเงินนอกจากที่วางไว้กับคนกลาง ภายหลังปรากฎว่าโจทก์กับพวกแพ้คดีจำเลยและต้องเสียเงินเกินกว่าจำนวนที่ว่างไว้แล้ว จำเลยย่อมมีสิทธิบังคับเอาอีกได้
ส่วนจำนวนเงินที่จำเลยวางไว้กับคนกลาง เผื่อว่าเมื่อจำเลยแพ้คดีจะได้ชำระแก่โจทก์กับพวก นั้น เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายชนะจำเลยก็ย่อมมีสิทธิเรียกเงินนั้นคืนได้
ส่วนจำนวนเงินที่จำเลยวางไว้กับคนกลาง เผื่อว่าเมื่อจำเลยแพ้คดีจะได้ชำระแก่โจทก์กับพวก นั้น เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายชนะจำเลยก็ย่อมมีสิทธิเรียกเงินนั้นคืนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1117/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้ให้เช่าในการขอเข้าอยู่อาศัยตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ผู้เช่าฟ้องบังคับไม่ได้
ผู้เช่าจะฟ้องขอให้ศาลบังคับให้ผู้ให้เช่าระงับการยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการควบคุมค่าเช่า เพื่อขอเข้าอยู่ในบ้านที่ผู้เช่าได้เช่านั้น ศาลบังคับให้ไม่ได้เพราะ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ ให้สิทธิผู้ให้เช่าที่จะร้องขอเช่นนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1117/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้ให้เช่าในการขอเข้าอยู่อาศัยตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ผู้เช่าฟ้องบังคับไม่ได้
ผู้เช่าจะฟ้องขอให้ศาลบังคับให้ผู้ให้เช่าระงับการยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการควบคุมค่าเช่า เพื่อขอเข้าอยู่ในบ้านที่ผู้เช่าได้เช่านั้น ศาลบังคับให้ไม่ได้ เพราะพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯลฯให้สิทธิผู้ให้เช่าที่จะร้องขอเช่นนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1117/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้ให้เช่าในการขอเข้าอยู่อาศัยตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ศาลไม่บังคับระงับการใช้สิทธิ
ผู้เช่าจะฟ้องขอให้ศาลบังคับให้ผู้ให้เช่าระงับการยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการควบคุมค่าเช่า เพื่อขอเข้าอยู่ในบ้านที่ผู้เช่าได้เช่านั้น ศาลบังคับให้ไม่ได้ เพราะพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯลฯให้สิทธิผู้ให้เช่าที่จะร้องขอเช่นนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1111/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้กระทำผิดในภาวะวิกลจริตไม่มีความผิดทางอาญาตามมาตรา 46
ทำผิดในเวลาเป็นโรคจิต ซึ่งผู้กระทำไม่รู้สึกตัวในเวลาที่ทำได้รับการยกเว้นอาญาตาม มาตรา46
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1111/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดในภาวะวิกลจริตและผลกระทบต่อความรับผิดทางอาญา
ทำผิดในเวลาเป็นโรคจิต ซึ่งผู้กระทำไม่รู้สึกตัวในเวลาที่ทำได้รับการยกเว้นอาญาตาม มาตรา46
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1093/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพนอกเหนือความจริงในคดีทำร้ายร่างกาย ศาลต้องลงโทษตามคำรับสารภาพที่ถูกต้องตามข้อเท็จจริง
แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพตามฟ้อง ศาลก็จะรับฟังลงโทษนอกเหนือไปจากความจริงหาได้ไม่
ฟ้องว่าผู้เสียหายบาดเจ็บถึงทุพลภาพและทนทุกข์เวทนา+ ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ดังปกติเกินกว่า 20 วัน จำเลยรับสารภาพตามฟ้อง โจทก์ขอสืบพยานประกอบเพราะแต่วันเกิดเหตุถึงวันจำเลยรับไม่เกิน 20 วัน ผู้เสียหายเบิกความว่าแผลที่ศีร์ษะแม้รักษา 30 วัน แต่ก็ลุกไปไหนไม่ได้เพียงครึ่งเดือนเท่านั้น จึงถือไม่ได้ว่าเป็นบาดเจ็บถึงสาหัสตาม ม. 256 (8)
ส่วนบาดเจ็บที่นิ้วทำไขดักปลาไม่ได้ 20 วันนั้น ปรากฎว่าผู้เสียหายมีอาชีพทำนา จึงถือไม่ได้ว่าการทำเครื่องมือหาปลาเป็นอาชีพตามปกติ ตาม ม.256(8)
ฟ้องว่าผู้เสียหายบาดเจ็บถึงทุพลภาพและทนทุกข์เวทนา+ ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ดังปกติเกินกว่า 20 วัน จำเลยรับสารภาพตามฟ้อง โจทก์ขอสืบพยานประกอบเพราะแต่วันเกิดเหตุถึงวันจำเลยรับไม่เกิน 20 วัน ผู้เสียหายเบิกความว่าแผลที่ศีร์ษะแม้รักษา 30 วัน แต่ก็ลุกไปไหนไม่ได้เพียงครึ่งเดือนเท่านั้น จึงถือไม่ได้ว่าเป็นบาดเจ็บถึงสาหัสตาม ม. 256 (8)
ส่วนบาดเจ็บที่นิ้วทำไขดักปลาไม่ได้ 20 วันนั้น ปรากฎว่าผู้เสียหายมีอาชีพทำนา จึงถือไม่ได้ว่าการทำเครื่องมือหาปลาเป็นอาชีพตามปกติ ตาม ม.256(8)