คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
กฎหมายลักษณะอาญา ม. 303

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 29 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 396/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษฐานทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพ แม้ไม่มีความผิดฐานกรรโชก
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานกรรโชก ทางพิจารณาได้ความเพียงว่า จำเลยไปพูดขู่เอาเงินผู้เสียหายโดยว่า ถ้าไม่ให้จะทำร้ายแต่ผู้เสียหายไม่ได้ให้เงินไปหรือมิได้สัญญาว่าจะให้เงิน เพราะได้แจ้งความไว้แล้ว และเจ้าพนักงานตำรวจมารอให้ความอารักขาอยู่แล้วจึงเข้าจับกุมจำเลยแต่โดยที่ความผิดฐานกรรโชกรวมการกระทำฐานทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพอยู่ด้วย ซึ่งเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเองศาลจึงย่อมลงโทษจำเลยฐานทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพตามที่พิจารณาได้ความได้ โดยอาศัย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคท้าย(อ้างฎีกาที่ 358/2481)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 396/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษฐานทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพ แม้ไม่มีความผิดฐานกรรโชก
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานกรรโชก ทางพิจารณาได้ความเพียงว่า จำเลยไปพูดขู่เอาเงินผู้เสียหายโดยว่า ถ้าไม่ให้จะทำร้าย แต่ผู้เสียหายไม่ได้ให้เงินไปหรือมิได้ สัญญาว่าจะให้เงิน เพราะได้แจ้งความไว้แล้ว และเจ้าพนักงานตำรวจมารอให้ความอารักขาอยู่แล้ว จึงเข้าจับกุมจำเลย แต่โดยมีความผิดฐานกรรโชค รวมการกระทำฐานทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพอยู่ด้วย ซึ่งเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเอง ศาลจึงย่อมลงโทษฐานทำให้เลื่อมเสียอิสระภาพตามที่พิจารณาได้ความได้ โดยอาศัย ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย
(อ้างฎีกาที่ 358/2481)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 830/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดใบเบิกทางโดยเจ้าพนักงานป่าไม้และการเรียกร้องเงิน ไม่เข้าข่ายความผิดฐานกรรโชก
จำเลยเป็นพนักงานป่าไม้ มีอำนาจที่จะยึดใบเบิกทางนำไม้ไว้เพื่อตรวจสอบได้ และได้ยึดใบเบิกทางนำไม้ของคนอื่นจากผู้เสียหายโดยมีเหตุผล แล้วจำเลยเรียกร้องเอาเงินจากผู้เสียหายเพื่อแลกเปลี่ยนกับใบเบิกทางนำไม้ที่จำเลยยึดไว้ ยังไม่เป็นความผิดฐานกรรโชก เพราะไม่เข้าลักษณะบีบบังคับโดยใช้กำลังข่มขืนหรือขู่เข็ญขืนใจ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 830/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเรียกเงินแลกคืนใบเบิกทางของเจ้าพนักงานป่าไม้ ไม่เข้าข่ายความผิดฐานกรรโชก หากไม่มีการข่มขู่หรือบังคับ
จำเลยเป็นพนักงานป่าไม้ มีอำนาจที่จะยึดใบเบิกทางนำไม้ไว้ เพื่อตรวจสอบได้ และได้ยึดใบเบิกทางนำไม้ของคนอื่นจากผู้เสียหาย โดยมีเหตุผล แล้วจำเลยเรียกร้องเอาเงินจากผู้เสียหายเพื่อแลกเปลี่ยนกับใบเบิกทางนำไม้ที่จำเลยยึดไว้ ยังไม่เป็นความผิดฐานกรรโชก เพราะไม่เข้าลักษณะบีบบังคับโดยใช้กำลังข่มขืนหรือขู่เข็ญขืนใจ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 692-693/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานกรรโชก: การบังคับให้ผู้อื่นสัญญาว่าจะส่งทรัพย์โดยข่มขู่ว่าจะฟ้องดำเนินคดี
กล่าวฟ้องใจความว่า จำเลยบังคับให้ผู้เสียหายสัญญาว่าจะส่งทรัพย์ให้ มิฉะนั้น จะดำเนินการฟ้องร้องให้ได้รับโทษ เช่นนี้อาจเป็นผิดฐานกรรโชกตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 303 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 337 หรือไม่ก็ได้ แล้วแต่พฤติการณ์ของรูปคดี ถ้าข้อเท็จจริงเป็นเรื่องจำเลยพูดไกล่เกลี่ยก็ไม่ผิดฐานกรรโชก แต่ถ้าพ้นเขตของการไกล่เกลี่ยโดยเป็นไปในทางบังคับให้เขาสัญญาว่าจะส่งทรัพย์ให้ ถ้าไม่ส่งจะดำเนินคดี เช่นนี้ เป็นการขู่เข็ญขืนใจโดยชัด ย่อมเป็นผิดฐานกรรโชก แม้ว่าจำเลยมีสิทธิตามกฎหมายในการจะฟ้องเรียกเงินจากผู้เสียหายก็ตาม หรือแม้ว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่จับกุมฟ้องร้องดำเนินคดี และจำเลยบังคับผู้เสียหายเช่นกล่าวข้างต้นจนพ้นเขตของการไกล่เกลี่ย และการที่ผู้เสียหายต้องสัญญาว่าจะส่งทรัพย์ก็เพื่อมิให้ถูกดำเนินคดีฟ้องร้อง เพราะถูกขู่เข็ญขืนใจก็เป็นผิดฐานกรรโชกด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 692-693/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความผิดฐานกรรโชก: การบังคับให้ส่งทรัพย์โดยขู่ฟ้องร้อง
กล่าวฟ้องใจความว่า จำเลยบังคับให้ผู้เสียหายสัญญาว่าจะส่งทรัพย์ให้ มิฉะนั้นจะดำเนินการฟ้องร้องให้ได้รับโทษ เช่นนี้อาจเป็นผิดฐานกรรโชกตามกฎหมายลักษณะอาญา ม.303 และประมวลกฎหมายอาญา ม.337 หรือไม่ก็ได้ แล้วแต่พฤติการณ์ ของรูปคดี ถ้าข้อเท็จจริงเป็นเรื่องจำเลยพูดไกล่เกลี่ย ก็ไม่ผิดฐานกรรโชก แต่ถ้าพ้นเขตของการไกล่เกลี่ยโดยเป็นไปในทางบังคับให้เขาสัญญาว่าจะส่งทรัพย์ให้ ถ้าไม่ส่งจะดำเนินคดี เช่นนี้ เป็นการขู่เข็ญขืนใจโดยชัด ย่อมเป็นผิดฐานกรรโชก แม้ว่า จำเลยมีสิทธิตามกฎหมายในการจะฟ้องเรียกเงินจากผู้เสียหายก็ตาม หรือแม้ว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่จับกุมฟ้องร้องดำเนินคดี และจำเลยบังคับผู้เสียหายเช่นกล่าวข้างต้นจนพ้นเขตของการไกล่เกลี่ย และการที่ผู้เสียหายต้องสัญญาว่าจะส่งทรัพย์ก็เพื่อมิให้ถูกดำเนินคดีฟ้องร้อง เพราะถูกขู่เข็ญขืนใจก็เป็นผิดฐานกรรโชกด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 81/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานกรรโชก: การข่มขู่โดยอ้างเป็นเจ้าพนักงานและเรียกรับเงิน
ในเรื่องความผิดฐานกรรโชก โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยไม่ใช่ตำรวจแต่อ้างว่าเป็นตำรวจใช้วาจาขู่เข็ญว่าไม่รับสัญญาให้เงินจะมีเรื่องเป็นการขู่เข็ญขืนใจให้มีความกลัวตาม มาตรา 303 ดังนี้เป็นฟ้องที่สมบูรณ์
ข้อเท็จจริงที่ได้ความว่าจำเลยไม่ใช่ตำรวจแต่อ้างว่าเป็นตำรวจขู่เข็ญผู้เสียหายให้รับสัญญาจะส่งเงินให้ถ้าไม่ให้จะมีเรื่อง และผู้เสียหายได้สัญญาว่าจะส่งเงินให้โดยจำเลยไม่มีอำนาจทำได้ตาม กฎหมาย ดังนี้เป็นข้อเท็จจริงที่เข้าเกณฑ์ความผิดฐานกรรโชก
แม้โจทก์จะแถลงว่าติดใจสืบพยานเพียงเท่านี้ เมื่อจำเลยอ้างตัวเองเบิกความเป็นพยาน โจทก์ก็ชอบที่จะนำคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่โจทก์ไม่ติดใจสืบยื่นเป็นพยานต่อศาลเพื่อพิสูจน์คำให้การของจำเลยได้เมื่อศาลเห็นว่ามีมูลก็มีอำนาจรับไว้วินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1822/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรโชกต้องมีการบังคับให้สัญญาจะส่งทรัพย์ หากบังคับให้ส่งเงินทันที ไม่เข้าข่ายความผิดฐานกรรโชก
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยใช้กำลังข่มขืนขู่เข็ญขืนใจให้ผู้เสียหายสัญญาจะส่งเงินให้แก่จำเลยกับพวก ขอให้ลงโทษฐานกรรโชก ทางพิจารณาได้ความว่า ผู้เสียหายถูกบังคับให้เงินทันที จึงมิใช่เป็นเรื่องบังคับให้สัญญาว่าจะส่งทรัพย์ตามความหมายของกรรโชก จึงลงโทษจำเลยฐานกรรโชกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 996/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกรรโชก: พยานหลักฐานต้องชัดเจนถึงเจตนาข่มขู่ หากไม่ชัดเจน ศาลต้องสืบพยานต่อ
คดีหาว่าจำเลยกรรโชก โจทก์สืบพยานได้ 2 ปาก ได้ความว่า จำเลยจับผู้เสียหายมาล่ามโซ่ไว้แล้วพูดจาเรื่องเงินกันโดยจำเลยว่าเมื่อเสียเงิน 400 บาทแล้วจะปล่อย ศาลสั่งงดสืบพยานต่อไป โดยเห็นว่ายังไม่เป็นผิดฐานกรรโชกนั้น เป็นการไม่ชอบ เพราะคดียังไม่พอรับฟังเป็นเด็ดขาดว่าผู้เสียหายเต็มใจให้เงินเองโดยปราศจากการขู่เข็ญ ควรสืบพยานต่อไปจนสิ้นกระแสร์ความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 996/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกรรโชก: พยานหลักฐานยังไม่พอฟังว่าผู้เสียหายให้เงินโดยสมัครใจ
คดีหาว่าจำเลยกรรโชกโจทก์สืบพยานได้ 2 ปาก ได้ความว่า จำเลยจับผู้เสียหายมาล่ามโซ่ไว้แล้วพูดจาเรื่องเงินกัน โดยจำเลยว่าเมื่อเสียเงิน 400 บาทแล้วจะปล่อย ศาลสั่งงดสืบพยานต่อไป โดยเห็นว่ายังไม่เป็นผิดฐานกรรโชกนั้น เป็นการไม่ชอบ เพราะคดียังไม่พอรับฟังเป็นเด็กขาดว่าผู้เสียหายเต็มใจให้เงินเองโดยปราศจากการขู่เข็ญ ควรสืบพยานต่อไปจนสิ้นกระแสร์ความ
of 3