พบผลลัพธ์ทั้งหมด 143 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 814/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองไม้สักแปรรูปเกินปริมาณที่กฎหมายกำหนด ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ และไม้ดังกล่าวต้องถูกริบ
มีไม้สักแปรรูปไว้ในครอบครองเกินจำนวน 0.20 ลูกบาศก์ โดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 ไม้สักของกลางจึงเป็นไม้ที่มีไว้เนื่องจากการกระทำผิดต่อ พ.ร.บ.ป่าไม้ ฉะนั้นจึงต้องริบตามมาตรา 74
(อ้างฎีกาที่ 550/2488)
(อ้างฎีกาที่ 550/2488)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 792/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมีไม้แปรรูปที่ได้รับยกเว้นค่าภาคหลวงเพื่อปลูกสร้างบ้านเรือน ไม่ถือเป็นความผิดตามกฎหมายป่าไม้
การมีไม้แปรรูปที่ผู้อื่นเขาได้รับอนุญาตให้ทำและแปรรูปได้โดยยกเว้นไม่ต้องเสียค่าภาคหลวง เพื่อปลูกสร้างบ้านเรือนไว้ในครอบครองนั้นแม้ตนจะไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานให้มีไว้ในครอบครองได้ก็ยังไม่เป็นผิดเพราะได้รับยกเว้นตาม พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 50 พระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ 3) พ.ศ.2494 มาตรา 13
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 283/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ไม้หวงห้ามไม่มีตราค่าภาคหลวง จำเลยต้องพิสูจน์ที่มาชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยมีไม้เต็งรังไม้เหียงไม้พลวงไม้มะค่าแต้ และไม้แดงอันเป็นไม้ประเภทหวงห้ามไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงประทับรวม 97896 ท่อน เป็นไม้ติดเปลือกยาว 120 เซ็นติเมตรถึง300เซ็นติเมตร โตวัดโดยรอบประมาณ 20-30 เซ็นติเมตรดังนี้เป็นแต่ไม้ที่ตัดออกเป็นท่อนยังไม่ถึงขนาดเป็นไม้แปรรูปจึงเป็นหน้าที่จำเลยที่จะแสดงให้เห็นว่า ได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายตามความหมายใน พระราชบัญญัติป่าไม้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 283/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองไม้หวงห้ามที่ยังไม่ได้แปรรูป จำเลยต้องพิสูจน์ที่มาโดยชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยมีไม้เต็งรัง ไม้เหียง ไม้พลวง ไม้มะค่าแต้ และไม้แดง อันเป็นไม้แระเภทหวงห้าม ไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงประทับ รวม 97896 ท่อน เป็นไม้ติดเปลือกยาว 120 เซ็นติเมตรถึง 300 เซ็นติเมตร โต-วัดโดยรอบประมาณ 20 - 30 เซ็นติเมตร ดังนี้ เป็นแต่ไม้ที่ตัดออกเป็นท่อนยังไม่ถึงขนาดเป็นไม้แปรรูป จึงเป็นหน้าที่จำเลยที่แสดงให้เห็นว่า ได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายตามความหมายใน พ.ร.บ.ป่าไม้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1847-1849/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตัดไม้เป็นท่อน ไม่ถือเป็นการแปรรูปไม้ตามกฎหมาย
เพียงแต่ตัดท่อนไม้เป็นท่อนๆ ยาว 1 เมตรบ้าง 1 เมตรครึ่งบ้าง ยังไม่เป็นการแปรรูปไม้ตามความหมายของพระราชบัญญัติป่าไม้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1834/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตควบคุมการแปรรูปไม้: การพิสูจน์การประกาศและการปิดประกาศเพื่อความถูกต้องตามกฎหมาย
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยทำการแปรรูปไม้สัก ในเขตควบคุมการแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตเหตุเกิดในป่าตำบลหนึ่ง อันเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้ซึ่งรัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา พ้นกำหนด 90 วันนับแต่วันประกาศ และได้คัดสำเนาประกาศไว้ ณะที่ว่าการอำเภอ และที่ทำการกำนันและที่สาธารณะสถานในท้องที่ซึ่งเกี่ยวข้องที่เกิดเหตุนี้แล้ว ขอให้ลงโทษ
จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำความผิด เฉย ๆ แม้มิได้ต่อสู้ว่าตำบลที่เกิดเหตุไม่ใช่เหตุควบคุมแปรรูปไม้ และมิได้ต่อสู้ว่าไม่มีการปิดประกาศที่เกิดเหตุ ก็ดี ศาลก็ยังต้องวินิจฉัยว่าตำบลที่เกิดเหตุนั้น เป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้แล้วหรือไม่ และมีการประกาศและปิดสำเนาประกาศถูกต้องแล้วหรือไม่ด้วย ซึ่งในข้อวินิจฉัยนี้ แม้โจทก์จะมีพยานคือ ป่าไม้เขตและป่าไม้จังหวัดนั้น มาเบิกความว่าตำบลที่เกิดเหตุได้ประกาศกำหนดเป็นเขตควบคุมกรแปรรูปไม้และได้ปิดประกาศไว้ด้วยแล้วก็ตามแต่เมื่อโจทก์มิได้นำตัวประกาศหรือสำเนา อันเจ้าหน้าที่รับรองว่า ถูกต้องมาแสดงให้ปรากฎ ทั้งผู้ปิดประกาศนั้น ก็ไม่มีมาเบิกความเช่นนี้ ศาลย่อมวินิจฉัยได้ว่า ที่ว่าที่เกิดเหตุเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้โดยมีประกาศและปิดประกาศแล้วนั้น ฟังไม่ได้ จึงต้องพิพากษายกฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำความผิด เฉย ๆ แม้มิได้ต่อสู้ว่าตำบลที่เกิดเหตุไม่ใช่เหตุควบคุมแปรรูปไม้ และมิได้ต่อสู้ว่าไม่มีการปิดประกาศที่เกิดเหตุ ก็ดี ศาลก็ยังต้องวินิจฉัยว่าตำบลที่เกิดเหตุนั้น เป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้แล้วหรือไม่ และมีการประกาศและปิดสำเนาประกาศถูกต้องแล้วหรือไม่ด้วย ซึ่งในข้อวินิจฉัยนี้ แม้โจทก์จะมีพยานคือ ป่าไม้เขตและป่าไม้จังหวัดนั้น มาเบิกความว่าตำบลที่เกิดเหตุได้ประกาศกำหนดเป็นเขตควบคุมกรแปรรูปไม้และได้ปิดประกาศไว้ด้วยแล้วก็ตามแต่เมื่อโจทก์มิได้นำตัวประกาศหรือสำเนา อันเจ้าหน้าที่รับรองว่า ถูกต้องมาแสดงให้ปรากฎ ทั้งผู้ปิดประกาศนั้น ก็ไม่มีมาเบิกความเช่นนี้ ศาลย่อมวินิจฉัยได้ว่า ที่ว่าที่เกิดเหตุเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้โดยมีประกาศและปิดประกาศแล้วนั้น ฟังไม่ได้ จึงต้องพิพากษายกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1834/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตควบคุมการแปรรูปไม้: การพิสูจน์ประกาศและการปิดประกาศ
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยทำการแปรรูปไม้สัก ในเขตควบคุมการแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต เหตุเกิดในป่าตำบลหนึ่ง อันเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้ซึ่งรัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา พ้นกำหนด 90 วันนับแต่วันประกาศ และได้คัดสำเนาประกาศไว้ ณ ที่ว่าการอำเภอ และที่ทำการกำนันและที่สาธารณะสถานในท้องที่ซึ่งเกี่ยวข้องที่เกิดเหตุนี้แล้ว ขอให้ลงโทษ
จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำความผิดเฉยๆ แม้มิได้ต่อสู้ว่าตำบลที่เกิดเหตุไม่ใช่เขตควบคุมแปรรูปไม้ และมิได้ต่อสู้ว่าไม่มีการปิดประกาศณที่เกิดเหตุก็ดีศาลก็ยังต้องวินิจฉัยว่าตำบลที่เกิดเหตุนั้น เป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้แล้วหรือไม่ และมีการประกาศและปิดสำเนาประกาศถูกต้องแล้วหรือไม่ด้วย ซึ่งในข้อวินิจฉัยนี้แม้โจทก์จะมีพยานคือ ป่าไม้เขตและป่าไม้จังหวัดนั้น มาเบิกความว่าตำบลที่เกิดเหตุได้ประกาศกำหนดเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้และได้ปิดประกาศไว้ด้วยแล้วก็ตามแต่เมื่อโจทก์มิได้นำตัวประกาศหรือสำเนา อันเจ้าหน้าที่รับรองว่า ถูกต้องมาแสดงให้ปรากฏ ทั้งผู้ปิดประกาศนั้นก็ไม่มีมาเบิกความเช่นนี้ ศาลย่อมวินิจฉัยได้ว่าที่ว่าที่เกิดเหตุเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้โดยมีประกาศและปิดประกาศแล้วนั้นฟังไม่ได้
จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำความผิดเฉยๆ แม้มิได้ต่อสู้ว่าตำบลที่เกิดเหตุไม่ใช่เขตควบคุมแปรรูปไม้ และมิได้ต่อสู้ว่าไม่มีการปิดประกาศณที่เกิดเหตุก็ดีศาลก็ยังต้องวินิจฉัยว่าตำบลที่เกิดเหตุนั้น เป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้แล้วหรือไม่ และมีการประกาศและปิดสำเนาประกาศถูกต้องแล้วหรือไม่ด้วย ซึ่งในข้อวินิจฉัยนี้แม้โจทก์จะมีพยานคือ ป่าไม้เขตและป่าไม้จังหวัดนั้น มาเบิกความว่าตำบลที่เกิดเหตุได้ประกาศกำหนดเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้และได้ปิดประกาศไว้ด้วยแล้วก็ตามแต่เมื่อโจทก์มิได้นำตัวประกาศหรือสำเนา อันเจ้าหน้าที่รับรองว่า ถูกต้องมาแสดงให้ปรากฏ ทั้งผู้ปิดประกาศนั้นก็ไม่มีมาเบิกความเช่นนี้ ศาลย่อมวินิจฉัยได้ว่าที่ว่าที่เกิดเหตุเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้โดยมีประกาศและปิดประกาศแล้วนั้นฟังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1728/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา: การบรรยายข้อหาที่ชัดเจนเพียงพอให้จำเลยเข้าใจ
ฟ้องบรรยายว่าจำเลยสมคบกันใช้อุบายจ้างวานให้ผู้อื่นตัดฟันไม้สักในป่าโดยมิได้รับอนุญาต มิได้ระบุชื่อผู้ที่จำเลยจ้างวานก็ดี เมื่อฟ้องมีข้อความบรรยายการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยกระทำผิด และรายละเอียดต่างๆพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีเพียงพอกับความประสงค์ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) และจำเลยก็เข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ก็ย่อมเป็นฟ้องที่สมบูรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1728/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา แม้ไม่ระบุตัวผู้ถูกจ้างวาน หากจำเลยเข้าใจข้อหาและต่อสู้คดีได้
ฟ้องบรรยายว่าจำเลยสมคบกันใช้อุบายจ้างวานให้ผู้อื่นตัดฟันไม้สักในป่าโดยมิได้รับอนุญาต มิได้ระบุชื่อผู้ที่จำเลยจ้างงานก็ดี เมื่อฟ้องมีข้อความบรรยายการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยกระทำผิดและรายละเอียดต่าง ๆ พอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีเพียงพอกับความประสงค์ ป.ม.วิ.อาญามาตรา 158 (5) และจำเลยก็เข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ก็ย่อมเป็นฟ้องที่สมบูรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1722/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประกอบกิจการแปรรูปไม้เข้าข่าย 'โรงงานแปรรูปไม้' ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้
จำเลยทำการแปรรูปไม้ที่ในสวนกล้วย โดยตั้งเป็นโรง 2 ห้อง ทำค้างเลื่อยให้คนเลื่อยไม่ได้ 4 คู่ ทำการเลื่อยไม้แล้วเป็นอันมาก ที่ส่งออกไปที่อื่นเจ้าพนักงานจับได้เป็นไม้กระดาน 103 แผ่น ยังมีปีกไม้อยู่ตามบริเวณโรงงานอีกกว่า 200 แผ่น ไม้เหลี่ยม 6 เหลี่ยม ไม้สักกว่า 20 ท่อน ดังนี้ ต้องถือว่าที่ทำการเลื่อยไม้ของจำเลยเป็น "โรงงานแปรรูปไม้" ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ 2484 มาตรา 4(13)แล้ว