พบผลลัพธ์ทั้งหมด 143 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2519/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำที่ไม่เข้าข่ายความผิดฐานแผ้วถางป่า แม้มีการปรับปรุงพื้นที่เกษตร
ที่ดินมีผู้ก่นสร้างทำสวนทำไร่มาก่อนแล้วขายแก่จำเลยมีต้นไม้ใหญ่อยู่ 10 ต้น นอกนั้นเป็นหญ้าคาและสาบเสือจำเลยซื้อแล้วมิได้ตัดต้นไม้ใหญ่ เพียงแต่ขุดสระหรือบ่อเลี้ยงปลา ดายหญ้าปลูกไม้ยืนต้นและพืชล้มลุก ไม่เป็นความผิดฐานแผ้วถางป่า ก่นสร้างป่า ตาม พระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ.2484 แก้ไขฉบับที่ 4 พ.ศ.2503 มาตรา 11
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 900/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองไม้หวงห้าม จำเลยต้องพิสูจน์ที่มา หากพิสูจน์ไม่ได้ถือว่าผิดตามกฎหมาย
โจทก์นำสืบได้ว่าเจ้าพนักงานจับไม้หวงห้ามประเภท ก.กับประเภทข. ได้จากจำเลย จำเลยพิสูจน์ไม่ได้ว่าได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายจำเลยมีความผิดตาม พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 84(ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 มาตรา 12 โดยโจทก์ไม่ต้องนำสืบว่าจำเลยรู้อยู่ว่าไม้ของกลางเป็นไม้หวงห้าม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 313/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ข้อเท็จจริงเขตควบคุมการแปรรูปไม้เป็นองค์ประกอบความผิดฐานมีไม้แปรรูป
ความผิดฐานมีไม้สักแปรรูปไว้ในครอบครองภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484มาตรา 48,73 นั้น เขตควบคุมการแปรรูปไม้เป็นข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิดที่โจทก์จะต้องนำสืบ เมื่อข้อเท็จจริงนี้โจทก์มิได้นำสืบเลย ก็ไม่มีทางทราบได้ว่าตำบลที่เกิดเหตุเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้หรือไม่ จึงลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้ไม่ได้ ประกาศของรัฐมนตรีตามพระราชบัญญัติป่าไม้ไม่เป็นกฎหมายหรือข้อเท็จจริงที่ประชาชนรู้กันทั่วไป
เมื่อคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดตามโจทก์ฟ้องก็ริบไม้ของกลางไม่ได้
เมื่อคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดตามโจทก์ฟ้องก็ริบไม้ของกลางไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2148/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องคดีแผ้วถางป่า: เพียงระบุเนื้อที่และที่ตั้งก็เพียงพอ หากจำเลยเข้าใจได้
โจทก์บรรยายฟ้องมีใจความสำคัญว่า จำเลยบังอาจแผ้วถางป่าและเข้ายึดถือครอบครองที่ดินของรัฐในป่าห้วยอีเลิง ตำบลกุสุมาลย์อำเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร มีจำนวนเนื้อที่ 2 ไร่ โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ฯลฯ นั้น เป็นการบรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับที่ดินที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดพอสมควรที่จำเลยจะเข้าใจได้ดีแล้วว่าเป็นที่ดินของรัฐในป่าห้วยอีเลิงจำนวนเนื้อที่ 2 ไร่ หาจำเป็นที่จะต้องระบุความกว้างยาวและทิศไหนจดอะไรไม่ เพราะได้ระบุจำนวนเนื้อที่ที่จำเลยทำการแผ้วถางยึดถือครอบครองแล้วฟ้องของโจทก์จึงสมบูรณ์ถูกต้องตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1570/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดประเด็นข้อพิพาทนอกฟ้องในคดีอาญา ศาลไม่ผูกพันตามข้อตกลง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามิได้มีบทบัญญัติให้สิทธิแก่คู่ความในอันที่จะตกลงกันหรือที่เรียกว่าท้ากัน ขอให้ศาลวินิจฉัยประเด็นข้อหนึ่งข้อใดโดยเฉพาะแล้วให้ศาลพิพากษาชี้ขาดไปตามประเด็นข้อที่ตกลงหรือท้ากันนั้นได้ และในการนี้จะนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138,182 ที่บัญญัติเกี่ยวกับการตกลงหรือท้ากันในคดีแพ่งมาใช้กับคดีอาญาโดยอนุโลม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ก็ไม่ได้ เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 บัญญัติบังคับห้ามมิให้ศาลพิพากษาหรือสั่งเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้กระทำผิดฐานเก็บหาของป่าหวงห้ามในป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตและเสียค่าภาคหลวงจำเลยมิได้ให้การรับสารภาพในข้อหานี้แต่รับสารภาพในข้ออื่นที่โจทก์มิได้ฟ้อง เมื่อโจทก์ไม่สืบพยาน.ข้อเท็จจริงตามที่โจทก์ฟ้องจึงฟังไม่ได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้กระทำผิดฐานเก็บหาของป่าหวงห้ามในป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตและเสียค่าภาคหลวงจำเลยมิได้ให้การรับสารภาพในข้อหานี้แต่รับสารภาพในข้ออื่นที่โจทก์มิได้ฟ้อง เมื่อโจทก์ไม่สืบพยาน.ข้อเท็จจริงตามที่โจทก์ฟ้องจึงฟังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1570/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการตกลงกันในคดีอาญา: ศาลต้องวินิจฉัยเฉพาะประเด็นตามฟ้องเท่านั้น
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามิได้มีบทบัญญัติให้สิทธิแก่คู่ความในอันที่จะตกลงกันหรือที่เรียกว่าท้ากัน ขอให้ศาลวินิจฉัยประเด็นข้อหนึ่งข้อใดโดยเฉพาะแล้วให้ศาลพิพากษาชี้ขาดไปตามประเด็นข้อที่ตกลงหรือท้ากันนั้นได้. และในการนี้จะนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138,182 ที่บัญญัติเกี่ยวกับการตกลงหรือท้ากันในคดีแพ่งมาใช้กับคดีอาญาโดยอนุโลม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ก็ไม่ได้. เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 บัญญัติบังคับห้ามมิให้ศาลพิพากษาหรือสั่งเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้อง.
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้กระทำผิดฐานเก็บหาของป่าหวงห้ามในป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตและเสียค่าภาคหลวง.จำเลยมิได้ให้การรับสารภาพในข้อหานี้แต่รับสารภาพในข้ออื่นที่โจทก์มิได้ฟ้อง. เมื่อโจทก์ไม่สืบพยาน.ข้อเท็จจริงตามที่โจทก์ฟ้องจึงฟังไม่ได้.
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้กระทำผิดฐานเก็บหาของป่าหวงห้ามในป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตและเสียค่าภาคหลวง.จำเลยมิได้ให้การรับสารภาพในข้อหานี้แต่รับสารภาพในข้ออื่นที่โจทก์มิได้ฟ้อง. เมื่อโจทก์ไม่สืบพยาน.ข้อเท็จจริงตามที่โจทก์ฟ้องจึงฟังไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1570/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการตกลงประเด็นนอกฟ้องในคดีอาญา ศาลต้องวินิจฉัยตามฟ้องเท่านั้น
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามิได้มีบทบัญญัติให้สิทธิแก่คู่ความในอันที่จะตกลงกันหรือที่เรียกว่าท้ากัน ขอให้ศาลวินิจฉัยประเด็นข้อหนึ่งข้อใดโดยเฉพาะแล้วให้ศาลพิพากษาชี้ขาดไปตามประเด็นข้อที่ตกลงหรือท้ากันนั้นได้ และในการนี้จะนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138,182 ที่บัญญัติเกี่ยวกับการตกลงหรือท้ากันในคดีแพ่งมาใช้กับคดีอาญาโดยอนุโลม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ก็ไม่ได้ เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 บัญญัติบังคับห้ามมิให้ศาลพิพากษาหรือสั่งเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้กระทำผิดฐานเก็บหาของป่าหวงห้ามในป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตและเสียค่าภาคหลวงจำเลยมิได้ให้การรับสารภาพในข้อหานี้แต่รับสารภาพในข้ออื่นที่โจทก์มิได้ฟ้อง เมื่อโจทก์ไม่สืบพยานข้อเท็จจริงตามที่โจทก์ฟ้องจึงฟังไม่ได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้กระทำผิดฐานเก็บหาของป่าหวงห้ามในป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตและเสียค่าภาคหลวงจำเลยมิได้ให้การรับสารภาพในข้อหานี้แต่รับสารภาพในข้ออื่นที่โจทก์มิได้ฟ้อง เมื่อโจทก์ไม่สืบพยานข้อเท็จจริงตามที่โจทก์ฟ้องจึงฟังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 242/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ไม้ผิดกฎหมาย: สัญญาซื้อขายไม่สมบูรณ์ และไม้ต้องถูกริบ แม้ผู้ซื้ออ้างสุจริต
จำเลยทำสัญญาซื้อขายไม้สักตายแห้งขอนนอนกับกรมป่าไม้แต่กลับไปทำการลักตัดไม้สักสดออกจากป่าโดยมิได้รับอนุญาตอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ไม้สักที่จำเลยลักตัดจึงเป็นไม้ที่ได้มาโดยผิดกฎหมายและเป็นของที่ต้องริบตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ.2484 มาตรา 74
ผู้ร้องรับซื้อไม้จากจำเลยซึ่งเป็นพ่อค้าไม้ โดยมีพฤติการณ์ที่ยังฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องสุจริตผู้ร้องจะยกประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1329,1332 ขึ้นมาอ้างเพื่อยึดถือไม้ไว้หาได้ไม่
เมื่อวัตถุแห่งหนี้ของสัญญาซื้อขายเป็นของผิดกฎหมายสัญญาซื้อขายก็ไม่สมบูรณ์
ผู้ร้องรับซื้อไม้จากจำเลยซึ่งเป็นพ่อค้าไม้ โดยมีพฤติการณ์ที่ยังฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องสุจริตผู้ร้องจะยกประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1329,1332 ขึ้นมาอ้างเพื่อยึดถือไม้ไว้หาได้ไม่
เมื่อวัตถุแห่งหนี้ของสัญญาซื้อขายเป็นของผิดกฎหมายสัญญาซื้อขายก็ไม่สมบูรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 242/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ไม้ผิดกฎหมาย: สัญญาซื้อขายไม่สมบูรณ์ และไม้ต้องถูกริบ แม้ผู้ซื้ออ้างสุจริต
จำเลยทำสัญญาซื้อขายไม้สักตายแห้งขอนนอนกับกรมป่าไม้. แต่กลับไปทำการลักตัดไม้สักสดออกจากป่าโดยมิได้รับอนุญาตอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้. ไม้สักที่จำเลยลักตัดจึงเป็นไม้ที่ได้มาโดยผิดกฎหมาย. และเป็นของที่ต้องริบตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ.2484 มาตรา 74.
ผู้ร้องรับซื้อไม้จากจำเลยซึ่งเป็นพ่อค้าไม้ โดยมีพฤติการณ์ที่ยังฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องสุจริต. ผู้ร้องจะยกประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1329,1332 ขึ้นมาอ้างเพื่อยึดถือไม้ไว้หาได้ไม่.
เมื่อวัตถุแห่งหนี้ของสัญญาซื้อขายเป็นของผิดกฎหมาย.สัญญาซื้อขายก็ไม่สมบูรณ์.
ผู้ร้องรับซื้อไม้จากจำเลยซึ่งเป็นพ่อค้าไม้ โดยมีพฤติการณ์ที่ยังฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องสุจริต. ผู้ร้องจะยกประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1329,1332 ขึ้นมาอ้างเพื่อยึดถือไม้ไว้หาได้ไม่.
เมื่อวัตถุแห่งหนี้ของสัญญาซื้อขายเป็นของผิดกฎหมาย.สัญญาซื้อขายก็ไม่สมบูรณ์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 242/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ไม้ผิดกฎหมาย: สัญญาซื้อขายไม่สมบูรณ์ แม้ผู้ซื้ออ้างสุจริต หากมีพฤติการณ์ส่อปกปิด
จำเลยทำสัญญาซื้อขายไม้สักตายแห้งขอนนอนกับกรมป่าไม้ แต่กลับไปทำการลักตัดไม้สดออกจากป่าโดยมิได้รับอนุญาต อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ ไม้สักที่จำเลยลักตัดจึงเป็นไม้ที่ได้มาโดยผิดกฎหมาย และเป็นของที่ต้องริบตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 74
ผู้ร้องรับซื้อไม้จากจำเลยซึ่งเป็นพ่อค้าไม้ โดยมีพฤติการณ์ที่ยังฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องสุจริต ผู้ร้องจะยกประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1329, 1332 ขึ้นมาอ้างเพื่อยึดถือไม้ไว้หาได้ไม่
เมื่อวัตถุแห่งหนี้ของสัญญาซื้อขายเป็นของผิดกฎหมาย สัญญาซื้อขายก็ไม่สมบูรณ์
ผู้ร้องรับซื้อไม้จากจำเลยซึ่งเป็นพ่อค้าไม้ โดยมีพฤติการณ์ที่ยังฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องสุจริต ผู้ร้องจะยกประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1329, 1332 ขึ้นมาอ้างเพื่อยึดถือไม้ไว้หาได้ไม่
เมื่อวัตถุแห่งหนี้ของสัญญาซื้อขายเป็นของผิดกฎหมาย สัญญาซื้อขายก็ไม่สมบูรณ์