พบผลลัพธ์ทั้งหมด 14 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 980/2567
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานอั้งยี่และการพนันออนไลน์: ฟ้องครบองค์ประกอบและลงโทษถูกต้องตามกฎหมาย
สำหรับความผิดฐานร่วมกันเป็นอั้งยี่ โจทก์บรรยายฟ้องว่าเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2565 เวลากลางวัน จำเลยทั้งยี่สิบร่วมกันเป็นสมาชิกของคณะบุคคลซึ่งปกปิดวิธีดำเนินการและมีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมายร่วมกันประชุมในที่ประชุมอั้งยี่และกระทำความผิดตามความมุ่งหมายของอั้งยี่ โดยร่วมกันจัดให้มีการเล่น ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนทางเว็บไซต์ http://www.biz99.bet/ โดยชักชวนผู้ที่ต้องการเล่นพนันบอลออนไลน์ บาการาออนไลน์ และสล็อตออนไลน์ให้สมัครเป็นสมาชิกของเว็บไซต์ดังกล่าวด้วยข้อความประกาศที่หน้าเว็บไซต์ที่ว่า "เว็บไซต์ออนไลน์ แทงบอล บาการา สล็อต ฝาก ถอน ออโต 1 วิ มีโปรโมชั่น กิจกรรม เครดิตฟรี มากที่สุด" โดยบาการาออนไลน์ เป็นการพนันที่ระบุในบัญชี ก. หมายเลข 27 สล็อตออนไลน์เป็นการพนันที่ระบุในบัญชี ข. หมายเลข 28 และบอลออนไลน์ เป็นการพนันตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 4 ทวิ แห่ง พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ. 2478 จำเลยทั้งยี่สิบร่วมกันรับเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานตามกฎหมายและอยู่ด้วยในที่ประชุมขณะกระทำความผิด ไม่ได้คัดค้านในการกระทำความผิดนั้น ตามฟ้องดังกล่าวแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าจำเลยทั้งยี่สิบรู้อยู่แล้วว่าคณะบุคคลที่ตนเป็นสมาชิกมีความมุ่งหมายเพื่อร่วมกันจัดให้มีการเล่น ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนทางเว็บไซต์สำหรับผู้ที่ต้องการเล่นพนันบอลออนไลน์ บาการาออนไลน์ และสล็อตออนไลน์ให้สมัครเป็นสมาชิกของเว็บไซต์ดังกล่าวโดยจำเลยทั้งยี่สิบต่างร่วมกันเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้และทราบข้อกฎหมายซึ่งรู้กันอยู่ทั่วไปว่า บาการาออนไลน์ สล็อตออนไลน์ และบอลออนไลน์ ล้วนแต่เป็นการพนันที่ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานอันเป็นการกระทำที่มีความมุ่งหมายโดยเจตนาให้ผิดต่อกฎหมายอยู่ในตัวแล้ว โจทก์ไม่จำเป็นต้องบรรยายคำฟ้องว่าจำเลยทั้งยี่สิบรู้อยู่ก่อนแล้วโดยเจตนาว่าเป็นการเล่นพนันที่มิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานตามกฎหมายตามคำฟ้องของโจทก์จึงเป็นการบรรยายการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยทั้งยี่สิบได้กระทำความผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น ๆ อีกทั้งบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควรเท่าที่จะทำให้จำเลยทั้งยี่สิบเข้าใจข้อหาได้ดี ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) ประกอบ พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 4 และ พ.ร.บ. ให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ. 2520 มาตรา 3 แล้ว ส่วนการที่จำเลยทั้งยี่สิบยื่นใบสมัครต่อบุคคลใด ตั้งแต่เมื่อใด มิใช่องค์ประกอบความผิด และเป็นรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำสืบได้ในชั้นพิจารณา แต่เมื่อจำเลยทั้งยี่สิบให้การรับสารภาพ ย่อมแสดงว่าจำเลยทั้งยี่สิบเข้าใจข้อหาตามคำฟ้องแล้วโจทก์หาจำต้องบรรยายมาในคำฟ้องไม่ คำฟ้องโจทก์จึงครบองค์ประกอบความผิดฐานร่วมกันเป็นอั้งยี่แล้ว สำหรับการปกปิดวิธีการดำเนินการตามคำฟ้องก็เป็นเรื่องวิธีการหรือขั้นตอนในการกระทำความผิดฐานร่วมกันเป็นอังยี่ส่วนการร่วมกันจัดให้มีการเล่น ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนทางเว็บไซต์ผู้ที่ต้องการเล่นการพนันออนไลน์ก็เป็นวิธีการหรือขั้นตอนอย่างหนี่งในการกระทำความผิดฐานร่วมกันเป็นอั้งยี่ด้วยเหมือนกัน หาได้ขัดแย้งและเป็นฟ้องเคลือบคลุมแต่อย่างใดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3961/2563
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บทลงโทษ พ.ร.บ.การพนัน: การลงโทษจำคุกและปรับ, การจ่ายสินบนนำจับ, และการรอการลงโทษ
พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 12 (1) บัญญัติบทลงโทษในความผิดฐานจัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินรวบไว้ว่า "ให้ลงโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือน ขึ้นไปจนถึง 3 ปี และปรับตั้งแต่ 500 บาท ขึ้นไปจนถึง 5,000 บาท ด้วยอีกโสดหนึ่ง" ซึ่งคำว่า "อีกโสดหนึ่ง" ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ให้คำจำกัดความไว้ว่า หมายถึง กระทงความส่วนหนึ่งโดยมิใช่บทบังคับให้ศาลต้องลงโทษจำคุกและปรับด้วยเสมอ จึงเท่ากับกฎหมายกำหนดให้ลงโทษทั้งจำคุกและปรับด้วย แต่ถ้าศาลเห็นสมควรแก่พฤติการณ์แห่งคดีก็มีอำนาจใช้ดุลพินิจลงโทษจำคุกโดยไม่จำต้องลงโทษปรับด้วยก็ได้ ตาม ป.อ. มาตรา 20 สำหรับเงินสินบนนำจับนั้น ในกรณีที่มีคำขอให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 15 ศาลจะพิพากษาให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับได้ก็ต่อเมื่อมีการลงโทษปรับจำเลยด้วย เพราะจำนวนเงินค่าปรับจะต้องนำมาเป็นเกณฑ์ในการคำนวณว่าจะต้องจ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับเป็นจำนวนเท่าใด เมื่อคดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาลงโทษจำคุกแต่อย่างเดียวโดยไม่ลงโทษปรับ จึงไม่อาจจ่ายเงินสินบนแก่ผู้นำจับได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 ลงโทษจำคุกแต่อย่างเดียวโดยไม่ลงโทษปรับและไม่สั่งให้จำเลยจ่ายเงินสินบนนำจับจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5943/2548
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำพิพากษาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากผู้พิพากษาลงนามคนเดียว ทำให้ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจพิจารณา
ศาลแขวงพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปี และปรับ 5,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี และให้คุมความประพฤติจำเลยไว้ แต่มีผู้พิพากษาลงนามในคำพิพากษาเพียงคนเดียว เป็นกรณีที่ศาลแขวงมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 17 ประกอบมาตรา 25 (5) เพราะผู้พิพากษาคนเดียวจะพิพากษาลงโทษจำคุกเกินหกเดือน หรือปรับเกินหนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งโทษจำคุกหรือปรับอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างเกินอัตราที่กล่าวแล้วไม่ได้ คำพิพากษาศาลแขวงจึงไม่ชอบด้วยบทกฎหมายดังกล่าว ซึ่งมีผลทำให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้ได้
ปัญหาข้างต้นเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 9/2548)
ปัญหาข้างต้นเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 9/2548)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4702/2548
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาต้องกระทำต่อหน้าศาล การยื่นเอกสารไม่ใช่การฟ้อง
ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 19 บัญญัติให้โจทก์อาจฟ้องด้วยวาจาหรือเป็นหนังสือก็ได้ หากจะฟ้องด้วยวาจาตามวรรคสองของบทบัญญัติดังกล่าวให้โจทก์ต้องแจ้งต่อศาลถึงชื่อโจทก์ ชื่อที่อยู่ และสัญชาติของจำเลย ฐานความผิด การกระทำที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิด ข้อเท็จจริง และรายละเอียดเกี่ยวกับเวลา สถานที่ และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องพอสมควรเท่าที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี และมาตราในกฎหมายซึ่งบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความผิด ซึ่งศาลจะบันทึกใจความไว้เป็นหลักฐานและให้คู่ความลงชื่อไว้ วิธีปฏิบัติดังกล่าวโจทก์จึงต้องมาศาล กล่าวฟ้องจำเลยต่อศาลด้วยวาจาให้ได้สาระดังกล่าว
การนำบันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจามาเสนอต่อศาลชั้นต้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ของศาลได้ประทับตราพนักงานรับฟ้องไว้ โดยสภาพบันทึกดังกล่าวจึงไม่ใช่การฟ้องคดีอาญาต่อศาลด้วยวาจา แต่เป็นเอกสารที่เป็นหลักฐานเพื่อจะฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาด้วยวาจา และเป็นความสะดวกที่ศาลจะบันทึกการฟ้องด้วยวาจาลงในแบบพิมพ์ของศาลได้รวดเร็วขึ้นเท่านั้น เมื่อโจทก์ไม่มาศาลในวันดังกล่าวจึงไม่อาจมีการฟ้องคดีด้วยวาจาได้ ศาลจึงไม่อาจพิจารณาพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดได้ และจะพิพากษายกฟ้องก็ไม่ได้เพราะยังไม่มีฟ้อง แต่ต้องสั่งจำหน่ายคดีจากสารบบความ
การนำบันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจามาเสนอต่อศาลชั้นต้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ของศาลได้ประทับตราพนักงานรับฟ้องไว้ โดยสภาพบันทึกดังกล่าวจึงไม่ใช่การฟ้องคดีอาญาต่อศาลด้วยวาจา แต่เป็นเอกสารที่เป็นหลักฐานเพื่อจะฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาด้วยวาจา และเป็นความสะดวกที่ศาลจะบันทึกการฟ้องด้วยวาจาลงในแบบพิมพ์ของศาลได้รวดเร็วขึ้นเท่านั้น เมื่อโจทก์ไม่มาศาลในวันดังกล่าวจึงไม่อาจมีการฟ้องคดีด้วยวาจาได้ ศาลจึงไม่อาจพิจารณาพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดได้ และจะพิพากษายกฟ้องก็ไม่ได้เพราะยังไม่มีฟ้อง แต่ต้องสั่งจำหน่ายคดีจากสารบบความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2295/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษปรับเป็นเงื่อนไขสำคัญในการจ่ายสินบนนำจับในคดีพนัน และพฤติการณ์ร้ายแรงที่ไม่รอการลงโทษ
ในกรณีที่มีคำขอให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับตามมาตรา 15 แห่ง พ.ร.บ.การพนันฯ ศาลจะพิพากษาให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับได้ก็ต่อเมื่อมีการลงโทษปรับจำเลยด้วย เพราะจำนวนเงินค่าปรับจะต้องนำมาเป็นเกณฑ์ในการคำนวณว่าจะต้องจ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับเป็นจำนวนเท่าใด เมื่อคดีนี้ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกแต่อย่างเดียวโดยไม่ลงโทษปรับ จึงไม่อาจจ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1600/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายสลากกินรวบ - พยานหลักฐานไม่เพียงพอ - ขั้นเตรียมการกระทำผิด
โจทก์ไม่มีพยานยืนยันว่า จำเลยได้ขายสลากกินรวบ แม้เจ้าพนักงานตำรวจจะจับ ศ. ซึ่งเป็นผู้ซื้อสลากกินรวบมาได้ในขณะเกิดเหตุศ. ก็ให้การว่า ได้มาซื้อสลากกินรวบที่บ้านจำเลยมิได้ระบุว่าซื้อจากจำเลย โจทก์ไม่ได้ตัว ศ. มาสืบ คงส่งแต่บันทึกคำให้การในชั้นสอบสวนของ ศ. เป็นพยานต่อศาล บันทึกคำให้การดังกล่าวเป็นเพียงพยานบอกเล่าซึ่งมีน้ำหนักน้อย ไม่พอฟังว่า ศ. ซื้อสลากกินรวบจากจำเลย โพยของกลางก็ไม่ได้ความว่าจำเลยเป็นผู้เขียนและขายโพยนั้น แม้จะฟังว่าจำเลยเขียนเลขสลากกินรวบไว้เพื่อขาย แต่ยังไม่ทันลงมือขายก็ถูกจับ ดังนี้ จำเลยยังไม่มีความผิดฐานพยายามขายสลากกินรวบ เป็นเพียงขั้นเตรียมการกระทำผิดเท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3737/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความไม่ชัดเจนของฟ้องพนัน ทำให้ศาลลงโทษไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาพิพากษายืนตามเดิม
คำฟ้องของโจทก์ที่บรรยายว่า จำเลยทั้งหมดกับพวกได้ร่วมกันเล่นการพนันป๊อกแปดเก้าหรือการเล่นซึ่งมีลักษณะคล้ายป๊อก มีวิธีการเล่นซึ่งดัดแปลงมาจากการเล่นแปดเก้าอันระบุไว้ในบัญชี ก.อันดับที่ 5 และการเล่นป๊อกอันระบุไว้ในบัญชี ก. อันดับที่ 11ย่อมเป็นที่เข้าใจได้แล้วว่า จำเลยทั้งหมดกับพวกเข้าพนันในการเล่นอย่างเดียว โดยมีวิธีการเล่นที่พลิกแพลงนำเอาการเล่นแปดเก้ากับการเล่นป๊อกเข้ามารวมกัน แล้วเรียกชื่อใหม่ว่าป๊อกแปดเก้าจำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อหา แสดงว่าเข้าใจในวิธีการเล่นการพนันตามที่โจทก์กล่าวในฟ้องแล้วเป็นอย่างดี คำฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 860/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจ่ายสินบนนำจับต้องควบคู่กับการลงโทษปรับ การลงโทษจำคุกอย่างเดียวไม่จำเป็นต้องจ่ายสินบน
ตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 15 และพระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2490 มาตรา 3 ถ้าเป็นกรณีที่มีผู้นำจับผู้กระทำผิด ให้พนักงานอัยการร้องขอต่อศาลให้จ่ายสินบนแก่ผู้นำจับ และให้ศาลสั่งให้ผู้กระทำผิดใช้สินบนแก่ผู้นำจับกึ่งหนึ่งของจำนวนเงินค่าปรับด้วย นั้น ศาลจะสั่งให้ผู้กระทำผิดจ่ายสินบนนำจับก็ต่อเมื่อมีการลงโทษปรับด้วย เพราะค่าปรับเป็นเกณฑ์ในการคำนวณว่า ผู้กระทำผิดจะต้องจ่ายสินบนนำจับแก่ผู้นำจับเท่าใด ดังนั้น ในกรณีที่ศาลลงโทษจำคุกจำเลยแต่อย่างเดียว ศาลไม่สั่งให้จำเลยจ่ายสินบนนำจับ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 55/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจ่ายสินบนนำจับคดีการพนัน: ผู้แจ้งความที่ระบุรายละเอียดผู้เล่นและสถานที่ ถือเป็นผู้นำจับ
ในคดีที่เจ้าพนักงานตำรวจซึ่งเป็นพยานโจทก์เบิกความว่า ผู้ประสงค์เงินสินบนนำจับมาแจ้งว่าที่บ้านจำเลยลักลอบเล่นการพนัน ได้ระบุถึงผู้เล่นและเล่นอยู่ตรงไหนของตัวบ้าน เจ้าพนักงานตำรวจอีกผู้หนึ่งก็ได้สอบถามผู้มาแจ้ง ตามข้อเท็จจริงเช่นนี้ถือได้ว่าผู้ที่มาแจ้งนั้นเป็นผู้นำจับตามความในพระราชบัญญัติการพนันแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 55/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเป็นผู้นำจับตาม พ.ร.บ.การพนัน: การแจ้งเบาะแสที่ระบุตัวผู้กระทำผิดและสถานที่ ถือเป็นผู้นำจับได้
ในคดีที่เจ้าพนักงานตำรวจซึ่งเป็นพยานโจทก์เบิกความว่า ผู้ประสงค์เงินสินบนนำจับมาแจ้งว่า ที่บ้านจำเลยลักลอบเล่นการพนันได้ระบุถึงผู้เล่นและเล่นอยู่ตรงไหนของตัวบ้าน เจ้าพนักงานตำรวจอีกผู้หนึ่งก็ได้สอบถามผู้มาแจ้งตามข้อเท็จจริง เช่นนี้ถือได้ว่าผู้ที่มาแจ้ง นั้นเป็นผู้นำจับตามความในพระราชบัญญัติการพนันแล้ว