คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 243.

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 8 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 697/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละประเด็นข้อพิพาท และการสืบพยานเพื่อวินิจฉัยประเด็นเดียวที่เหลือ
คดีมีประเด็นข้อพิพาทหลายข้อ ต่อมาระหว่างพิจารณาคู่ความขอสละประเด็นข้ออื่น คงเหลือประเด็นข้อเดียวว่า โจทก์รังวัดเข้ามาในที่ดินของจำเลยหรือไม่ ดังนี้ ย่อมแสดงว่าจำเลยสละข้อต่อสู้อื่น ๆ ทั้งหมด คงให้ศาลสืบพยานและวินิจฉัยประเด็นดังกล่าวข้อเดียวเป็นข้อแพ้ชนะ ฉะนั้นหากฟังได้ว่าโจทก์รังวัดเข้าไปในที่ดินของจำเลย ศาลต้องพิพากษายกฟ้องแต่ถ้าฟังได้ว่าไม่ได้รังวัดเข้าไปในที่ดินของจำเลย ก็ต้องพิพากษาบังคับให้จำเลยรับรองแนวเขตที่ดินของโจทก์ตามฟ้อง จะอ้างว่าคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ไม่อาจบังคับตามกฎหมายให้โจทก์ได้หาได้ไม่ จึงต้องย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยในประเด็นดังกล่าวต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1706/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจการขายทรัพย์สินของสหประชาชาติและการพิสูจน์ความเป็นเจ้าของโกดังมีผลต่อการฟ้องละเมิด
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยจากที่ดินของโจทก์และสิ่งปลูกสร้างบนที่ดิน จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ให้บริษัทมิตซุย ฯ ซึ่งเป็นชนชาติญี่ปุ่นเช่าที่ดินปลูกโกดัง โดยมีสัญญาว่าสิ่งปลูกสร้างนี้เป็นของบริษัทมิตซุย ฯ บริษัทรื้อถอนไปได้ และเมื่อประเทศญี่ปุ่นแพ้สงคราม สิ่งปลูกสร้างนี้ตกอยู่ในความครอบครองดูแลของ ก.ท.ส. โดยอำนาจแห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกักคุมตัวและควบคุมจัดการ ฯลฯ และจำเลยรับว่า ต่อมาสหประชาชาติได้ขายเลหลังโกดังหมายเลข 1,2,8,9 บนที่ดินพิพาทโดยโจทก์เป็นผู้ประมูลซื้อได้ แต่จำเลยยังเถียงว่าสหประชาชาติไม่มีอำนาจขายดังนี้ ถ้าหากเป็นจริงดังข้อเถียงของจำเลย โจทก์ก็ไม่ใช่เจ้าของโกดัง จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดฐานละเมิดในการใช้โกดังนั้นต่อโจทก์
ฉะนั้นการที่ศาลล่างชี้ขาดปัญหาเบื้องต้นตามมาตรา 24 ประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง ว่าโกดังหมายเลข 1,2,8,9 เป็นของโจทก์จึงไม่ชอบ
ส่วนปัญหาเกี่ยวกับที่ดินนั้น จำเลยไม่ได้แสดงว่ามีสิทธอย่างไร การห้ามจำเลยไม่ให้ใช้ที่ดินจึงเป็นการชอบแล้ว
ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลล่างโดยให้ยกคำชี้ขาดบางข้อเสียแล้ว ให้ดำเนินการพิจารณาใหม่ ส่วนนอกนั้นยืนตามได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1045/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลอุทธรณ์ในการอนุญาตถอนฟ้อง และผลของการปรานีประนอมยอมเลิกความ
ศาลอุทธรณ์หามีอำนาจที่จะสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องที่ได้ยื่นไว้ต่อศาลชั้นต้นจนศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาไปเสร็จแล้วนั้นได้ไม่ ฉะนั้นเมื่อมีการถอนฟ้องในชั้นศาลอุทธรณ์ ก็ย่อมหมายความว่าผู้อุทธรณ์จะขอถอนฟ้องได้แต่ฟ้องอุทธรณ์เท่านั้น
เมื่อคู่ความประสงค์จะตกลงกันเพื่อเปลี่ยนแปลงแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้นประการใด คู่ความก็ชอบที่จะมาทำปราณีประนอมกันต่อหน้าศาล และขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาไปตามสัญญาปราณีประนอมนั้น คำพิพากษาศาลชั้นต้นจึงจะถูกงดเว้นเปลี่ยนแปลงการบังคับได้โดยอำนาจของคำพิพากษา หรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 144/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้สิทธิฆ่าสัตว์ทำลายทรัพย์สิน ต้องพิจารณาความจำเป็นและโทษะของผู้กระทำ
เจ้าของไร่ได้ใช้ปืนยิงสุกรที่เข้ามากินผลไม้ในไร่ ปรากฎว่าเป็นสุกรบ้านไม่ดุร้าย มีทางที่จะจับกุมโดยละม่อมได้ และตามรูปเรื่องเจ้าของไร่ยิงไปโดยโทษะ จึงไม่เป็นนิรโทษกรรมและต้องรับผิดในค่าสินไหมทดแทน
ในคดีที่โจทก์ฟ้องเรื่องละเมิดเรียกค่าเสียหาย ศาลชั้นต้นว่า ไม่เป็นละเมิดให้ยกฟ้อง เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นละเมิด ย่อมมีอำนาจวินิจฉัยเรื่องค่าเสียหายที่คู่ความได้นำสืบกันมาแล้วไปได้เลย ไม่จำเป็นต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่.
ในคดีเรียกค่าเสียหายค่าสุกรที่สุกรเข้าไปกินผลไม้ในไร่เขาเสียหาย เจ้าของไร่ใช้ปืนยิงสุกรตายนั้น เมื่อปรากฎว่าเจ้าของสุกรปล่อยปละละเลยสุกรเข้าไปในไร่ของเขาบ่อย ๆ เป็นการมีส่วนในการผิดอยู่ด้วย ศาลมีอำนาจลดค่าเสียหายให้ตามสมควร ตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 442.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 718/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์และการซื้อขายที่ดิน: ศาลวินิจฉัยสิทธิในที่ดินเมื่อจำเลยอ้างการซื้อขายกับผู้โอนก่อน
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลย อ้างว่าอาศัย ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยได้กรมมสิทธิทางปรปักษ์ ให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายระหว่างโจทก์กับผู้โอนตามฟ้องแย้งของจำเลย โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ฟังว่า โจทก์ได้รับโอนโดนสุจริต ให้ขับไล่จำเลย จำเลยฎีกา ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจวินิจฉัยถึงประเด็นข้อที่ว่า จำเลยอยู่โดยปรปักษ์หรือโดยอาศัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 467/2486 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาและการนำสืบพยาน: ทนายจำเลยมาศาลแต่ไม่นำพยาน ถือไม่ได้ว่าจำเลยขาดนัด
ไนวันนัดพิจารนาซึ่งสาลกำหนดไห้จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อน จำเลยไม่มาสาลคงมีแต่ทนายจำเลยสาลตามกำหนดนัด +มีเช่นนี้ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยขาดนัดพิจารนา และจะถือว่าจำเลยละเลยไม่นำพยานมาสืบไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 398/2486 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจศาล: คดีอาญาคาบเกี่ยวระหว่างศาลพลเรือนและทหาร ต้องพิจารณาเวลาเกิดเหตุอย่างชัดเจนเพื่อกำหนดเขตอำนาจ
คดีอาญาที่การกะทำผิดเกิดขึ้นคาบเกี่ยวกับสาลพลเรือนและสาลทหาน เมื่อไม่ปรากดแน่ชัดว่าเปนกรนีที่เกิดขึ้นพายไหเวลาที่บัญญัติว่าจะต้องดำเนินคดีทางสาลทหานเช่นนี้ ต้องนำคดีขึ้นสาลพลเรือน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 828/2485 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกเฉยคำร้องคัดค้านทรัพย์ของศาลชั้นต้น ศาลฎีกามีอำนาจย้อนสำนวนเพื่อพิจารณา
ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องคัดค้านทรัพย์ก่อนมีคำพิพากษาศาลชั้นต้น แต่ศาลชั้นต้นไม่ได้วินิจฉัยคำร้องของผู้ร้อง ศาลสูงมีอำนาจย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาพิพากษาใหม่ได้