พบผลลัพธ์ทั้งหมด 18 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1027/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานเรียกรับสินบนเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามอำนาจที่มีอยู่แล้ว ข้อตกลงเป็นโมฆะ
โจทก์เป็นเจ้าพนักงานตำรวจซึ่งมีหน้าที่สืบสวนเกี่ยวกับการกระทำผิดอาญา เมื่อโจทก์รู้ว่ามีการกระทำผิดอาญาเกิดขึ้น โจทก์มีหน้าที่จับกุมผู้กระทำผิดหรือมีหน้าที่ต้องแจ้งการกระทำผิดนั้นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจจับกุม หากการะกระทำผิดนั้นเกิดนอกเขตอำนาจของตน การที่โจทก์ไปแจ้งความต่อนายตรวจศุลกากรขอให้จับกุมผู้ลักลอบนำทองคำต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจจับกุม โดยหวังจะขอรับเงินสินบนนำจับในการที่โจทก์จะปฏิบัติหน้าที่ ข้อตกลงในการเรียกและยอมให้เงินสินบนนำจับแก่เจ้าพนักงานเพื่อปฏิบัติการตามหน้าที่ ย่อมมีวัตถุที่ประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย เพราะมีลักษณะเป็นการที่เจ้าพนักงานเรียกและรับสินบนฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายอาญา ข้อตกลงดังกล่าวจึงตกเป็นโมฆะ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินสินบนนำจับ
(พิจารณาโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 17-18/2511)
(พิจารณาโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 17-18/2511)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1027/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานเรียกรับสินบนนำจับขัดต่อหน้าที่ตามกฎหมาย ข้อตกลงเป็นโมฆะ
โจทก์เป็นเจ้าพนักงานตำรวจซึ่งมีหน้าที่สืบสวนเกี่ยวกับการกระทำผิดอาญาเมื่อโจทก์รู้ว่ามีการกระทำผิดอาญาเกิดขึ้น โจทก์มีหน้าที่จับกุมผู้กระทำผิดหรือมีหน้าที่ต้องแจ้งการกระทำผิดนั้นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจจับกุม หากการกระทำผิดนั้นเกิดนอกเขตอำนาจของตน การที่โจทก์ไปแจ้งความต่อนายตรวจศุลกากรขอให้จับกุมผู้ลักลอบนำทองคำออกนอกราชอาณาจักร ทั้งที่โจทก์มีอำนาจจับกุมด้วยตนเองหรือมีหน้าที่แจ้งการกระทำผิดต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจจับกุม โดยหวังจะขอรับเงินสินบนนำจับในการที่โจทก์จะปฏิบัติหน้าที่ ข้อตกลงในการเรียกและยอมให้เงินสินบนนำจับแก่เจ้าพนักงานเพื่อปฏิบัติการตามหน้าที่ย่อมมีวัตถุที่ประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย เพราะมีลักษณะเป็นการที่เจ้าพนักงานเรียกและรับสินบนฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายอาญา ข้อตกลงดังกล่าวจึงตกเป็นโมฆะ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินสินบนนำจับ (พิจารณาโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 17-18/2511)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 402/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ความผิดฐานนำเข้าสินค้าและเงินตราต่างประเทศ จำเลยต้องมีความผิดชัดเจน
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์ แต่รองเท้าไม้ของกลางจับได้จากนายประเสริฐ(ไม่ใช่จำเลย) เป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่รับอนุญาต ริบตามพระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกไปนอกและนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2490 มาตรา 3 ซึ่งเป็นบทหนัก โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาฟังว่ารองเท้าไม้นายประเสริฐถือมาอาจเป็นของนายประเสริฐเอง แต่นายประเสริฐกลัวความผิดจึงปัดว่าเป็นคนอื่น ไม่พอฟังว่าจับได้จากจำเลย พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
(หมายเหตุ ศาลฎีกาพิพากษายืน มีผลถึงให้ริบรองเท้าไม้ของกลางไว้ด้วย น่าจะเป็นเพราะมีการกระทำผิดเกิดขึ้นแล้ว นายประเสริฐซึ่งเป็นเจ้าของรู้เห็นแล้ว น่าจะไม่ขัดกับฎีกาที่ 225/2506 และเทียบเคียงได้กับฎีกาที่ 751/2507)
(หมายเหตุ ศาลฎีกาพิพากษายืน มีผลถึงให้ริบรองเท้าไม้ของกลางไว้ด้วย น่าจะเป็นเพราะมีการกระทำผิดเกิดขึ้นแล้ว นายประเสริฐซึ่งเป็นเจ้าของรู้เห็นแล้ว น่าจะไม่ขัดกับฎีกาที่ 225/2506 และเทียบเคียงได้กับฎีกาที่ 751/2507)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1347/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักลอบนำทองคำเข้าประเทศ แม้ยังมิได้นำขึ้นจากเรือ หากมีเจตนาทุจริตก็ถือเป็นความผิด
การที่จำเลยซึ่งเป็นอินยิเนียร์เรือมีทองไว้ในครอบครองมากเกินจะเป็นของใช้ส่วนตัว ซึ่งทองนี้ซุกไว้ในโต๊ะทำงานของจำเลยในเรือซึ่งเข้ามาสู่ประเทศไทยจากต่างประเทศ เป็นการส่อว่าจำเลยไม่สุจริตในการพาเข้ามาในประเทศเมื่อมีกฎหมายศุลกากรบัญญัติให้ต้องแจ้งต่อเจ้าพนักงาน จำเลยไม่แจ้ง แม้จำเลยจะยังมิได้เอาทองเคลื่อนย้ายออกจากเรือเพื่อนำขึ้นบก ก็ถือว่าจำเลยกระทำผิด ฐานพาทองอันเป็นของต้องห้ามเข้ามาในประเทศ โดยมิได้รับอนุญาตแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1347/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักลอบนำทองคำเข้าประเทศโดยเจตนาทุจริต แม้ยังมิได้นำขึ้นจากเรือ ถือเป็นความผิดตามกฎหมายศุลกากร
การที่จำเลยซึ่งเป็นอินยิเนียร์เรือมีทองไว้ในครอบครองมากเกินจะเป็นของใช้ส่วนตัว ซึ่งทองนี้ซุกไว้ในโต๊ะทำงานของจำเลยในเรือซึ่งเข้ามาสู่ประเทศไทยจากต่างประเทศ เป็นการส่อว่าจำเลยไม่สุจริตในการพาเข้ามาในประเทศ เมื่อมีกฎหมายศุลกากรบัญญัติให้ต้องแจ้งต่อเจ้าพนักงาน จำเลยไม่แจ้ง แม้จำเลยจะยังมิได้เอาทองเคลื่อนย้ายออกจากเรือเพื่อนำขึ้นบก ก็ถือว่าจำเลยกระทำผิดฐานพาทองอันเป็นของต้องห้ามเข้ามาในประเทศโดยมิได้รับอนุญาตแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1250/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักลอบนำเข้าทองคำโดยไม่ได้รับอนุญาต ความผิดเกิดขึ้นแม้ยังไม่ได้นำขึ้นจากเรือ
จำเลยลักลอบซ่อนทองคำมาในเรือโดยไม่รับอนุญาตเมื่อเรือเข้าจอดท่าเรือที่จังหวัดสมุทรปราการ ถึงแม้จำเลยจะยังมิได้นำทองขึ้นจากเรือ ความผิดก็เกิดขึ้นแล้ว
ทองคำของกลางต้องริบตาม พ.ร.บ.ศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ.2482 มาตรา17
ทองคำของกลางต้องริบตาม พ.ร.บ.ศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ.2482 มาตรา17
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 749/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพหลังต่อสู้คดีเดิม ศาลไม่พิจารณาข้อต่อสู้เดิม และอำนาจสอบสวนเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลอุทธรณ์แม้จะไม่ปรากฏข้อความว่าให้ยืน ยก แก้หรือกลับ แต่ปรากฏข้อความว่าอุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น ซึ่งแสดงว่า พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นนั่นเองซึ่ง ถูกต้องตามมาตรา 214 ป.วิ.อาญาแล้ว
ในชั้นแรกจำเลยให้การปฏิเสธฟ้องของโจทก์ และต่อว่าผู้กระทำการสอบสวนทำการสอบสวนโดยไม่มีอำนาจตามกฎหมาย แต่ต่อมาจำเลยกลับให้การรับสารภาพว่าได้กระทำผิดตามฟ้องโจทก์ทุกประการ ขอให้ลงโทษจำเลยแต่ในสถานเบา และแยกพิพากษาคดีส่วนตัวของจำเลยให้เสร็จสิ้นไปนั้น เป็นการแสดงว่าจำเลยไม่ติดใจต่อสู้คดี ตามคำให้การฉะบับแรกนั้นแล้ว ฉะนั้นข้อต่อสู้ของจำเลยชั้นเดิมที่ว่าการสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมายจึงไม่เป็น+ที่ศาลจะร้องยกขึ้นวินิจฉัย
+จะฟังว่าพนักงานสอบสวนมีอำนาจสอบสวนหรือไม่นั้น เป็นปัญหาข้อเท็จจริง เพราะในการนี้อาจต้องพิจารณาถึงข้อบังคับกฎหมายซึ่งว่าด้วยอำนาจและหน้าที่ของตำรวจเป็นข้อประกอบด้วย ตามมาตรา 16 ป.วิ.อาญา
ในชั้นแรกจำเลยให้การปฏิเสธฟ้องของโจทก์ และต่อว่าผู้กระทำการสอบสวนทำการสอบสวนโดยไม่มีอำนาจตามกฎหมาย แต่ต่อมาจำเลยกลับให้การรับสารภาพว่าได้กระทำผิดตามฟ้องโจทก์ทุกประการ ขอให้ลงโทษจำเลยแต่ในสถานเบา และแยกพิพากษาคดีส่วนตัวของจำเลยให้เสร็จสิ้นไปนั้น เป็นการแสดงว่าจำเลยไม่ติดใจต่อสู้คดี ตามคำให้การฉะบับแรกนั้นแล้ว ฉะนั้นข้อต่อสู้ของจำเลยชั้นเดิมที่ว่าการสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมายจึงไม่เป็น+ที่ศาลจะร้องยกขึ้นวินิจฉัย
+จะฟังว่าพนักงานสอบสวนมีอำนาจสอบสวนหรือไม่นั้น เป็นปัญหาข้อเท็จจริง เพราะในการนี้อาจต้องพิจารณาถึงข้อบังคับกฎหมายซึ่งว่าด้วยอำนาจและหน้าที่ของตำรวจเป็นข้อประกอบด้วย ตามมาตรา 16 ป.วิ.อาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 749/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพภายหลังต่อสู้คดีเดิม: ศาลไม่วินิจฉัยประเด็นอำนาจสอบสวนเดิม
คำพิพากษาศาลอุทธรณ์แม้จะไม่ปรากฏข้อความว่าให้ยืนยก แก้หรือกลับแต่ปรากฏข้อความว่าอุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น ซึ่งแสดงว่าพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นนั่นเอง ย่อมถูกต้องตามมาตรา 214 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาแล้ว
ในชั้นแรกจำเลยให้การปฏิเสธฟ้องของโจทก์ และต่อสู้ว่าผู้ทำการสอบสวนทำการสอบสวนโดยไม่มีอำนาจตามกฎหมาย แต่ต่อมาจำเลยกลับให้การรับสารภาพว่าได้กระทำผิดตามฟ้องโจทก์ทุกประการ ขอให้ลงโทษจำเลยแต่ในสถานเบาและแยกพิพากษาคดีส่วนตัวของจำเลยให้เสร็จสิ้นไปนั้น
เป็นการแสดงว่าจำเลยไม่ติดใจต่อสู้คดี ตามคำให้การฉบับแรกนั้นแล้ว ฉะนั้นข้อต่อสู้ของจำเลยชั้นเดิมที่ว่าการสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมายจึงไม่เป็นปัญหาที่ศาลจะต้องยกขึ้นวินิจฉัยต่อไป
การที่จะฟังว่าพนักงานสอบสวนมีอำนาจสอบสวนหรือไม่นั้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริง เพราะในการนี้อาจต้องพิจารณาถึงข้อบังคับทั้งหลายซึ่งว่าด้วยอำนาจและหน้าที่ของตำรวจเป็นข้อประกอบด้วยตามมาตรา 16 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ในชั้นแรกจำเลยให้การปฏิเสธฟ้องของโจทก์ และต่อสู้ว่าผู้ทำการสอบสวนทำการสอบสวนโดยไม่มีอำนาจตามกฎหมาย แต่ต่อมาจำเลยกลับให้การรับสารภาพว่าได้กระทำผิดตามฟ้องโจทก์ทุกประการ ขอให้ลงโทษจำเลยแต่ในสถานเบาและแยกพิพากษาคดีส่วนตัวของจำเลยให้เสร็จสิ้นไปนั้น
เป็นการแสดงว่าจำเลยไม่ติดใจต่อสู้คดี ตามคำให้การฉบับแรกนั้นแล้ว ฉะนั้นข้อต่อสู้ของจำเลยชั้นเดิมที่ว่าการสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมายจึงไม่เป็นปัญหาที่ศาลจะต้องยกขึ้นวินิจฉัยต่อไป
การที่จะฟังว่าพนักงานสอบสวนมีอำนาจสอบสวนหรือไม่นั้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริง เพราะในการนี้อาจต้องพิจารณาถึงข้อบังคับทั้งหลายซึ่งว่าด้วยอำนาจและหน้าที่ของตำรวจเป็นข้อประกอบด้วยตามมาตรา 16 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 511/2489 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบของกลางในความผิดส่งออกข้าวสารโดยไม่ได้รับอนุญาต: หลักเกณฑ์การพิจารณาความเชื่อมโยงของสิ่งของกับความผิด
กระสอบใส่ข้าวส่งออกนอกราชอาณาจักร์โดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นของเนื่องด้วยความผิดต้องริบ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้เรือแจวเป็นพาหนะขนของออกนอกราชอาณาจักร์โดยไม่ได้รับอนุญาตแต่ไม่ระบุขนาดเรือนั้น จะริบเรือไม่ได้ และจะริบแจวซึ่งเป็นอุปกรณ์การเดินเรือไม่ได้ด้วย
ของที่จับได้ในเรือขนของออกนอกราชอาณาจักร์อันเป็นความผิดนั้น เมื่อไม่ปรากฎว่าเนื่องด้วยความผิดอย่างไรแล้ว ริบไม่ได้
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้เรือแจวเป็นพาหนะขนของออกนอกราชอาณาจักร์โดยไม่ได้รับอนุญาตแต่ไม่ระบุขนาดเรือนั้น จะริบเรือไม่ได้ และจะริบแจวซึ่งเป็นอุปกรณ์การเดินเรือไม่ได้ด้วย
ของที่จับได้ในเรือขนของออกนอกราชอาณาจักร์อันเป็นความผิดนั้น เมื่อไม่ปรากฎว่าเนื่องด้วยความผิดอย่างไรแล้ว ริบไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 511/2489
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบของกลางที่เกี่ยวข้องกับความผิดฐานส่งออกข้าวโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลฎีกาตัดสินว่าเฉพาะของที่ใช้ในการกระทำความผิดจึงริบได้
กระสอบใส่ข้าวส่งออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นของเนื่องด้วยความผิดต้องริบ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้เรือแจวเป็นพาหนะขนของออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตแต่ไม่ระบุขนาดเรือนั้นจะริบเรือไม่ได้ และจะริบแจวซึ่งเป็นอุปกรณ์การเดินเรือไม่ได้ด้วย
ของที่จับได้ในเรือขนของออกนอกราชอาณาจักรอันเป็นความผิดนั้นเมื่อไม่ปรากฏว่าเนื่องด้วยความผิดอย่างไรแล้วริบไม่ได้
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้เรือแจวเป็นพาหนะขนของออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตแต่ไม่ระบุขนาดเรือนั้นจะริบเรือไม่ได้ และจะริบแจวซึ่งเป็นอุปกรณ์การเดินเรือไม่ได้ด้วย
ของที่จับได้ในเรือขนของออกนอกราชอาณาจักรอันเป็นความผิดนั้นเมื่อไม่ปรากฏว่าเนื่องด้วยความผิดอย่างไรแล้วริบไม่ได้