คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 208

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 405 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 664/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งคำบังคับไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากภูมิลำเนาจำเลยไม่ตรงตามที่ระบุในฟ้อง ทำให้จำเลยมีสิทธิขอพิจารณาใหม่ได้
จำเลยมิได้มีภูมิลำเนาที่บ้านเลขที่ตามฟ้อง แต่ในชั้นส่งคำบังคับได้กระทำโดยวิธีปิดคำบังคับที่บ้านเลขที่ตามฟ้องโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านดังกล่าว การส่งคำบังคับให้จำเลยจึงไม่ชอบ เมื่อไม่มีการส่งคำบังคับโดยชอบเช่นนี้ จำเลยย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่เมื่อใดก็ได้ไม่อยู่ในบังคับตามมาตรา 208 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 664/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งคำบังคับไม่ชอบตามภูมิลำเนาที่ไม่ถูกต้อง จำเลยมีสิทธิขอพิจารณาคดีใหม่ได้
จำเลยมิได้มีภูมิลำเนาที่บ้านเลขที่ตามฟ้องแต่ในชั้นส่งคำบังคับได้กระทำโดยวิธีปิดคำบังคับที่บ้านเลขที่ตามฟ้องโดยไม่ปรากฎว่าจำเลยได้ย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านดังกล่าวการส่งคำบังคับให้จำเลยจึงไม่ชอบเมื่อไม่มีการส่งคำบังคับโดยชอบเช่นนี้จำเลยย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่เมื่อใดก็ได้ไม่อยู่ในบังคับตามมาตรา208แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7806/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดี: หน้าที่ต่อสู้คดีเอง และความรับผิดชอบในการดำเนินการทางกฎหมาย
แม้จะเป็นความจริงว่าจำเลยรู้เท่าไม่ถึงการณ์และไม่เข้าใจในการดำเนินคดีของศาลทั้งเชื่อโดยสุจริตว่าได้ซื้อที่ดินพิพาทโดยสุจริตได้ทำการโอนกรรมสิทธิ์ณสำนักงานที่ดินพร้อมทั้งเข้าครอบครองที่ดินพิพาทแล้วจึงไม่ต้องทำอะไรอีกก็ไม่อาจกล่าวได้ว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดพิจารณาเพราะจำเลยมีหน้าที่ต้องต่อสู้คดีของจำเลยเองหากไม่เข้าใจวิธีการต่อสู้คดีหรือไม่สามารถต่อสู้คดีด้วยตนเองได้ก็ควรต้องมอบหมายให้ทนายความดำเนินการแทนจำเลยจะอ้างเอาความเข้าใจผิดมาเป็นข้อแก้ตัวว่ามิได้จงใจขาดนัดพิจารณาหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7806/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่ต่อสู้คดีด้วยตนเอง หรือมอบหมายทนายความ ความเข้าใจผิดไม่ใช่เหตุขาดนัดพิจารณา
แม้จะเป็นความจริงว่าจำเลยรู้เท่าไม่ถึงการณ์และไม่เข้าใจในการดำเนินคดีของศาล ทั้งเชื่อโดยสุจริตว่าได้ซื้อที่ดินพิพาทโดยสุจริต ได้ทำการโอนกรรมสิทธิ์ ณ สำนักงานที่ดินพร้อมทั้งเข้าครอบครองที่ดินพิพาทแล้ว จึงไม่ต้องทำอะไรอีก ก็ไม่อาจกล่าวได้ว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดพิจารณาเพราะจำเลยมีหน้าที่ต้องต่อสู้คดีของจำเลยเอง หากไม่เข้าใจวิธีการต่อสู้คดีหรือไม่สามารถต่อสู้คดีด้วยตนเองได้ ก็ควรต้องมอบหมายให้ทนายความดำเนินการแทน จำเลยจะอ้างเอาความเข้าใจผิดมาเป็นข้อแก้ตัวว่ามิได้จงใจขาดนัดพิจารณาหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6506/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภูมิลำเนา, การส่งคำบังคับ, การรับทราบ, กำหนดระยะเวลา, คดีล้มละลาย
แม้ทะเบียนบ้านจะไม่ใช่หลักฐานชี้ขาดถึงภูมิลำเนาของจำเลยแต่ปรากฏจากรายงานการเดินหมายของพนักงานเดินหมายว่า ในการไปส่งหมายเรียกสำเนาคำฟ้อง ส่งหมายนัดสืบพยานส่งคำบังคับพบบุคคลซึ่งแจ้งว่าจำเลยไปทำงานทั้งยังได้ความจากคำคัดค้านของโจทก์ว่า เมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีล้มละลายก็ได้ส่งหมายเรียกสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยตามภูมิลำเนาที่ระบุไว้ในคดีนี้ และจำเลยก็ยอมรับว่าได้รับหมายเรียกสำเนาคำฟ้องในคดีที่ถูกฟ้องเป็นคดีล้มละลายแล้ว แสดงให้เห็นว่า จำเลยมีสถานที่อยู่ที่บ้านตามทะเบียนบ้านตามฟ้องเป็นแหล่งสำคัญ การส่งคำบังคับให้แก่จำเลยตามภูมิลำเนาที่ระบุไว้ในคำฟ้องจึงชอบด้วยกฎหมาย และต้องถือว่าจำเลยได้รับคำบังคับแล้ว
ปิดคำบังคับเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2535 แต่จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ในวันที่ 14 มีนาคม 2537 จึงเกินกำหนด 15 วัน นับแต่วันที่ได้ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาให้แก่จำเลย คือวันที่ 3 เมษายน 2535

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6114/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ปฏิบัติตามนัดสืบพยานและการอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยวิธี
ผู้ร้องไม่มาศาลในวันนัดสืบพยาน ศาลชั้นต้นถือว่าผู้ร้องไม่มีพยานมาสืบแล้วมีคำสั่งว่า ให้ยกคำร้อง การที่ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นโดยอ้างว่าผู้ร้องมิได้มีเจตนาที่จะไม่ไปศาลตามกำหนดนัด และในวันนัดสืบพยานผู้ร้องได้มอบฉันทะให้เสมียนทนายเดินทางจากกรุงเทพมหานครนำคำร้องขอเลื่อนคดีไปยื่นต่อศาลชั้นต้นแต่ไปถึงศาลหลังเวลานัดประมาณ 1 ชั่วโมง เนื่องจากการจราจรในกรุงเทพมหานครติดขัดอย่างมาก และเจ้าหน้าที่ศาลไม่ยอมรับคำร้องอ้างว่าศาลได้ดำเนินกระบวน-พิจารณาและยกคำร้องของผู้ร้องไปแล้ว อุทธรณ์ของผู้ร้องเท่ากับเป็นการขอให้ศาลพิจารณาคดีของผู้ร้องใหม่โดยเปิดโอกาสให้ผู้ร้องนำพยานเข้าสืบ ซึ่งเป็นกรณีต้องบังคับตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 153 และ ป.วิ.พ. มาตรา207, 208 และ 209 การที่ผู้ร้องยื่นอุทธรณ์โดยมิได้ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นจึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบ แม้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ศาลอุทธรณ์มิได้สั่งเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์นั้นเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาเห็นสมควรสั่งให้ถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5423/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายเรียกโดยการประกาศและการนับระยะเวลาเพื่อการยื่นคำขอพิจารณาใหม่ในคดีล้มละลาย
จำเลยที่ 2 มีภูมิลำเนาไม่แน่นอน และโจทก์ไม่ทราบว่าจำเลยที่ 2 มีภูมิลำเนาอยู่แห่งใด การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 2 ไม่สามารถจะทำได้ ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 2 โดยการประกาศหนังสือพิมพ์ และปิดประกาศคำบังคับให้จำเลยที่ 2ทราบที่หน้าศาลได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 79 วรรคหนึ่ง
การปิดประกาศคำบังคับที่หน้าศาลมีผลใช้ได้เมื่อกำหนด 15 วันได้ล่วงพ้นไปแล้วตาม ป.วิ.พ. มาตรา 79 วรรคสอง
ศาลชั้นต้นปิดประกาศคำบังคับให้จำเลยทราบเมื่อวันที่ 9กันยายน 2534 ถือว่าได้ส่งคำบังคับให้จำเลยที่ 2 แล้วเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2534และเมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 เป็นคดีล้มละลายเนื่องจากจำเลยที่ 2 ไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนี้ จำเลยที่ 2 เป็นผู้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องด้วยตนเองเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2535 การที่จำเลยที่ 2 ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่เมื่อวันที่10 เมษายน 2535 จึงพ้นกำหนดสิบห้าวันนับจากวันที่ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาแก่จำเลยที่ 2 ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 208 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5423/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งคำบังคับโดยการปิดประกาศและการนับกำหนดเวลาคำขอพิจารณาใหม่ในคดีที่จำเลยมีภูมิลำเนาไม่แน่นอน
จำเลยที่2มีภูมิลำเนาไม่แน่นอนและโจทก์ไม่ทราบว่าจำเลยที่2มีภูมิลำเนาอยู่แห่งใดการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่2ไม่สามารถจะทำได้ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่2โดยการประกาศหนังสือพิมพ์และปิดประกาศคำบังคับให้จำเลยที่2ทราบที่หน้าศาลได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา79วรรคหนึ่ง การปิดประกาศคำบังคับที่หน้าศาลมีผลใช้ได้เมื่อกำหนด15วันได้ล่วงพ้นไปแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา79วรรคสอง ศาลชั้นต้นปิดประกาศคำบังคับให้จำเลยทราบเมื่อวันที่9กันยายน2534ถือว่าได้ส่งคำบังคับให้จำเลยที่2แล้วเมื่อวันที่24กันยายน2534และเมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยที่2เป็นคดีล้มละลายเนื่องจากจำเลยที่2ไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนี้จำเลยที่2เป็นผู้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องด้วยตนเองเมื่อวันที่5มีนาคม2535การที่จำเลยที่2ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่เมื่อวันที่10เมษายน2535จึงพ้นกำหนดสิบห้าวันนับจากวันที่ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาแก่จำเลยที่2ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา208แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2885/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กำหนดเวลาคำขอพิจารณาใหม่หลังคำบังคับ: ยื่นล่าช้าและไม่แจ้งเหตุ ศาลยกคำร้อง
เมื่อมีการปิดประกาศคำบังคับหน้าศาลวันที่8ตุลาคม2535คำบังคับจะมีผลใช้ได้ต่อเมื่อกำหนดเวลา15วันได้ล่วงพ้นไปแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา79วรรคสองหากจำเลยจะยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ต้องยื่นภายใน15วันนับจากวันที่24ตุลาคม2535ถ้าจำเลยไม่สามารถยื่นคำขอภายในระยะเวลาดังกล่าวก็จำต้องระบุเหตุแห่งการที่ยื่นคำขอมาล่าช้าแต่คำขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยลงวันที่25มกราคม2536ซึ่งเกินกำหนดเวลาดังกล่าวและมิได้ระบุเหตุผลที่ยื่นล่าช้ากำหนดเวลาที่จะยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่กรณีนี้หาใช่หกเดือนนับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์หรือได้มีการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งโดยวิธีอื่นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2885/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำขอพิจารณาใหม่ต้องยื่นภายใน 15 วันนับจากวันปิดประกาศคำบังคับ หากล่าช้าต้องระบุเหตุผล
เมื่อมีการปิดประกาศคำบังคับหน้าศาลวันที่8ตุลาคม2535คำบังคับจะมีผลใช้ได้ต่อเมื่อกำหนดเวลา15วันได้ล่วงพ้นไปแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา79วรรคสองหากจำเลยจะยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ต้องยื่นภายใน15วันนับจากวันที่24ตุลาคม2535ถ้าจำเลยไม่สามารถยื่นคำขอภายในระยะเวลาดังกล่าวก็จำต้องระบุเหตุแห่งการที่ยื่นคำขอมาล่าช้าแต่คำขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยลงวันที่25มกราคม2536ซึ่งเกินกำหนดเวลาดังกล่าวและมิได้ระบุเหตุผลที่ยื่นล่าช้ากำหนดเวลาที่จะยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่กรณีนี้หาใช่หกเดือนนับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์หรือได้มีการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งโดยวิธีอื่นไม่
of 41