พบผลลัพธ์ทั้งหมด 405 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4571/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดีและการขอพิจารณาใหม่ จำเลยมิได้จงใจขาดนัดและคำร้องมีเหตุผลตามกฎหมาย
หลังจากศาลมีคำพิพากษาแล้ว ไม่ปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาให้แก่จำเลย จำเลยจึงยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ได้ทั้งคำร้องได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งเหตุที่จำเลยได้ขาดนัด และอ้างด้วยว่าจำเลยไม่เคยเอาเงิน 400,000 บาทจากโจทก์ไปซื้อที่ดินดังโจทก์ฟ้อง ซึ่งเป็นการโต้แย้งคำฟ้องของโจทก์และเป็นการคัดค้านคำพิพากษาของศาล คำร้องของจำเลยจึงถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4412/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดีและการขอพิจารณาใหม่: เงื่อนไขและสิทธิในการอุทธรณ์
จำเลยขาดนัดพิจารณา ระหว่างการพิจารณาคดีฝ่ายเดียวจำเลยมาศาลและยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาใหม่อ้างว่ามิได้จงใจขาดนัด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ไต่สวนคำร้องของจำเลยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 205 วรรคสอง จำเลยไม่มาศาลในวันนัดไต่สวนอีก ศาลชั้นต้นสั่งว่า จำเลยไม่มีพยานให้ไต่สวนให้งดการ-ไต่สวนโดยเห็นว่าการขาดนัดของจำเลยเป็นไปโดยจงใจและไม่มีเหตุสมควรแล้วพิพากษาไป กรณีเช่นนี้จำเลยไม่มีสิทธิที่จะร้องขอให้พิจารณาใหม่ได้อีก เพราะต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 205 วรรคสาม (3) และมาตรา 207 (3) ถ้าจำเลยไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้งดการไต่สวนดังกล่าวก็ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งนั้นมิใช่มายื่นคำขอให้พิจารณาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4412/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขาดนัดพิจารณาคดีและคำร้องขอพิจารณาใหม่: ศาลมีอำนาจงดการไต่สวนและพิพากษาคดีได้
จำเลยขาดนัดพิจารณา ระหว่างการพิจารณาคดีฝ่ายเดียว จำเลยมาศาลและยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาใหม่อ้างว่ามิได้จงใจขาดนัด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ไต่สวนคำร้องของจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 205 วรรคสอง จำเลยไม่มาศาลในวันนัดไต่สวนอีก ศาลชั้นต้นสั่งว่า จำเลยไม่มีพยานให้ไต่สวนให้งดการไต่สวนโดยเห็นว่าการขาดนัดของจำเลยเป็นไปโดยจงใจและไม่มีเหตุสมควรแล้วพิพากษาไปกรณีเช่นนี้จำเลยไม่มีสิทธิที่จะร้องขอให้พิจารณาใหม่ได้อีก เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรคสาม (3)และมาตรา 207(3) ถ้าจำเลยไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้งดการไต่สวนดังกล่าวก็ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งนั้น มิใช่มายื่นคำขอให้พิจารณาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4357/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีใหม่เมื่อจำเลยขาดนัด – เหตุผลสมควร & การอ้างหลักฐานใหม่
คำขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยอ้างว่า ถ้าจำเลยนำพยานมาสืบจะทำให้จำเลยชนะคดี เนื่องจากโจทก์ย้ายไปอยู่ที่อื่นโจทก์ไม่ฟ้องคดีภายในอายุความ โจทก์ไม่เคยเข้าครอบครองที่พิพาทโจทก์ได้ขายที่พิพาทให้จำเลยแล้ว โจทก์ได้เช่าที่นาของจำเลยทำกินซึ่งมีความหมายอยู่ในตัวว่าถ้ามีการพิจารณาใหม่จำเลยจะชนะคดีเป็นคำขอที่ได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลแล้ว เหตุที่จำเลยอ้างว่าจำเลยขาดนัดเพราะติดต่อหาทนายความไม่ได้และเมื่อหาทนายความได้แล้วทนายความก็ติดว่าความคดีอื่นในวันนัดถึง 3 คดี จึงยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีไม่ทันนั้น แม้จะไต่สวนได้ความจริงเช่นนั้น ก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4165/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กำหนดระยะเวลาการขอพิจารณาใหม่ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 208 เริ่มเมื่อส่งคำบังคับ หรือมีการบังคับคดี
ป.วิ.พ. มาตรา 208 วรรคแรกบัญญัติว่า "คำขอให้พิจารณาใหม่นั้นให้ยื่นต่อศาลภายในสิบห้าวันนับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งให้แก่จำเลย... แต่กรณีจะเป็นอย่างไรก็ตาม ห้ามมิให้ยื่นคำขอเช่นว่านี้เมื่อพ้นกำหนดหกเดือนนับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์หรือได้มีการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งโดยวิธีอื่น" เมื่อโจทก์ยังมิได้ส่งคำบังคับให้จำเลยทราบ กำหนดเวลาสิบห้าวันจึงยังไม่เริ่มนับ ส่วนที่โจทก์ได้เปลี่ยนชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินจากจำเลยมาเป็นของโจทก์ เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2530 อันถือเป็นการบังคับตามคำพิพากษาก็ตาม แต่จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์2531 ยังไม่พ้นกำหนดระยะเวลาหกเดือนตามบทบัญญัติดังกล่าว จึงยังไม่ล่วงเลยเวลาที่จะขอให้พิจารณาใหม่ได้ตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4165/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กำหนดระยะเวลาคำขอพิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคแรกบัญญัติว่า"คำขอให้พิจารณาใหม่นั้นให้ยื่นต่อศาลภายในสิบห้าวันนับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งให้แก่จำเลย แต่กรณีจะเป็นอย่างไรก็ตาม ห้ามมิให้ยื่นคำขอเช่นว่านี้เมื่อพ้นกำหนดหกเดือนนับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์หรือได้มีการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งโดยวิธีอื่น" เมื่อโจทก์ยังมิได้ส่งคำบังคับให้จำเลยทราบ กำหนดเวลาสิบห้าวันจึงยังไม่เริ่มนับ ส่วนที่โจทก์ได้เปลี่ยนชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินจากจำเลยมาเป็นของโจทก์ เมื่อวันที่ 19พฤศจิกายน 2530 อันถือเป็นการบังคับตามคำพิพากษาก็ตาม แต่จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2531 ยังไม่พ้นกำหนดระยะเวลาหกเดือนตามบทบัญญัติดังกล่าว จึงยังไม่ล่วงเลยเวลาที่จะขอให้พิจารณาใหม่ได้ตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4165/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดโดยจงใจและการเริ่มนับระยะเวลาในการขอพิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
โจทก์ฟ้องจำเลยและมีการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องตลอดจนหมายนัดสืบพยานโจทก์ให้แก่จำเลยโดยการปิดหมายนั้น ณ ภูมิลำเนาจำเลยตามหลักฐานทางทะเบียนบ้าน เมื่อปรากฏว่าจำเลยมิได้อยู่ที่ภูมิลำเนาดังกล่าว หากแต่จำเลยไปอยู่บ้านมารดาจำเลย และจำเลยไม่ทราบว่าถูกโจทก์ฟ้อง แม้จำเลยจะได้ระบุบ้านจำเลยตามที่ปิดหมายในคำฟ้อง คำขอและคำแถลงในคดีอื่นที่จำเลยฟ้องโจทก์ก็เป็นการที่จำเลยระบุตามหลักฐานทางทะเบียนบ้าน กรณีจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยจงใจขาดนัด ศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีโดยจำเลยขาดนัด แม้โจทก์จะได้เปลี่ยนชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินจากจำเลยมาเป็นของโจทก์อันถือเป็นการบังคับตามคำพิพากษาแล้วก็ตาม แต่เมื่อยังมิได้มีการส่งคำบังคับให้จำเลยทราบกำหนดเวลาสิบห้าวันที่ขอให้พิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 จึงยังไม่เริ่มนับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3887/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กระบวนการพิจารณาคดีที่ผิดระเบียบ การส่งหมายและการแสดงเจตนาแทนคู่ความ ศาลมีอำนาจแก้ไขหรือเพิกถอนได้
แม้ศาลชั้นต้นจะได้พิพากษาไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้เงินแก่โจทก์แล้วก็ตาม หากปรากฏว่าการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยที่ 1 และที่ 2 กระทำโดยไม่ชอบ เป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่ทราบว่าตนถูกฟ้อง และจำเลยที่ 3 ได้ยักยอกลายมือชื่อจำเลยที่ 2 ผู้เป็นกรรมการบริษัทจำเลยที่ 1 ที่ลงในกระดาษเปล่ามากรอกข้อความเอาเองว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 มอบอำนาจให้จำเลยที่ 3 ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ เป็นเหตุให้ศาลชั้นต้นเข้าใจผิดว่าเป็นใบมอบอำนาจที่แท้จริงและได้พิพากษาไปตามยอมให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 รับผิดใช้เงินแก่โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่จำเลยที่ 3 ได้แสดงเจตนาแทนจำเลยที่ 1 และที่ 2 ซึ่งได้รับความเสียหายจากการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบก็ย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นสั่งเพิกถอนหรือแก้ไขให้ดำเนินกระบวนพิจารณานั้น ๆ ใหม่ให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไปได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา27 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2812/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กำหนดระยะเวลาการยื่นคำขอพิจารณาใหม่หลังได้รับคำบังคับ: นับจากวันที่บังคับมีผล ไม่รวมระยะเวลาปฏิบัติตามคำบังคับ
การร้องขอพิจารณาคดีใหม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 ต้องยื่นภายใน 15 วัน นับแต่คำบังคับมีผล มิใช่รวมระยะเวลาที่ต้องปฏิบัติตามคำบังคับ 30 วันเข้าไปด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2708/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดีโดยทนายความ: ความรับผิดชอบของจำเลยและผลของการขาดนัดโดยจงใจ
จำเลยทั้งสองได้แต่งตั้ง ธ. เป็นทนายความให้ดำเนินคดีแทน ธ. ได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดี และลงลายมือชื่อทราบวันนัดสืบพยานโจทก์ แต่ในวันดังกล่าวจำเลยทั้งสองขาดนัดพิจารณาศาลจึงพิจารณาพิพากษาคดีโจทก์ ไปฝ่ายเดียว จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้ พิจารณาใหม่ไว้ในคำให้การแล้ว การที่ธ. ป่วย ด้วยโรคท้องเดินไม่สามารถไปศาลได้นั้นก็เพียงแต่มีอาการ อ่อนเพลียแต่ยังสามารถช่วยเหลือตนเองได้ การป่วย ของ ธ. ไม่ร้ายแรงถึงขนาดจะไปศาลไม่ได้หรือจนไม่สามารถที่จะมอบให้ผู้อื่นไปขอเลื่อนคดีแทน เมื่อเป็นเช่นนี้แม้ธ. ไม่ได้แจ้งวันนัดสืบพยานโจทก์ให้จำเลยทั้งสองทราบ และในวันนัดธ. สามารถติดต่อกับจำเลยทั้งสองได้ก็ถือได้ว่าเป็นการขาดนัด พิจารณาโดยจงใจที่ไม่อาจขอให้พิจารณาใหม่ได้