พบผลลัพธ์ทั้งหมด 405 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2203/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาใหม่หลังขาดนัด - เหตุป่วยไข้และข้อโต้แย้งนอกเหนือจากชั้นอุทธรณ์
จำเลยร้องขอให้พิจารณาใหม่โดยระบุในคำขอว่า ในวันนัดจำเลยป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ มีอาการปวดศีรษะมากจนไม่สามารถลุกเดินไปไหนได้สะดวก คำพิพากษาคลาดเคลื่อน เพราะโจทก์ทั้งสองและจำเลยไม่เคยร่วมกันเป็นนายหน้าซื้อขายที่ดินตามฟ้องหากจำเลยได้มีโอกาสต่อสู้คดีแล้วย่อมมีโอกาสชนะคดีอันจะทำให้ผลของคำพิพากษาเปลี่ยนแปลงไปดังนี้ พอถือได้ว่า คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้ง ซึ่งเหตุที่จำเลยได้ขาดนัดและข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลตามความใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208วรรคสองแล้ว ปัญหาว่าจำเลยป่วยจริงหรือไม่ เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยป่วยจริง โจทก์ทั้งสองมิได้ยกความข้อนี้ขึ้นโต้แย้งไว้ในชั้นอุทธรณ์ จึงยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาไม่ได้เพราะเป็นข้อที่มิได้ว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ข้อเท็จจริงที่จะนำมาประกอบการวินิจฉัยว่ามีเหตุสมควรอนุญาตให้พิจารณาใหม่หรือไม่นั้น จะต้องเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นก่อนหรือในขณะที่ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา จะนำข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นหลังจากศาลมีคำสั่งดังกล่าวแล้วมาพิจารณาหาได้ไม่ฎีกาของโจทก์ที่ว่า จำเลยไม่มีหลักฐานมาแสดงว่าหลังจากหายป่วยแล้วจำเลยได้พยายามแจ้งเหตุให้ศาลทราบนั้น เป็นฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นหลังจากศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาแล้ว จึงเป็นฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2152/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อยกเว้นกำหนด 6 เดือนยื่นคำขอพิจารณาใหม่ในคดีแพ่ง: การบังคับคดีเฉพาะจำเลยบางราย
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคแรกตอนท้ายที่บัญญัติว่า "แต่กรณีจะเป็นอย่างไรก็ตามห้ามมิให้ยื่นคำขอเช่นว่านี้เมื่อพ้นกำหนดหกเดือนนับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์หรือได้มีการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งโดยวิธีอื่น" นั้นหมายถึงเฉพาะจำเลยที่ถูกยึดทรัพย์หรือจำเลยที่ถูกบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งเท่านั้น เมื่อจำเลยที่ 3 ไม่เคยถูกยึดทรัพย์หรือมีการบังคับคดีในคดีนี้มาก่อน ข้อกำหนดหกเดือนจึงไม่ผูกพันจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 จึงขอให้พิจารณาใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2152/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อยกเว้นกำหนด 6 เดือนในการขอพิจารณาคดีใหม่: เฉพาะจำเลยที่ถูกบังคับคดี
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคแรก ตอนท้ายที่ห้ามมิให้ยื่นคำขอพิจารณาคดีใหม่ เมื่อพ้นกำหนด 6 เดือนนับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์หรือได้มีการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งโดยวิธีอื่นนั้น หมายถึงเฉพาะจำเลยที่ถูกยึดทรัพย์หรือจำเลยที่ถูกบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งเท่านั้น เมื่อจำเลยที่ 1เป็นผู้ที่ถูกยึดทรัพย์ แต่จำเลยที่ 3 ไม่เคยถูกยึดทรัพย์หรือมีการบังคับคดีมาก่อน ข้อกำหนด 6 เดือนจึงไม่ผูกพันจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 จึงขอให้พิจารณาใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1890/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิทายาทขอพิจารณาคดีใหม่หลังจำเลยมรณะ: คดีขาดนัดพิจารณาไม่ตัดสิทธิ
ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีโดยจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา เป็นการพิจารณา โดยการขาดนัด หากจำเลยไม่มรณะก็ย่อมมีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 ซึ่งคดียังไม่ถึงที่สุดตามมาตรา 147 การขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่ผู้มรณะตาม มาตรา 42 และ 43 นั้น แม้ในชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาก็ขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่ผู้มรณะได้ ส่วนที่มาตรา 42 บัญญัติว่า ถ้าคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในคดีที่ค้างพิจารณาอยู่ในศาลได้มรณะเสียก่อนศาลพิพากษาคดีให้ศาลเลื่อนการนั่งพิจารณาไปจนกว่าทายาทของผู้มรณะจะได้เข้ามาเป็นคู่ความแทนที่ผู้มรณะนั้น เป็นกรณีที่ศาลให้เลื่อนการนั่งพิจารณาไปถ้าคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในคดีที่ค้างพิจารณาอยู่ในศาลได้มรณะเสียก่อนศาลพิพากษาคดีหากคู่ความมรณะภายหลังศาลพิพากษาคดีแล้วก็ไม่มีกรณีที่จะต้องเลื่อนการนั่งพิจารณา ในระหว่างนี้หากคดียังไม่ถึงที่สุดทายาทของผู้มรณะก็ยังคงมีสิทธิขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่ผู้มรณะได้ มิใช่ว่าเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาคดีแล้วสิทธิขอเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่ผู้มรณะสิ้นไปด้วย คดีนี้โจทก์ฟ้องขอมีชื่อเป็นเจ้าของทรัพย์สินร่วมกับจำเลย หากทรัพย์สินที่โจทก์ฟ้องขอมีชื่อเป็นเจ้าของร่วมเป็นของจำเลยแต่ผู้เดียวทรัพย์สินดังกล่าวทั้งหมดย่อมเป็นมรดกตกทอดแก่ทายาทของจำเลย จึงเป็นกรณีสิทธิในทรัพย์สินมิใช่สิทธิเฉพาะตัว ผู้ร้องอ้างว่าเป็นทายาทของจำเลยร้องขอเข้ามาแทนที่จำเลยเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตน ผู้ร้องย่อมมีสิทธิร้องขอให้พิจารณาใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1746/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดยื่นคำขอพิจารณาใหม่เกินกำหนดระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด แม้มีเหตุสุดวิสัยหลังการยึดทรัพย์
คำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลยอ้างว่า จำเลยไม่ได้อยู่ที่บ้านในระหว่างถูกฟ้องเพราะเดินทางไปประเทศซาอุดีอาระเบีย แสดงว่าจำเลยยังมีภูมิลำเนาอยู่ตามที่ระบุในฟ้อง เจ้าพนักงานเดินหมายส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องตลอดจนคำบังคับให้จำเลยตามภูมิลำเนาดังกล่าว จึงเป็นการส่งโดยชอบแล้ว คำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลยจะต้องยื่นภายในกำหนดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 209ทั้งนี้ แม้จะมีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ แต่เมื่อมีการยึดทรัพย์เพื่อบังคับคดีตามคำพิพากษาแล้ว ก็ไม่อาจยื่นคำขอล่าช้าเกินกว่า 6 เดือน นับแต่วันยึดทรัพย์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1746/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นคำขอพิจารณาใหม่หลังการยึดทรัพย์: กำหนดเวลา 6 เดือน และการส่งหมายเรียกโดยชอบ
จำเลยอ้างแต่เพียงว่าระหว่างถูกฟ้องคดีนี้จำเลยมิได้อยู่ที่บ้านเพราะจำเลยเดินทางไปประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งแสดงว่าจำเลยยังมีภูมิลำเนาตามที่โจทก์ระบุในคำฟ้อง การที่เจ้าพนักงานเดินหมายส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องตลอดจนคำบังคับให้จำเลยตามภูมิลำเนาดังกล่าว จึงเป็นการส่งโดยชอบแล้ว เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพิพาทเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2527และทำการขายทอดตลาดที่ดินพิพาทเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2528จำเลยมายื่นคำขอพิจารณาใหม่เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2532จึงพ้นกำหนดหกเดือนนับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์ แม้จะมีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ จำเลยก็ไม่อาจยื่นคำขอล่าช้าเกิน 6 เดือนนับแต่วันยึดทรัพย์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 844/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาเนื่องจากจำเลยไม่ทราบที่อยู่ใหม่หลังขายบ้าน
จำเลยไม่ทราบเรื่องที่ถูกฟ้องเพราะจำเลยขายบ้านซึ่งเป็นภูมิลำเนาเดิมให้แก่ ช.ไป และได้ย้ายไปอยู่บ้านของภรรยาแล้ว และไม่ได้รับการติดต่อจาก ช. เรื่องที่จำเลยถูกฟ้อง เนื่องจาก ช.ไม่ทราบที่อยู่ใหม่ของจำเลย และจำเลยไม่ได้ไปที่บ้านเดิมอีกเลย กรณีถือได้ว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
คำร้องของจำเลยระบุว่า การที่จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา เพราะจำเลยไม่เคยได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง หมายนัดสืบพยานโจทก์รวมทั้งคำบังคับ เนื่องจากโจทก์นำไปส่งที่บ้านที่จำเลยขายไปแล้ว ถือได้ว่าคำขอของจำเลยแสดงเหตุแห่งการล่าช้าอันเนื่องมาจากพฤติการณ์นอกเหนือที่จำเลยไม่อาจรู้ได้ ทำให้ไม่สามารถยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ส่งคำบังคับให้แก่จำเลย
คำร้องของจำเลยระบุว่า การที่จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา เพราะจำเลยไม่เคยได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง หมายนัดสืบพยานโจทก์รวมทั้งคำบังคับ เนื่องจากโจทก์นำไปส่งที่บ้านที่จำเลยขายไปแล้ว ถือได้ว่าคำขอของจำเลยแสดงเหตุแห่งการล่าช้าอันเนื่องมาจากพฤติการณ์นอกเหนือที่จำเลยไม่อาจรู้ได้ ทำให้ไม่สามารถยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ส่งคำบังคับให้แก่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 844/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดยื่นคำให้การและการพิจารณาคดีเนื่องจากจำเลยไม่ทราบเรื่องฟ้องคดี การส่งหมายที่ภูมิลำเนาเดิมหลังขายทรัพย์สิน
จำเลยไม่ทราบเรื่องที่ถูกฟ้องเพราะจำเลยขายบ้านซึ่งเป็นภูมิลำเนาเดิมให้แก่ ช. ไป และได้ย้ายไปอยู่บ้านของภรรยาแล้ว และไม่ได้รับการติดต่อ จาก ช. เรื่องที่จำเลยถูกฟ้อง เนื่องจาก ช. ไม่ทราบที่อยู่ใหม่ของจำเลย และจำเลยไม่ได้ไปที่ บ้านเดิมอีกเลย กรณีถือได้ว่าจำเลยมิได้จงใจ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา คำร้องของ จำเลยระบุว่า การที่จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ และขาดนัดพิจารณา เพราะจำเลยไม่เคยได้รับหมายเรียก และสำเนาคำฟ้อง หมายนัดสืบพยานโจทก์ รวมทั้งคำบังคับ เนื่องจากโจทก์นำไปส่งที่บ้าน ที่จำเลยขายไปแล้ว ถือได้ว่าคำขอของจำเลย แสดงเหตุแห่งการล่าช้าอันเนื่องมาจากพฤติการณ์ นอกเหนือที่จำเลยไม่อาจรู้ได้ ทำให้ไม่สามารถยื่น คำขอให้พิจารณาใหม่ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ส่งคำบังคับให้แก่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 396/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทนายจำเลยขาดนัดพิจารณาคดีด้วยเหตุผลส่วนตัว ถือเป็นการจงใจละเลยหน้าที่
ศาลชั้นต้นกำหนดวันเวลานัดสืบพยานโจทก์และทนายจำเลยได้ทราบกำหนดนัดแล้ว ครั้นถึงวันนัดทนายจำเลยไม่ไปศาลตามกำหนดนัดการที่ทนายจำเลยอ้างว่าเดินทางไปต่างจังหวัดและเกิดท้องเดินต้องรักษาตัวที่คลีนิกของแพทย์ที่ต่างจังหวัดจนถึงวันนัดสืบพยานโจทก์อาการดีขึ้นจึงเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร ในวันรุ่งขึ้นมาปฏิบัติราชการได้ตรวจสมุดนัดความจึงทราบว่าไม่ได้มาศาลในวันสืบพยานนั้นแม้เหตุดังกล่าวจะเป็นความจริงดังที่ทนายจำเลยอ้างก็ตามทนายจำเลยก็เป็นพนักงานอัยการย่อมรู้กฎหมายและกระบวนวิธีพิจารณาคดีของศาลดีว่า ความสำคัญของผลคดีที่ขาดนัดพิจารณานั้นเป็นอย่างไร เมื่อทนายจำเลยเองทราบว่าในเข้าวันนัดสืบพยานโจทก์นั้น ตนเองมาปฏิบัติราชการไม่ได้ก็น่าจะขวนขวายดำเนินการโทรศัพท์ถามไปยังจำเลยตัวความ หรือโทรศัพท์ไปยังผู้บังคับบัญชาให้ช่วยตรวจสอบว่า มีคดีที่ตนรับผิดชอบนัดพิจารณาในวันนั้นหรือไม่เพื่อจะได้ดำเนินการขอเลื่อนหรือแก้ไขต่อไป แต่ทนายจำเลยก็หาได้กระทำไม่ ทั้งได้ความจากทนายจำเลยเองว่า ที่คลินิกที่ทนายจำเลยพักรักษาตัวอยู่นั้นก็มีโทรศัพท์แต่ทนายจำเลยไม่ได้โทรศัพท์แจ้งให้ทางที่ทำงานทราบ นอกจากนี้ยังได้ความอีกว่า ทนายจำเลยไม่ได้คิดเรื่องงานเลย ประกอบกับเมื่อทนายจำเลยทราบวันเวลานัดในวันรุ่งขึ้นแล้ว ทนายจำเลยน่าจะกระตือรือร้นรีบยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่โดยเร็ว แต่กลับปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปประมาณ 25 วันทนายจำเลยมีหน้าที่ต้องเอาใจใส่ในการต่อสู้คดีของตัวความการที่ทนายจำเลยไม่ขวนขวายดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งและปล่อยปละละเลยดังกล่าวมา จึงเป็นการไม่เอาใจใส่ในหน้าที่และเป็นความบกพร่องของทนายจำเลยเอง กรณีเช่นนี้ต้องถือว่าการขาดนัดพิจารณาของจำเลยเป็นไปโดยจงใจไม่มีเหตุอันสมควร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 79/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา: จำเลยไม่ทราบการฟ้องเนื่องจากเดินทางค้าขายต่างจังหวัด
ระหว่างจำเลยถูกฟ้องจำเลยไม่ได้อยู่ที่บ้านตามฟ้องได้เดินทางไปค้าขายต่างจังหวัดไม่ทราบว่าถูกโจทก์ฟ้องกลับจากต่างจังหวัดหลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาแล้ว จึงทราบว่าถูกฟ้อง ดังนั้น การที่จำเลยไม่ได้ยื่นคำให้การและไม่ได้มาศาลในวันนัดพิจารณา จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา