คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 208

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 405 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3153/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภูมิลำเนา การส่งคำบังคับ และระยะเวลาการยื่นคำขอพิจารณาใหม่หลังยึดทรัพย์
จำเลยที่ 4 ไปศึกษาต่อต่างประเทศก่อนโจทก์ฟ้องหลายปี มีครอบครัวและประกอบอาชีพอยู่ต่างประเทศ แต่จำเลยที่ 4 ยังมีสัญชาติไทย มีชื่อในทะเบียนบ้านตามที่โจทก์บรรยายไว้ในคำฟ้องและเคยเดินทางกลับมาประเทศไทยหลายครั้ง ถือว่าจำเลยที่ 4 ยังมีภูมิลำเนาในประเทศไทยตามทะเบียนบ้านนั้น การส่งคำบังคับให้แก่จำเลยที่ 4 ตามภูมิลำเนาดังกล่าวโดยการปิดคำบังคับจึงเป็นการส่งโดยชอบ จำเลยที่ 4 เพิ่งยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่เมื่อพ้นกำหนด6 เดือนไปแล้ว นับแต่วันยึดทรัพย์ของจำเลยที่ 4 จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคแรก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3153/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภูมิลำเนา, การบังคับคดี, กำหนดเวลา, คำขอพิจารณาใหม่, การส่งหมาย
จำเลยที่ 4 ไปศึกษาต่อต่างประเทศก่อนโจทก์ฟ้องคดีเป็นเวลาหลายปี มีครอบครัวและประกอบอาชีพอยู่ต่างประเทศ แต่จำเลยที่ 4ยังมีสัญชาติไทย มีชื่อ ในทะเบียนบ้านตามที่โจทก์บรรยายไว้ในคำฟ้องและเคยเดินทางกลับมาประเทศไทยหลายครั้ง ดังนี้ ถือว่าจำเลยที่ 4ยังมีภูมิลำเนาในประเทศไทยตามทะเบียนบ้านนั้น พนักงานเดินหมายปิดคำบังคับ ณ ภูมิลำเนาของจำเลยที่ 4 ตามคำสั่งศาลชั้นต้น เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2527 ถือได้ว่าการส่งคำบังคับให้แก่จำเลยที่ 4 ชอบแล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์ของจำเลยที่ 4 เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2530 จำเลยที่ 4เพิ่งมายื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2531ซึ่งพ้นกำหนด 6 เดือนไปแล้วนับแต่วันยึดทรัพย์ของจำเลยที่ 4จึงต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 208.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2571/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดโดยจงใจในคดีแพ่ง แม้จำเลยถูกจำคุกอยู่เรือนจำ แต่มีผู้พักอาศัยที่ภูมิลำเนา
เจ้าพนักงานศาลได้ปิดหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องและหมายนัดสืบพยานโจทก์ที่ภูมิลำเนาของจำเลยโดยชอบ ในระหว่างนั้นจำเลยต้องโทษจำคุกอยู่ในเรือนจำแต่ภรรยาและบุตรของจำเลยคงอยู่ ณ ภูมิลำเนาของจำเลยน่าเชื่อว่าจำเลยได้ทราบถึงการถูกฟ้องและการส่งหมายนัดสืบพยานโจทก์ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยขาดนัดโดยจงใจและเป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุอันสมควรตาม ป.วิ.พ. มาตรา 208,209.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2322/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำขอพิจารณาใหม่ต้องยื่นภายในกำหนด หากมีเหตุสุดวิสัยนอกเหนือการควบคุม ยื่นได้ภายใน 15 วันนับจากเหตุสิ้นสุด
คำขอให้พิจารณาคดีใหม่ ต้องยื่นต่อศาลภายใน 15 วัน นับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับตามคำพิพากษา เว้นแต่ไม่อาจยื่นคำขอภายในระยะเวลาดังกล่าวโดยพฤติการณ์นอกเหนืออันไม่อาจบังคับได้ก็อาจยื่นภายในกำหนด 15 วัน นับแต่พฤติการณ์นั้นสิ้นสุดลงป.วิ.พ. มาตรา 208 ประกอบด้วย พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31คำขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยอ้างเหตุว่าจำเลยไม่ทราบว่าถูกโจทก์ฟ้องเพราะ ว. ลูกจ้างจำเลยซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่แผนกไปรษณีย์ได้ทุจริตช่วยเหลือโจทก์ โดยได้ยึดหน่วงหมายเรียกสำเนาฟ้องไว้ไม่ส่งให้หน่วยงานของจำเลยที่รับผิดชอบทราบเพื่อไม่ให้จำเลยมีโอกาสต่อสู้คดี คำขอของจำเลยจึงเป็นการอ้างเหตุที่ไม่สามารถยื่นคำขอภายในกำหนดเพราะเหตุนอกเหนือไม่อาจบังคับได้จากการกระทำของ ว. เมื่อจำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายในกำหนด 15 วันนับแต่พฤติการณ์นั้นสิ้นสุด คำขอของจำเลยจึงยื่นถูกต้องตามกฎหมายศาลแรงงานจะต้องรับคำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยไว้ทำการไต่สวนต่อไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2133/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดชอบในการดำเนินคดีและการขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ อ้างว่า จำเลยที่ 1ไม่ได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา เพราะจำเลยที่ 1เข้าใจผิดว่า จำเลยที่ 2 ได้มอบหมายให้ทนายความประจำตัวของจำเลยที่ 2 ดำเนินคดีโดยยื่นคำให้การและดำเนินกระบวนพิจารณาต่าง ๆ แทนจำเลยที่ 1 และทนายความของจำเลยที่ 2 ก็เข้าใจว่าจำเลยที่ 1 ได้มอบหมายให้ทนายความของจำเลยที่ 1 ยื่นคำให้การและดำเนินกระบวนพิจารณาเอง แม้เหตุผลตามคำร้องจะเป็นความจริงก็ไม่อาจกล่าวได้ว่าจำเลยที่ 1 ไม่จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา เพราะจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ต้องเอาใจใส่ในการต่อสู้คดีของจำเลยที่ 1 เอง จำเลยที่ 1 จะอ้างความเข้าใจผิดมาเป็นข้อแก้ตัวว่ามิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2133/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดชอบในการดำเนินคดี: จำเลยมีหน้าที่ติดตามและตรวจสอบการดำเนินคดีของตนเอง
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ อ้างว่า จำเลยที่ 1ไม่ได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา เพราะจำเลยที่ 1เข้าใจผิดว่า จำเลยที่ 2 ได้มอบหมายให้ทนายความประจำตัวของจำเลยที่ 2 ดำเนินคดีโดยยื่นคำให้การและดำเนินกระบวนพิจารณาต่าง ๆ แทนจำเลยที่ 1 และทนายความของจำเลยที่ 2 ก็เข้าใจว่าจำเลยที่ 1 ได้มอบหมายให้ทนายความของจำเลยที่ 1 ยื่นคำให้การและดำเนินกระบวนพิจารณาเอง แม้เหตุผลตามคำร้องจะเป็นความจริงก็ไม่อาจกล่าวได้ว่าจำเลยที่ 1 ไม่จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา เพราะจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ต้องเอาใจใส่ในการต่อสู้คดีของจำเลยที่ 1 เอง จำเลยที่ 1 จะอ้างความเข้าใจผิดมาเป็นข้อแก้ตัวว่ามิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 628/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำขอพิจารณาใหม่ต้องระบุข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดอย่างชัดเจน การอ้างคดีเก่าที่มีผลพิพากษาเหมือนกันไม่ถือเป็นเหตุพิจารณาใหม่
คำขอให้พิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 จำเลยกล่าวเพียงว่ากรณีอย่างเดียวกันนี้โจทก์เคยฟ้องจำเลยมาแล้ว และศาลพิพากษาให้จำเลยชนะคดี ถ้าจำเลยมีโอกาสซักค้านพยานโจทก์และนำพยานหลักฐานเข้าสืบแสดงต่อศาล ศาลก็ต้องพิพากษาให้จำเลยชนะคดี เพราะพยานหลักฐานโจทก์และจำเลยในคดีนี้กับคดีดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานชุดเดียวกัน ถือไม่ได้ว่าได้กล่าวคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลโดยละเอียดชัดแจ้ง จึงไม่ชอบที่จะรับไว้พิจารณาและศาลอาจยกคำร้องได้โดยไม่ต้องไต่สวน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 628/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำขอพิจารณาใหม่ต้องแสดงเหตุคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดชัดเจน การอ้างพยานหลักฐานชุดเดิมไม่ถือเป็นเหตุคัดค้าน
คำขอให้พิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 จำเลยกล่าวเพียงว่ากรณีอย่างเดียวกันนี้โจทก์เคยฟ้องจำเลยมาแล้ว และศาลพิพากษาให้จำเลยชนะคดี ถ้าจำเลยมีโอกาสซักค้านพยานโจทก์และนำพยานหลักฐานเข้าสืบแสดงต่อศาล ศาลก็ต้องพิพากษาให้จำเลยชนะคดี เพราะพยานหลักฐานโจทก์และจำเลยในคดีนี้กับคดีดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานชุดเดียวกัน ถือไม่ได้ว่าได้กล่าวคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลโดยละเอียดชัดแจ้ง จึงไม่ชอบที่จะรับไว้พิจารณาและศาลอาจยกคำร้องได้โดยไม่ต้องไต่สวน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 460/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องขอพิจารณาใหม่ต้องระบุเหตุผลชัดเจนว่าหากเปิดโอกาสต่อสู้คดีแล้วผลจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยอ้างว่า หากจำเลยมีโอกาสต่อสู้คดีมาแต่แรก คำพิพากษาของศาลชั้นต้นจะต้องเปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากจำเลยมิได้เป็นหนี้ตามจำนวนที่ฟ้อง เพราะได้ชำระ เงินต้นและดอกเบี้ยบางส่วนให้แก่โจทก์แล้ว ทั้งการบอกกล่าวบังคับจำนองของโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นเป็นการกล่าวอ้างแต่เพียงว่า จำเลยเป็นหนี้โจทก์ไม่เกินจำนวนหนึ่งโดยไม่มีเหตุผลหรือหลักฐานอ้างอิงในอันที่จะแสดงให้เห็นโดยชัดแจ้งว่า หากพิจารณาใหม่แล้ว ศาลจะพิพากษาให้ผิดแผกแตกต่างไปจากที่ได้พิพากษาไปแล้ว ส่วนที่จำเลยอ้างว่าโจทก์บอกกล่าวบังคับจำนองไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยก็ไม่ได้อ้างว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร ดังนี้ คำร้อง ของ จำเลยไม่กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 208 จึงไม่มีเหตุที่จะขอให้พิจารณาใหม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 247/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดต่อความผิดพลาดของทนาย และเหตุผลการไม่สมควรพิจารณาใหม่
เมื่อทนายจำเลยดำเนินคดีผิดพลาด ย่อมต้องถือว่าเป็นความผิดพลาดของจำเลยด้วย จำเลยจะอ้างว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อเป็นเหตุปัดความรับผิดหาได้ไม่ จำเลยอ้างในคำขอให้พิจารณาใหม่แต่เพียงว่าคดีจำเลยมีทางชนะคดีโจทก์ได้เท่านั้น ข้ออ้างเช่นนี้หาเป็นข้อความที่คัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลโดยละเอียดและชัดแจ้งไม่ คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยจึงขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 วรรคท้าย ศาลชอบที่จะยกคำร้องของจำเลยได้
of 41