พบผลลัพธ์ทั้งหมด 405 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 247/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดต่อความผิดพลาดของทนาย และเหตุผลการไม่สมควรพิจารณาใหม่
เมื่อทนายจำเลยดำเนินคดีผิดพลาด ย่อมต้องถือว่าเป็นความผิดพลาดของจำเลยด้วย จำเลยจะอ้างว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อเป็นเหตุปัดความรับผิดหาได้ไม่ จำเลยอ้างในคำขอให้พิจารณาใหม่แต่เพียงว่าคดีจำเลยมีทางชนะคดีโจทก์ได้เท่านั้น ข้ออ้างเช่นนี้หาเป็นข้อความที่คัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลโดยละเอียดและชัดแจ้งไม่ คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยจึงขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 วรรคท้าย ศาลชอบที่จะยกคำร้องของจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 247/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพลาดของทนายความย่อมเป็นความรับผิดของจำเลย และคำขอพิจารณาใหม่ต้องชัดเจน
เมื่อทนายจำเลยดำเนินคดีผิดพลาด ย่อมต้องถือว่าเป็นความผิดพลาดของจำเลยด้วย จำเลยจะอ้างว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อเป็นเหตุปัดความรับผิดหาได้ไม่
จำเลยอ้างในคำขอให้พิจารณาใหม่แต่เพียงว่าคดีจำเลยมีทางชนะคดีโจทก์ได้เท่านั้น ข้ออ้างเช่นนี้หาเป็นข้อความที่คัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลโดยละเอียดและชัดแจ้งไม่ คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยจึงขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคท้าย ศาลชอบที่จะยกคำร้องของจำเลยได้
จำเลยอ้างในคำขอให้พิจารณาใหม่แต่เพียงว่าคดีจำเลยมีทางชนะคดีโจทก์ได้เท่านั้น ข้ออ้างเช่นนี้หาเป็นข้อความที่คัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลโดยละเอียดและชัดแจ้งไม่ คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยจึงขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคท้าย ศาลชอบที่จะยกคำร้องของจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5011/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดไต่สวนคำร้องขอพิจารณาใหม่เนื่องจากจำเลยไม่นำพยานมาสืบพยาน ทำให้คำร้องไม่ได้รับการพิจารณา
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยโดยอ้างเหตุว่า คำร้องของจำเลยมิได้คัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลโดยละเอียดชัดแจ้งไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 วรรคสอง และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน แม้จำเลยจะฎีกาคัดค้านในประเด็นดังกล่าวขึ้นมา แต่เมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้งดไต่สวนคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยเพราะเห็นว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบด้วย และคำสั่งดังกล่าวชอบด้วยเหตุผลแล้วเช่นนี้ ก็ไม่เป็นเหตุให้ศาลฎีกาหยิบยกคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยขึ้นไต่สวนต่อไปตามข้อฎีกาของจำเลยได้อีก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5011/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดไต่สวนคำร้องขอพิจารณาใหม่เนื่องจากจำเลยไม่นำสืบพยาน แม้คำร้องไม่ชัดเจน
ศาลชั้นต้นสั่งงดการไต่สวนคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยเพราะจำเลยไม่มีพยานมาสืบซึ่งเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยเหตุผลแล้วแม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะยกคำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลยโดยอ้างเหตุว่า คำร้อง ของ จำเลยมิได้คัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลโดยละเอียดชัดแจ้งไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 วรรคสองด้วย ก็ไม่เป็นเหตุให้ศาลหยิบยกคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยขึ้นไต่สวนต่อไปได้อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5011/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดไต่สวนคำร้องขอพิจารณาใหม่เนื่องจากจำเลยไม่นำพยานมาสืบพยาน และการยกคำร้องเนื่องจากเหตุผลที่ชอบด้วยกฎหมาย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลย โดยอ้างเหตุว่า คำร้องของจำเลยมิได้คัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลโดยละเอียดชัดแจ้งไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสอง และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน แม้จำเลยจะฎีกาคัดค้านในประเด็นดังกล่าวขึ้นมา แต่เมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้งดไต่สวนคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยเพราะเห็นว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบด้วย และคำสั่งดังกล่าวชอบด้วยเหตุผลแล้ว เช่นนี้ ก็ไม่เป็นเหตุให้ศาลฎีกาหยิบยกคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยขึ้นไต่สวนต่อไปตามข้อฎีกาของจำเลยได้อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4044/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทนายจำเลยทิ้งคดี ทำให้จำเลยขาดนัดพิจารณา ศาลฎีกาให้พิจารณาใหม่ได้
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยอาจให้ทนายความไปศาลถามค้านพยานโจทก์ โดยจำเลยไม่ต้องไปศาลก็ได้ แต่ทนายจำเลยได้ทิ้งคดีไม่ไปศาลเพื่อดำเนินกระบวนพิจารณาตามหน้าที่โดยไม่แจ้งให้จำเลยทั้งสองทราบ ทั้งได้ย้ายภูมิลำเนาหลบหนีการถูกดำเนินคดีอาญาในคดีอื่นไปอยู่ที่ใดไม่ปรากฏ ทำให้จำเลยทั้งสองไม่อาจดำเนินกระบวนพิจารณาในวันนัดนั้นได้ การที่จำเลยทั้งสองไม่ไปศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองจงใจขาดนัดพิจารณา จึงสมควรที่จะให้มีการพิจารณาคดีใหม่ตามคำร้องของจำเลยทั้งสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4044/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทนายจำเลยทิ้งคดี ทำให้จำเลยขาดนัดพิจารณา ศาลฎีกาให้พิจารณาใหม่ได้
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยอาจให้ทนายความไปศาลถามค้านพยานโจทก์ โดยจำเลยไม่ต้องไปศาลก็ได้ แต่ทนายจำเลยได้ทิ้งคดีไม่ไปศาลเพื่อดำเนินกระบวนพิจารณาตามหน้าที่โดยไม่แจ้งให้จำเลยทั้งสองทราบ ทั้งได้ย้ายภูมิลำเนาหลบหนีการถูกดำเนินคดีอาญาในคดีอื่นไปอยู่ที่ใดไม่ปรากฏ ทำให้จำเลยทั้งสองไม่อาจดำเนินกระบวนพิจารณาในวันนัดนั้นได้ การที่จำเลยทั้งสองไม่ไปศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองจงใจขาดนัดพิจารณา จึงสมควรที่จะให้มีการพิจารณาคดีใหม่ตามคำร้อง ของ จำเลยทั้งสอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4040/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดีโดยไม่ได้จงใจ และสิทธิในการขอพิจารณาคดีใหม่
จำเลยแต่งทนายและยื่นคำให้การปฏิเสธความรับผิดตามฟ้องแสดงว่าประสงค์จะต่อสู้คดีจนถึงที่สุด ทั้งจำเลยและทนายก็มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ แต่ผิดเวลาไปคือมาศาลหลังจากที่ศาลสั่งขาดนัดพิจารณาและสืบพยานโจทก์ไปแล้ว พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยเข้าใจผิดเรื่องเวลานัดของศาลเนื่องจากทนายจำเลยจดเวลานัดในสมุดนัดผิดพลาดถือได้ว่าจำเลยไม่ได้จงใจขาดนัดพิจารณา จำเลยย่อมขอพิจารณาคดีใหม่ได้ จำเลยมาศาลหลังจากเริ่มต้นสืบพยานไปแล้ว แต่ศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษา ถือได้ว่าอยู่ในระหว่างพิจารณาคดีฝ่ายเดียว จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ในระยะเวลาดังกล่าว เป็นการขอตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรคสอง จึงไม่จำต้องกล่าวข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลในคำร้องดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 208 วรรคท้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4040/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดีเนื่องจากความเข้าใจผิดเรื่องเวลา ศาลอนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ได้หากมิได้จงใจ
จำเลยแต่งทนายและยื่นคำให้การปฏิเสธความรับผิดตามฟ้อง แสดงว่าประสงค์จะต่อสู้คดีจนถึงที่สุด ทั้งจำเลยและทนายก็มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์แต่ผิดเวลาไป คือมาศาลหลังจากที่ศาลสั่งขาดนัดพิจารณาและสืบพยานโจทก์ไปแล้ว พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยเข้าใจผิดเรื่องเวลานัดของศาลเนื่องจากทนายจำเลยจดเวลานัดในสมุดนัดผิดพลาดถือได้ว่าจำเลยไม่ได้จงใจขาดนัดพิจารณา และขอพิจารณาคดีใหม่ได้
จำเลยมาศาลหลังจากเริ่มต้นสืบพยานไปแล้ว แต่ศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษา ถือได้ว่าอยู่ในระหว่างพิจารณาคดีฝ่ายเดียว จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ในระยะเวลาดังกล่าว เป็นการขอตาม ป.วิ.พ. มาตรา 205 วรรคสอง ไม่ต้องกล่าวขอคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลในคำร้องดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 208 วรรคท้าย
จำเลยมาศาลหลังจากเริ่มต้นสืบพยานไปแล้ว แต่ศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษา ถือได้ว่าอยู่ในระหว่างพิจารณาคดีฝ่ายเดียว จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ในระยะเวลาดังกล่าว เป็นการขอตาม ป.วิ.พ. มาตรา 205 วรรคสอง ไม่ต้องกล่าวขอคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลในคำร้องดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 208 วรรคท้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4040/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขาดนัดพิจารณาคดีโดยไม่ได้จงใจ: สิทธิในการขอพิจารณาคดีใหม่
จำเลยแต่งทนายและยื่นคำให้การปฏิเสธความรับผิดตามฟ้อง แสดงว่าประสงค์จะต่อสู้คดีจนถึงที่สุด ทั้งจำเลยและทนายก็มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์แต่ผิดเวลาไป คือมาศาลหลังจากที่ศาลสั่งขาดนัดพิจารณาและสืบพยานโจทก์ไปแล้ว พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยเข้าใจผิดเรื่องเวลานัดของศาลเนื่องจากทนายจำเลยจดเวลานัดในสมุดนัดผิดพลาดถือได้ว่าจำเลยไม่ได้จงใจขาดนัดพิจารณา และขอพิจารณาคดีใหม่ได้ จำเลยมาศาลหลังจากเริ่มต้นสืบพยานไปแล้ว แต่ศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษา ถือได้ว่าอยู่ในระหว่างพิจารณาคดีฝ่ายเดียว จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ในระยะเวลาดังกล่าว เป็นการขอตามป.วิ.พ. มาตรา 205 วรรคสอง ไม่ต้องกล่าวขอคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลในคำร้องดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 208 วรรคท้าย.