พบผลลัพธ์ทั้งหมด 405 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1710/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการขอพิจารณาคดีใหม่ แม้ทิ้งคำร้องก่อนหน้า การขาดนัดพิจารณาคดีโดยไม่ได้จงใจ
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยไม่มาศาล โดยไม่ทราบเหตุขัดข้องศาลชั้นต้นสั่งว่า จำเลยขาดนัดพิจารณา ให้สืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวแล้วโจทก์แถลงหมดพยาน ศาลสั่งนัดสืบพยานจำเลยก่อนถึงวันนัดจำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ คำร้องของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นคำร้องที่อ้างว่าการขาดนัดพิจารณานั้น มิได้เป็นไปโดยจงใจ ขอให้ศาลมีคำสั่งให้พิจารณาคดีนั้นใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 แม้เมื่อถึงวันนัดนั้นทนายจำเลยจะแถลงว่ายังไม่ได้ส่งสำเนาคำร้องให้โจทก์ ซึ่งถือว่าจำเลยทิ้งคำร้องก็ตาม ก็ไม่เป็นผลให้ตัดสิทธิจำเลยที่จะยื่นคำขอให้มีการพิจารณาใหม่หลังจากที่ศาลได้สั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาและมีคำพิพากษาให้จำเลยแพ้คดีในประเด็นที่พิพาทแล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 207 และเมื่อจำเลยมีคำร้องขอให้พิจารณาใหม่อีกโดยถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 ก็ชอบที่ศาลจะรับคำร้องของจำเลยไว้ดำเนินการต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1710/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการขอพิจารณาคดีใหม่หลังขาดนัด – แม้ทิ้งคำร้องแรก ก็ยังยื่นคำร้องใหม่ได้ตามกฎหมาย
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยไม่มาศาล โดยไม่ทราบเหตุขัดข้องศาลชั้นต้นสั่งว่า จำเลยขาดนัดพิจารณา ให้สืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวแล้วโจทก์แถลงหมดพยาน ศาลสั่งนัดสืบพยานจำเลย ก่อนถึงวันนัดจำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ คำร้องของจำเลยดังกล่าวจึงเป็น คำร้องที่อ้างว่าการขาดนัดพิจารณานั้น มิได้เป็นไปโดยจงใจ ขอให้ศาลมีคำสั่งให้พิจารณาคดีนั้นใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 แม้เมื่อถึงวันนัดนั้นทนายจำเลยจะแถลงว่ายังไม่ได้ส่งสำเนาคำร้องให้โจทก์ ซึ่งถือว่าจำเลยทิ้งคำร้องก็ตาม ก็ไม่เป็นผลให้ตัดสิทธิจำเลยที่จะยื่นคำขอให้มีการพิจารณาใหม่หลังจากที่ศาลได้สั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา และมีคำพิพากษาให้จำเลยแพ้คดีในประเด็นที่พิพาทแล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 207 และเมื่อจำเลยมีคำร้องขอให้พิจารณาใหม่อีกโดยถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 ก็ชอบที่ศาลจะรับคำร้องของจำเลยไว้ดำเนินการต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1225/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีใหม่เมื่อจำเลยไม่ทราบการถูกฟ้อง และข้ออ้างเหตุขาดนัดชอบด้วยกฎหมาย
คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยกล่าวว่า โจทก์ฟ้องคดีโดยไม่แจ้งให้จำเลยทราบทั้งๆ ที่โจทก์และคนของโจทก์ก็รู้จักที่ดินที่จำนองและบ้านเรือนของจำเลยดี จำเลยไม่ได้รับหนังสือพิมพ์หรือหาหนังสือพิมพ์ฉบับที่ลงประกาศของศาลมาอ่าน จึงไม่รู้เรื่องถึงคดีที่โจทก์ฟ้อง จำเลยเป็นหนี้จำนองเพียง 100,000 บาท โจทก์คิดดอกเบี้ยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งคดีของโจทก์ขาดอายุความแล้วดังนี้เป็นคำขอที่กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งเหตุที่ได้ขาดนัดและข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208
จำเลยมีภูมิลำเนาเป็นหลักแหล่งแน่นอนตลอดมา ซึ่งถูกต้องตรงกับสถานที่อยู่ของจำเลยในบัญชีเดินสะพัดของจำเลยซึ่งเบิกเงินจากธนาคารโจทก์ แต่โจทก์กลับฟ้องโดยขอให้ศาลประกาศโฆษณาทางหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยเมื่อจำเลยไม่ทราบการถูกฟ้อง และมิได้จงใจขาดนัด จำเลยย่อมขอให้มีการพิจารณาใหม่ได้
จำเลยมีภูมิลำเนาเป็นหลักแหล่งแน่นอนตลอดมา ซึ่งถูกต้องตรงกับสถานที่อยู่ของจำเลยในบัญชีเดินสะพัดของจำเลยซึ่งเบิกเงินจากธนาคารโจทก์ แต่โจทก์กลับฟ้องโดยขอให้ศาลประกาศโฆษณาทางหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยเมื่อจำเลยไม่ทราบการถูกฟ้อง และมิได้จงใจขาดนัด จำเลยย่อมขอให้มีการพิจารณาใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1225/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดโดยมิได้จงใจ และการส่งหมายเรียกโดยชอบด้วยกฎหมาย
คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยกล่าวว่า โจทก์ฟ้องคดีโดยไม่แจ้งให้จำเลยทราบทั้งๆ ที่โจทก์และคนของโจทก์ก็รู้จักที่ดินที่จำนองและบ้านเรือนของจำเลยดี จำเลยไม่ได้รับหนังสือพิมพ์หรือหาหนังสือพิมพ์ฉบับที่ลงประกาศของศาลมาอ่าน จึงไม่รู้เรื่องถึงคดีที่โจทก์ฟ้อง จำเลยเป็นหนี้จำนองเพียง 100,000 บาท โจทก์คิดดอกเบี้ยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งคดีของโจทก์ขาดอายุความแล้วดังนี้เป็นคำขอที่กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งเหตุที่ได้ขาดนัดและข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208
จำเลยมีภูมิลำเนาเป็นหลักแหล่งแน่นอนตลอดมา ซึ่งถูกต้องตรงกับสถานที่อยู่ของจำเลยในบัญชีเดินสะพัดของจำเลยซึ่งเบิกเงินจากธนาคารโจทก์ แต่โจทก์กลับฟ้องโดยขอให้ศาลประกาศโฆษณาทางหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลย เมื่อจำเลยไม่ทราบการถูกฟ้อง และมิได้จงใจขาดนัด จำเลยย่อมขอให้มีการพิจารณาใหม่ได้
จำเลยมีภูมิลำเนาเป็นหลักแหล่งแน่นอนตลอดมา ซึ่งถูกต้องตรงกับสถานที่อยู่ของจำเลยในบัญชีเดินสะพัดของจำเลยซึ่งเบิกเงินจากธนาคารโจทก์ แต่โจทก์กลับฟ้องโดยขอให้ศาลประกาศโฆษณาทางหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลย เมื่อจำเลยไม่ทราบการถูกฟ้อง และมิได้จงใจขาดนัด จำเลยย่อมขอให้มีการพิจารณาใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1136/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดีและการคัดค้านคำตัดสินชี้ขาด จำเลยต้องแสดงเหตุผลชัดเจนว่าหากพิจารณาคดีใหม่จะชนะได้อย่างไร
คำขอให้พิจารณาใหม่ที่กล่าวถึงเหตุที่จำเลยได้ขาดนัดแต่ประการเดียวมิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดว่าไม่ถูกต้องอย่างไรหากมีการพิจารณาคดีใหม่ จำเลยอาจชนะคดีได้อย่างไรบ้าง แม้จำเลยจะอ้างว่าคำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ถูกต้องมาด้วย ก็เป็นการอ้างมาลอย ๆ หาได้คัดค้านในเนื้อหาแห่งคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้นไม่ ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคท้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1136/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดีและการยกคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ จำเลยต้องแสดงเหตุคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดอย่างชัดเจน
คำขอให้พิจารณาใหม่ที่กล่าวถึงเหตุที่จำเลยได้ขาดนัดแต่ประการเดียวมิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดว่าไม่ถูกต้องอย่างไรหากมีการพิจารณาคดีใหม่ จำเลยอาจชนะคดีได้อย่างไรบ้าง แม้จำเลยจะอ้างว่าคำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ถูกต้องมาด้วย ก็เป็นการอ้างมาลอย ๆหาได้คัดค้านในเนื้อหาแห่งคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้นไม่ ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 วรรคท้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 592/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีใหม่เมื่อจำเลยไม่ทราบการฟ้องและไม่สามารถคัดสำนวนได้ทันเวลา ศาลรับคำร้องได้หากเหตุล่าช้ามิใช่ความผิดจำเลย
จำเลยได้ยื่นคำแถลงขอคัดสำนวนในวันที่ 14 ธันวาคม 2514โดยอ้างว่าเพิ่งทราบคำบังคับซึ่งปิดไว้ในที่พิพาท ต่อมาวันที่ 17 ธันวาคม 2514 มีรายงานเจ้าหน้าที่เสนอศาลว่ายังหาสำนวนไม่พบ วันที่ 30 ธันวาคม 2514 จำเลยจึงยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยได้คัดสำนวนไปตั้งแต่เมื่อใด แม้จะถือว่าจำเลยได้คัดสำนวนไปในวันที่ 17 ธันวาคม 2514. ก็ต้องถือว่าพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ ได้สิ้นสุดลงในวันที่ 17ธันวาคม 2514 จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ในวันที่ 30ธันวาคม 2514 จึงยังไม่เกินกำหนด 15 วัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 592/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีใหม่เมื่อจำเลยไม่ทราบเรื่องฟ้อง และไม่สามารถคัดสำนวนได้ทันเวลา ศาลรับคำร้องได้หากเหตุล่าช้าไม่ใช่ความผิดจำเลย
จำเลยได้ยื่นคำแถลงขอคัดสำนวนในวันที่ 14 ธันวาคม 2514โดยอ้างว่าเพิ่งทราบคำบังคับซึ่งปิดไว้ในที่พิพาท ต่อมาวันที่ 17ธันวาคม 2514 มีรายงานเจ้าหน้าที่เสนอศาลว่ายังหาสำนวนไม่พบวันที่ 30 ธันวาคม 2514 จำเลยจึงยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยได้คัดสำนวนไปตั้งแต่เมื่อใด แม้จะถือว่าจำเลยได้คัดสำนวนไปในวันที่ 17 ธันวาคม 2514 ก็ต้องถือว่าพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ ได้สิ้นสุดลงในวันที่ 17ธันวาคม 2514 จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ในวันที่ 30ธันวาคม 2514 จึงยังไม่เกินกำหนด 15 วัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2150/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำขอพิจารณาใหม่ต้องแสดงเหตุผลที่อาจชนะคดีได้ มิใช่เพียงโอกาสชนะ
จำเลยซึ่งขาดนัดยื่นคำให้การ ขาดนัดพิจารณา และศาลพิพากษาให้แพ้คดี ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ ในคำขอนั้นมิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาล เพื่อแสดงว่าตนอาจชนะคดีได้อย่างไร คงกล่าวแต่เพียงว่า ถ้าจำเลยมีโอกาสต่อสู้คดี จำเลยก็มีโอกาสชนะคดีได้เท่านั้น คำขอเช่นนี้ไม่ต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา 208 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ที่ศาลจะสั่งให้มีการพิจารณาใหม่ได้
ปัญหาที่ว่า คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา 208 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งหรือไม่นั้น เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลล่าง โจทก์ก็มีสิทธิยกขึ้นอ้างอิงในชั้นฎีกาได้
(วรรคสอง วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 28/2515)
ปัญหาที่ว่า คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา 208 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งหรือไม่นั้น เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลล่าง โจทก์ก็มีสิทธิยกขึ้นอ้างอิงในชั้นฎีกาได้
(วรรคสอง วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 28/2515)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1460/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคำขอให้พิจารณาใหม่เมื่อจำเลยไม่ทราบการฟ้องและการบังคับคดีเนื่องจากภูมิลำเนาไม่ถูกต้อง
เจ้าพนักงานศาลปิดคำบังคับวันที่ 1 พฤษภาคม 2514คำบังคับจะมีผลใช้ได้ต่อเมื่อกำหนดเวลาสิบห้าวันได้ล่วงพ้นไปแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 วรรคสองกล่าวคือมีผลใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2514 คำขอให้พิจารณาใหม่ต้องยื่นต่อศาลภายในสิบห้าวันนับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับ นับจากวันที่ 17 พฤษภาคม 2514 ก็จะครบกำหนดในวันที่ 31 เดือนเดียวกัน จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่วันที่ 3 มิถุนายน 2514 ย่อมล่วงพ้นกำหนดเวลาที่จะยื่นได้
จำเลยอ้างในคำขอให้พิจารณาใหม่ว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่อื่นมิได้มีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านตามที่โจทก์กล่าวในฟ้อง จำเลยจึงไม่ทราบว่าถูกฟ้อง ไม่ทราบการปิดหมายเรียกและคำบังคับจำเลยไปธุระที่อำเภอซึ่งกล่าวในฟ้องว่าเป็นภูมิลำเนาของจำเลยจึงทราบว่าจำเลยถูกฟ้องและทราบคำบังคับเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2514 และจำเลยไปที่ศาลจึงทราบแน่นอนเมื่อวันที่ 31 เดือนเดียวกัน หากข้อเท็จจริงตามคำขอให้พิจารณาใหม่เป็นความจริงย่อมถือได้ว่าจำเลยไม่สามารถยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายใน 15 วันนับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับโดยพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้และพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้นี้เพิ่งสิ้นสุดลงเมื่อจำเลยทราบว่าถูกฟ้องและศาลปิดคำบังคับแล้ว ซึ่งจำเลยมีสิทธิยื่นคำขอให้ฟ้องพิจารณาใหม่ได้ ภายใน 15 วันนับแต่วันที่ พฤติการณ์นั้นได้สิ้นสุดลง (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1296/2510)
จำเลยอ้างในคำขอให้พิจารณาใหม่ว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่อื่นมิได้มีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านตามที่โจทก์กล่าวในฟ้อง จำเลยจึงไม่ทราบว่าถูกฟ้อง ไม่ทราบการปิดหมายเรียกและคำบังคับจำเลยไปธุระที่อำเภอซึ่งกล่าวในฟ้องว่าเป็นภูมิลำเนาของจำเลยจึงทราบว่าจำเลยถูกฟ้องและทราบคำบังคับเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2514 และจำเลยไปที่ศาลจึงทราบแน่นอนเมื่อวันที่ 31 เดือนเดียวกัน หากข้อเท็จจริงตามคำขอให้พิจารณาใหม่เป็นความจริงย่อมถือได้ว่าจำเลยไม่สามารถยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายใน 15 วันนับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับโดยพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้และพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้นี้เพิ่งสิ้นสุดลงเมื่อจำเลยทราบว่าถูกฟ้องและศาลปิดคำบังคับแล้ว ซึ่งจำเลยมีสิทธิยื่นคำขอให้ฟ้องพิจารณาใหม่ได้ ภายใน 15 วันนับแต่วันที่ พฤติการณ์นั้นได้สิ้นสุดลง (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1296/2510)