พบผลลัพธ์ทั้งหมด 147 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1361/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อนาถา: การเพิกถอนคำสั่งเดิมและการอุทธรณ์คำสั่งศาล
ในวันที่ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 และทนายไม่มาศาล ศาลชั้นต้นสั่งงดไต่สวนและสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ 2 ต่อมาจำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวและไต่สวนคำร้องขออนาถาใหม่ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2517 ว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดให้ไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยที่ 2 ใหม่ และมีคำสั่งลงวันที่ 9 เมษายน 2518 อนุญาตให้จำเลยที่ 2 อุทธรณ์อย่างคนอนาถา โจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลลงวันที่ 31 ตุลาคม 2517 ซึ่งโจทก์ได้โต้แย้งไว้แล้ว จึงหาใช่เป็นอุทธรณ์คำสั่งอนุญาตให้จำเลยอทุธรณ์อย่างคนอนาถาอันถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา156 วรรคสามไม่ จึงไม่ต้องห้ามอุทธรณ์
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งงดการสืบพยานหลักฐานของจำเลยในชั้นไต่สวนอนาถาและสั่งยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยแล้ว จำเลยก็ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ประกอบด้วยมาตรา 229 จำเลยไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่วนั้นได้ เพราะศาลได้สั่งไปโดยชอบแล้ว ทั้งไม่ใช่กรณีการขาดนัดพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 หรือ 202 ด้วย ดังนั้นคำสั่งของศาลชั้นต้นอนุญาตให้ไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อนาถาของจำเลยที่ 2 ใหม่ และคำสั่งอนุญาตให้จำเลยที่ 2 อุทธรณ์อย่างคนอนาถาได้ จึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งงดการสืบพยานหลักฐานของจำเลยในชั้นไต่สวนอนาถาและสั่งยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยแล้ว จำเลยก็ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ประกอบด้วยมาตรา 229 จำเลยไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่วนั้นได้ เพราะศาลได้สั่งไปโดยชอบแล้ว ทั้งไม่ใช่กรณีการขาดนัดพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 หรือ 202 ด้วย ดังนั้นคำสั่งของศาลชั้นต้นอนุญาตให้ไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อนาถาของจำเลยที่ 2 ใหม่ และคำสั่งอนุญาตให้จำเลยที่ 2 อุทธรณ์อย่างคนอนาถาได้ จึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 345/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ทำให้การพิจารณาคดีไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เจ้าพนักงานศาลได้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลย จำเลยไม่ยอมรับ เจ้าพนักงานศาลจึงวางหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไว้ต่อหน้าจำเลยโดยมิได้มีพนักงานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองที่มีอำนาจหรือเจ้าพนักงานตำรวจไปด้วยเพื่อเป็นพยานไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 78 และการที่เจ้าพนักงานศาลส่งหมายแจ้งวันนัดสืบพยานโจทก์ให้จำเลยทราบโดยวิธีปิดหมายโดยศาลมิได้สั่งให้ส่งโดยวิธีนี้ ไม่ชอบด้วยมาตรา 79 จึงต้องถือว่าศาลยังมิได้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นตั้งแต่นั้นมาจึงเป็นการไม่ชอบและไม่มีผลตามกฎหมาย ดังนั้น การที่จำเลยถูกจับกุมตัวมาศาลเพื่อบังคับให้ปฏิบัติตามคำบังคับของศาลและจำเลยแถลงต่อศาลว่ายินดีที่จะโอนที่ดินตามคำพิพากษาให้โจทก์ จึงไม่มีผลไปด้วย
การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องกับการส่งหมายนัดสืบพยานโจทก์ให้จำเลยโดยไม่ชอบนั้น เป็นกรณีที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งให้ข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การนั้นเป็นไปด้วยความยุติธรรม และเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อความปรากฏแก่ศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ย่อมพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยให้ถูกต้องแล้วพิจารณาพิพากษาใหม่ได้
การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องกับการส่งหมายนัดสืบพยานโจทก์ให้จำเลยโดยไม่ชอบนั้น เป็นกรณีที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งให้ข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การนั้นเป็นไปด้วยความยุติธรรม และเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อความปรากฏแก่ศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ย่อมพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยให้ถูกต้องแล้วพิจารณาพิพากษาใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2569/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและการขอพิจารณาคดีใหม่เมื่อจำเลยไม่ทราบการถูกฟ้อง
การที่พนักงานเดินหมายนำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไปส่งที่บ้านอันเคยเป็นภูมิลำเนาเดิมของจำเลย โดยที่บ้านนั้นปิดใส่กุญแจไม่มีคนอยู่ มา 2-3 ปีแล้ว เพราะถูกเทศบาลขับไล่ กำลังจะรื้อและในที่สุดก็ได้รื้อไป บ้านดังกล่าวจึงมิใช่ภูมิลำเนาของจำเลย การปิดหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องที่บ้านหลังนั้นจึงเป็นการมิชอบ และมีเหตุให้น่าเชื่อว่าจำเลยไม่ทราบว่า จำเลยถูกฟ้อง กรณีเช่นนี้เป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ การ ปิดประกาศหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายนัดพิจารณาก็ดี การปิดประกาศที่ศาลแทนการส่งคำบังคับก็ดี ไม่มีผลใช้ได้ จำเลยเพิ่งทราบว่าถูกฟ้องคดี เรื่องนี้เมื่อถูกยึดทรัพย์ ซึ่งเป็นวันที่ถือว่าพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ ได้สิ้นสุดลง แล้วมายื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายในกำหนด15 วัน ตามที่ บังคับไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 จึงมีเหตุสมควร อนุญาตให้ดำเนินการพิจารณาใหม่ได้ตามที่จำเลยร้องขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1128/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดีและการขอพิจารณาใหม่เนื่องจากความเจ็บป่วย โดยต้องพิสูจน์การได้รับหมายเรียกชอบด้วยกฎหมาย
เมื่อยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้รับหมายเรียกและสำเนาฟ้องโดยชอบแล้ว จะถือว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาไม่ได้
จำเลยเจ็บป่วยไม่สามารถยื่นคำของให้พิจารณาใหม่ได้ภายในระยะเวลา 15 วันนับจากวันที่ได้รับคำบังคับนั้น ถือได้ว่าเป็นเพราะพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ เมื่อจำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายใน 15 วันนับจากจำเลยหายป่วย จึงกระทำได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208
จำเลยเจ็บป่วยไม่สามารถยื่นคำของให้พิจารณาใหม่ได้ภายในระยะเวลา 15 วันนับจากวันที่ได้รับคำบังคับนั้น ถือได้ว่าเป็นเพราะพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ เมื่อจำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายใน 15 วันนับจากจำเลยหายป่วย จึงกระทำได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2287/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดีจากความเข้าใจผิดเรื่องวันนัด: เหตุสมควรให้พิจารณาใหม่ได้
โจทก์ไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลจึงสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณา แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ไต่สวนและมีคำสั่งให้พิจารณาใหม่ อ้างว่าโจทก์มิได้จงใจขาดนัดพิจารณาเพราะโจทก์และทนายโจทก์จดวันนัดสืบพยานโจทก์ผิดไป ดังนี้ เป็นการอ้างว่าโจทก์เข้าใจวันนัดสืบพยานผิดไปถ้าข้อเท็จจริงฟังได้ดังโจทก์อ้าง ย่อมถือได้ว่าโจทก์มิได้จงใจขาดนัดพิจารณา กรณีมีเหตุสมควรที่จะให้พิจารณาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2287/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดีเนื่องจากความเข้าใจผิดในวันนัด: ศาลอนุญาตให้พิจารณาใหม่ได้
โจทก์ไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลจึงสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณา แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ไต่สวนและมีคำสั่งให้พิจารณาใหม่ อ้างว่าโจทก์มิได้จงใจขาดนัดพิจารณาเพราะโจทก์และทนายโจทก์จดวันนัดสืบพยานโจทก์ผิดไป ดังนี้ เป็นการอ้างว่าโจทก์เข้าใจวันนัดสืบพยานผิดไป ถ้าข้อเท็จจริงฟังได้ดังโจทก์อ้าง ย่อมถือได้ว่าโจทก์มิได้จงใจขาดนัดพิจารณา กรณีมีเหตุสมควรที่จะให้พิจารณาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1669/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับหมายศาลโดยบุคคลอื่นแทนทนายความ ถือว่าจำเลยได้รับหมายโดยชอบแล้ว แม้จะไม่ได้แจ้งให้ทนายความทราบ
พนักงานเดินหมายของศาลได้นำหมายกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ไปส่งให้แก่จำเลย บุคคลในสำนักงานทนายความของทนายจำเลยซึ่ง อายุเกิน 20 ปี ได้รับหมายนัดไว้แทนทนายจำเลยต้องถือว่าจำเลยได้รับหมายนัดโดยชอบแล้ว
จำเลยไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลจึงสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา และได้ดำเนินการพิจารณาชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียวแล้ว จำเลยจะมาขอให้มีการพิจารณาใหม่ โดยอ้างเหตุว่ามิได้ จงใจขาดนัด เพราะบุคคลที่รับหมายไว้แทนมิได้บอกให้ทราบ หาได้ไม่
จำเลยไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลจึงสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา และได้ดำเนินการพิจารณาชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียวแล้ว จำเลยจะมาขอให้มีการพิจารณาใหม่ โดยอ้างเหตุว่ามิได้ จงใจขาดนัด เพราะบุคคลที่รับหมายไว้แทนมิได้บอกให้ทราบ หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1669/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับหมายศาลโดยบุคคลอื่นแทนทนายความถือว่าจำเลยได้รับหมายโดยชอบ แม้จะไม่ได้แจ้งให้ทนายความทราบ
พนักงานเดินหมายของศาลได้นำหมายกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ไปส่งให้แก่จำเลย บุคคลในสำนักงานทนายความของทนายจำเลย ซึ่งอายุเกิน 20 ปีได้รับหมายนัดไว้แทนทนายจำเลยต้องถือว่าจำเลยได้รับหมายนัดโดยชอบแล้ว
จำเลยไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลจึงสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา และได้ดำเนินการพิจารณาชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียวแล้ว จำเลยจะมาขอให้มีการพิจารณาใหม่ โดยอ้างเหตุว่ามิได้จงใจขาดนัด เพราะบุคคลที่รับหมายไว้แทนมิได้บอกให้ทราบ หาได้ไม่
จำเลยไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลจึงสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา และได้ดำเนินการพิจารณาชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียวแล้ว จำเลยจะมาขอให้มีการพิจารณาใหม่ โดยอ้างเหตุว่ามิได้จงใจขาดนัด เพราะบุคคลที่รับหมายไว้แทนมิได้บอกให้ทราบ หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1546/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกและคำบังคับโดยชอบด้วยกฎหมาย การพิจารณาคดีใหม่ และสิทธิของผู้ถูกบังคับคดี
โจทก์นำเจ้าพนักงานศาลไปส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องให้แก่จำเลยที่บ้านเรือนของจำเลย ไม่พบจำเลย บุตรจำเลยว่าจำเลยไปธุระแต่ไม่ยอมรับหมายแทน แล้วโจทก์ยังแถลงยืนยันว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ตามฟ้องและว่าส่วนมากจำเลยจะอยู่บ้านไม่ค่อยจะไปไหน ดังนี้ จะถือว่ากรณีเป็นเรื่องไม่สามารถส่งโดยวิธีธรรมดาได้ยังไม่ชอบถ้าศาลสั่งอนุญาตให้ลงโฆษณาทางหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายโดยวิธีธรรมดาก็เป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 79 จะถือว่าจำเลยได้ทราบประกาศการส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องแล้วโดยผลของกฎหมายไม่ได้ และการส่งคำบังคับก็ได้กระทำโดยการโฆษณาทางหนังสือพิมพ์อีก ย่อมเป็นกระบวนพิจารณาที่ขัดต่อกฎหมายเช่นกัน ต่อมาจำเลยถูกยึดทรัพย์เมื่อการส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องและการส่งคำบังคับได้กระทำไปโดยไม่ชอบ จำเลยจึงมีสิทธิยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ได้ภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 208/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอพิจารณาคดีใหม่ต้องระบุเหตุคัดค้านคำตัดสินในคำร้องโดยชัดแจ้ง การกล่าวอ้างในคำแก้อุทธรณ์ใช้ไม่ได้
การขอให้พิจารณาคดีใหม่เป็นกระบวนพิจารณาซึ่งคู่ความฝ่ายที่ขาดนัดและแพ้คดีจะต้องร้องขอต่อศาลชั้นต้น ดังนั้นคู่ความดังกล่าวจะต้องกล่าวคำคัดค้านคำตัดสินของศาลในคำร้องขอให้พิจารณาใหม่โดยชัดแจ้ง ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 จะไปกล่าวไว้ในคำแก้อุทธรณ์หาได้ไม่ เมื่อไม่ปฏิบัติให้ถูกต้อง ย่อมเป็นคำร้องที่ไม่ชอบ