พบผลลัพธ์ทั้งหมด 147 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 324/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาล และอำนาจศาลสั่งงดบังคับคดีระหว่างพิจารณาคดีใหม่
คำสั่งใด ๆ ของศาลล่าง เมื่อไม่มีบทบัญญัติให้คำสั่งนั้นเป็นที่สุดหรือบัญญัติห้ามมิให้อุทธรณ์ฎีกาได้แล้ว คู่ความย่อมมีสิทธิที่จะอุทธรณ์หรือฎีกา คัดค้านคำสั่งนั้นต่อศาลสูงได้ เมื่อเป็นกรณีที่อุทธรณ์ได้แล้ว ควรอยู่ในอำนาจของศาลอุทธรณ์ที่จะวินิจฉัยได้ การที่สั่งให้ทุเลาการบังคับหรือให้งดการบังคับคดีไว้ก่อนนั้น เมื่อมีอุทธรณ์มาสู่ศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีอำนาจสั่งได้ ไม่ใช่มีผลให้เพิกถอนคำพิพากษาศาลชั้นต้นแต่อย่างใด
ตามป.วิ.พ. มาตรา 209 ไม่ได้ตัดอำนาจศาลที่จะสั่งให้งดการบังคับคดีในเมื่อมีคำขอให้พิจารณาใหม่ เพราะคำขออาจเป็นความจริงมีเหตุที่ควรให้พิจารณาใหม่ แต่ศาลยังจะต้องฟังพยานของอีกฝ่ายหนึ่งเสียก่อน ถ้าไม่ให้ศาลมีอำนาจสั่งให้บังคับคดีไว้ก่อนได้แล้ว คำร้องขอให้พิจารณาใหม่อาจไม่มีผล และเสียหายแก่ผู้ขอให้พิจารณาใหม่ได้ จึงย่อมอยู่ในอำนาจศาลที่จะสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ก่อนก็ได้
ตามป.วิ.พ. มาตรา 209 ไม่ได้ตัดอำนาจศาลที่จะสั่งให้งดการบังคับคดีในเมื่อมีคำขอให้พิจารณาใหม่ เพราะคำขออาจเป็นความจริงมีเหตุที่ควรให้พิจารณาใหม่ แต่ศาลยังจะต้องฟังพยานของอีกฝ่ายหนึ่งเสียก่อน ถ้าไม่ให้ศาลมีอำนาจสั่งให้บังคับคดีไว้ก่อนได้แล้ว คำร้องขอให้พิจารณาใหม่อาจไม่มีผล และเสียหายแก่ผู้ขอให้พิจารณาใหม่ได้ จึงย่อมอยู่ในอำนาจศาลที่จะสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ก่อนก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 324/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งศาล, การงดการบังคับคดี, และอำนาจศาลในการพิจารณาคำขอใหม่
คำสั่งใดๆ ของศาลล่าง เมื่อไม่มีบทบัญญัติให้คำสั่งนั้นเป็นที่สุดหรือบัญญัติห้ามมิให้อุทธรณ์ฎีกาได้แล้วคู่ความย่อมมีสิทธิที่จะอุทธรณ์หรือฎีกาคัดค้านคำสั่งนั้นต่อศาลสูงได้เมื่อเป็นกรณีที่อุทธรณ์ได้แล้ว ควรอยู่ในอำนาจของศาลอุทธรณ์ที่จะวินิจฉัยได้ การที่สั่งให้ทุเลาการบังคับหรือให้งดการบังคับคดีไว้ก่อนนั้น เมื่อมีอุทธรณ์มาสู่ศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีอำนาจสั่งได้ ไม่ใช่มีผลให้เพิกถอนคำพิพากษาศาลชั้นต้นแต่อย่างใด
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 209 ไม่ได้ตัดอำนาจศาลที่จะสั่งให้งดการบังคับคดีในเมื่อมีคำขอให้พิจารณาใหม่เพราะคำขออาจเป็นความจริงมีเหตุที่ควรให้พิจารณาใหม่ แต่ศาลยังจะต้องฟังพยานของอีกฝ่ายหนึ่งเสียก่อนถ้าไม่ให้ศาลมีอำนาจสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ก่อนได้แล้วคำร้องขอให้พิจารณาใหม่อาจไม่มีผล และเสียหายแก่ผู้ขอให้พิจารณาใหม่ได้ จึงย่อมอยู่ในอำนาจศาลที่จะสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ก่อนก็ได้
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 209 ไม่ได้ตัดอำนาจศาลที่จะสั่งให้งดการบังคับคดีในเมื่อมีคำขอให้พิจารณาใหม่เพราะคำขออาจเป็นความจริงมีเหตุที่ควรให้พิจารณาใหม่ แต่ศาลยังจะต้องฟังพยานของอีกฝ่ายหนึ่งเสียก่อนถ้าไม่ให้ศาลมีอำนาจสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ก่อนได้แล้วคำร้องขอให้พิจารณาใหม่อาจไม่มีผล และเสียหายแก่ผู้ขอให้พิจารณาใหม่ได้ จึงย่อมอยู่ในอำนาจศาลที่จะสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ก่อนก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 116/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีใหม่เนื่องจากจำเลยมีอาการวิกลจริตในช่วงเวลาที่ดำเนินคดี
ในระยะเวลาที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลย ก็ดี ส่งหมายต่างๆให้จำเลยจนกระทั่งพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี ก็ดีเป็นไปในระหว่างจำเลยเป็นโรคเส้นประสาทอย่างแรงถึงขนาดที่เรียกว่าวิกลจริต หรือสติฟั่นเฟือนไม่ปรกติดังนี้ถือได้ว่าจำเลยมิได้จงใจหลีกเลี่ยงไม่ต่อสู้คดี ฉะนั้นเมื่อจำเลยร้องขอให้มีการพิจารณาคดีใหม่ ก็มีเหตุสมควรให้ดำเนินการพิจารณาใหม่ได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 209
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 116/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีใหม่เนื่องจากจำเลยวิกลจริตขณะดำเนินคดี
ในระยะเวลาที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลย ก็ดี ส่งหมายต่างๆให้จำเลยจนกระทั้งพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี ก็ดี เป็นไปในระหว่างจำเลยเป็นโรคเส้นประสาทอย่างแรงถึงขนาดที่เรียกว่าวิกลจริต หรือสติฟั่นเฟือนไม่ปรติ ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยมิได้จงใจหลีกเลี่ยงไปต่อสู้คดี ฉะนั้นเมื่อจำเลยร้องขอให้มีการพิจารณาคดีใหม่ ก็มีเหตุสมควรให้ดำเนินการพิจารณาใหม่ได้ ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 209,
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 342/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำต้องห้าม: คดีพิพาทเดิมถึงที่สุดแล้วฟ้องใหม่ไม่ได้ และการขอพิจารณาใหม่ต้องทำในคดีเดิม
เจ้าอธิการวัดฟ้องขับไล่โจทก์กับพวกออกจากที่พิพาทจนศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของวัด ให้ขับไล่โจทก์กับพวกออกจากที่พิพาทคดีถึงที่สุดแล้วโจทก์กลับมาฟ้องเจ้าอธิการวัด เป็นจำเลยอีกขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ และให้เพิกถอนคำพิพากษาคดีก่อนนั้นเสียดังนี้ ย่อมเป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 148
การยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ในกรณีที่ขาดนัดยื่นคำให้การนั้นจะต้องดำเนินกระบวนพิจารณาในคดีที่ศาลพิจารณาโดยถือว่าขาดนัดนั้นเองจะมาฟ้องเป็นคดีใหม่ ไม่ได้
การยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ในกรณีที่ขาดนัดยื่นคำให้การนั้นจะต้องดำเนินกระบวนพิจารณาในคดีที่ศาลพิจารณาโดยถือว่าขาดนัดนั้นเองจะมาฟ้องเป็นคดีใหม่ ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 270/2486
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดทรัพย์: สิทธิการร้องขัดทรัพย์ไม่สามารถโอนให้ผู้อื่นได้หลังขาดนัด
ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องเดิมโดยผู้ร้องขาดนัดชั้นพิจารณาแล้ว ผู้ร้องใหม่ซึ่งเข้าสวมสิทธิแทนผู้ร้องเดิมจะร้องขัดทรัพย์ใหม่ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 270/2486 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดทรัพย์ซ้ำและการขอพิจารณาใหม่: สิทธิของผู้ร้องและข้อจำกัดตามกฎหมาย
สาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องลักทรัพย์ของผู้ร้องเดิมโดยผู้ร้องขาดนัดชั้นพิจารนาแล้ว ผู้ร้องไหม่ซึ่งเข้าสวมสิทธิแทนผู้ร้อง เดิมจะร้องขัดทรัพย์ไหม่ไม่ได้